กัญชง คือ พืชชนิดหนึ่งที่มีสรรพคุณทางยา โดยกัญชงมีชื่อภาษาอังกฤษว่า เฮมพ์ (Hemp) ส่วนชื่อทางวิทยาศาสตร์ของกัญชง คือ Cannabis sativa L.subsp. sativa อยู่ในวงศ์ Cannabaceae วงศ์เดียวกับกัญชา แต่เป็นสายพันธุ์ย่อย โดยกัญชงเป็นพืชดั้งเดิมที่ขึ้นอยู่ในเขตอบอุ่นของทวีปเอเชีย และสันนิษฐานว่ามีการกระจายพันธุ์เป็นบริเวณกว้างอยู่ทางตอนกลางของทวีป ตั้งแต่ทะเลสาบแคสเปียนไปจนถึงทางตอนใต้ของเทือกเขาหิมาลัยและทางตะวันตกของไซบีเรีย ก่อนจะกระจายไปในที่ต่าง ๆ รวมถึงพื้นที่สูงในประเทศไทย
ทั้งนี้ ลักษณะกัญชงจะเป็นต้นสูงเรียว ใบกัญชงเป็นใบเดี่ยว สีเขียวอ่อน ลักษณะใบกัญชงเหมือนรูปฝ่ามือ ใบเป็นแฉกมีประมาณ 7-11 แฉก ต่อ 1 ใบ ขอบใบเหมือนใบเลื่อย ปลายใบเรียวแหลม ก้านใบยาวประมาณ 7 เซนติเมตร ดอกกัญชงจะออกดอกตามซอกใบ ปลายยอดออกดอกเป็นช่อมีสีขาวขนาดเล็ก เส้นผ่านศูนย์กลางประมาณ 4 มิลลิเมตร ส่วนผลกัญชงมีลักษณะเป็นรูปไข่กลมรี ผิวเรียบมันมีลายสีน้ำตาล ผลเป็นเมล็ดแห้งสีเทา ภายในเมล็ดมีสารอาหารจำพวกแป้งและไขมันจำนวนมาก
เดิมทีกัญชงถูกจัดให้เป็นพืชที่อยู่ในบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 ตามพระราชบัญญัติยาเสพติดให้โทษ พ.ศ. 2522 เนื่องจากกัญชงเป็นพืชสายพันธุ์ย่อยของกัญชาที่มีสารเสพติดออกฤทธิ์สำคัญที่ชื่อว่า เตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol, THC) ซึ่งออกฤทธิ์ต่อระบบประสาทส่วนกลาง ทำให้ผู้เสพมีอาการตื่นเต้น ช่างพูด หัวเราะตลอดเวลา ดังนั้น การผลิต นำเข้า ส่งออก ครอบครอง หรือแม้แต่เสพ จะมีโทษทางอาญา
แต่หลังจากที่กัญชงถูกปลดล็อกตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป กัญชงไม่ถือเป็นสารเสพติดแล้ว ยกเว้นส่วนของสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% ยังคงถือเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5 อยู่ ดังนั้นการปลูกกัญชงและใช้กัญชงก็ควรระวังข้อกฎหมายในส่วนนี้ด้วย
ใบ
กัญชง
กัญชา
ลำต้น
ส่วนต้นกัญชาจะมีลักษณะเป็นพุ่ม ค่อนข้างเตี้ย มักสูงไม่เกิน 2 เมตร ลำต้นเป็นปล้องหรือข้อสั้น แตกกิ่งก้านมาก เปลือกลอกยาก ให้เส้นใยที่ยาวแต่มีคุณภาพต่ำกว่ากัญชา
เมล็ด
ปริมาณสาร THC (Tetrahydrocannabinol)
นอกจากนี้ความแตกต่างอีกอย่างระหว่างกัญชงกับกัญชา จะดูกันที่ปริมาณสาร THC หรือสารเมา ตามกฎหมายไทย ถ้ามีสาร THC ไม่เกินร้อยละ 1 ของใบหรือช่อดอกแห้ง จะเป็นกัญชง (ในอเมริกากำหนดให้ THC ต้องไม่เกินร้อยละ 0.3) แต่หากมีสาร THC เกินร้อยละ 1 จะเป็นกัญชา กรณีอยู่ในรูปของสารสกัด กัญชงต้องมี THC ไม่เกินร้อยละ 2 จึงจะไม่จัดเป็นยาเสพติดให้โทษประเภท 5
ทั้งนี้ ปริมาณสาร THC ในกัญชง ยังขึ้นอยู่กับสภาพแวดล้อมในการปลูกด้วยเช่นกัน หากปลูกกัญชงในสภาวะที่ไม่เหมาะสม เช่น อุณหภูมิร้อนเกินไป อาจทำให้มีสาร THC สูงและเข้าข่ายเป็นกัญชาได้
ปริมาณสาร CBD (Cannabidiol)
สาร CBD หรือแคนนาบินอยด์ เป็นสารที่มีสรรพคุณในการรักษาโรคต่าง ๆ เช่น ช่วยลดอาการปวด แก้อาการนอนไม่หลับ รักษาอาการลมชัก ฯลฯ แต่ไม่ทำให้เมา และไม่ทำให้เกิดการเสพติดเหมือนกับสาร THC ซึ่งในกัญชงจะมีสัดส่วนสาร CBD ต่อ THC สูงกว่ากัญชา โดยพบสาร CBD ในกัญชงประมาณ 2% ขึ้นไป ขณะที่ในกัญชามีสารชนิดนี้อยู่น้อยมาก ไม่ถึง 2%
ทั้งนี้ เนื่องจากกัญชงมีสารเมาน้อย จึงมีฤทธิ์กระตุ้นประสาทน้อย ดังนั้น กัญชงจึงถูกนำมาใช้ประโยชน์ในด้านอื่น ๆ มากกว่าใช้เป็นสารเสพติดอย่างที่กัญชาเป็น
อย่างที่ทราบว่า กัญชง มีสารสำคัญคือ CBD และมีสาร THC ในปริมาณน้อย หากนำมาทำเป็นสารสกัดที่มี CBD เป็นส่วนประกอบหลัก และมี THC ไม่เกิน 0.2% ก็สามารถนำไปผลิตเป็นยาหรือยาสมุนไพรได้ โดยสรรพคุณทางยาของกัญชงที่มีการศึกษาวิจัยพบ มีดังนี้
1. ช่วยผ่อนคลาย เพิ่มความสดชื่น
2. แก้นอนไม่หลับ
3. ลดอาการปวดศีรษะ ปวดไมเกรน
4. บำรุงโลหิต
5. เมล็ดกัญชงมีกรดไขมันดีอย่างโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งช่วยลดความเสี่ยงโรคหัวใจ
6. ลดอาการคลื่นไส้ อาเจียน ในผู้ป่วยที่ได้รับเคมีบำบัด
7. กระตุ้นความอยากอาหาร
8. ต้านการอักเสบ
9. ต้านเชื้อจุลชีพและเชื้อรา
10. รักษาโรคท้องร่วง โรคบิด
11. ต้านอาการโรคลมชัก
12. รักษาโรคทางด้านประสาทต่าง ๆ
ประโยชน์ของกัญชง ที่กำลังถูกชงให้เป็นพืชเศรษฐกิจ
เปลือกและต้นกัญชง
เนื้อต้นกัญชง
เมล็ดกัญชง
น้ำมันจากเมล็ดกัญชง
มีกรดไขมันโอเมก้า 3 และโอเมก้า 6 ซึ่งเป็นกรดไขมันจำเป็นที่ร่างกายมนุษย์ต้องการ นอกจากใช้เป็นอาหารแล้ว น้ำมันจากเมล็ดกัญชงยังถูกนำไปผลิตเป็นสบู่ เครื่องสำอาง ครีมกันแดด โลชั่นบำรุงผิว ลิปสติก ครีมน้ำมันเพื่อรักษาโรคผิวหนัง หรือแม้กระทั่งน้ำมันเชื้อเพลิง
ขณะที่แกนต้นยังนำไปทำพลังงานชีวมวลได้ด้วย โดยรวมจะเห็นว่ากัญชงเป็นพืชอีกชนิดหนึ่งที่สามารถแก้ไขปัญหาขาดแคลนวัตถุดิบทางด้านอุตสาหกรรม และคาดว่าจะเป็นพืชเศรษฐกิจที่ทำรายได้ให้กับประเทศต่อไปในอนาคต
แม้กัญชงจะมีสารเมาในปริมาณน้อย แต่หากใช้เสพด้วยการสูบอาจได้ฤทธิ์เมาที่แรงและรวดเร็วกว่าการรับประทานกัญชงเป็นอาหาร และหากเสพมาก ๆ ติดต่อกันเป็นเวลานาน อาจทำให้เกิดอาการประสาทหลอน หวาดระแวง กังวล และเสี่ยงซึมเศร้า เช่นเดียวกับการเสพกัญชา
ทั้งนี้ การปลดล็อกกัญชาและกัญชงก็เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การศึกษาวิจัย การใช้ตามวิถีชีวิต ใช้เป็นเมล็ดพันธุ์รับรอง ใช้ประโยชน์ในเชิงพาณิชย์หรืออุตสาหกรรม เพื่อนำส่วนต่าง ๆ ของกัญชงไปแปรรูปและสร้างมูลค่าเพิ่มเป็นผลิตภัณฑ์สุขภาพต่าง ๆ ทั้งยา อาหาร เครื่องสำอาง และผลิตภัณฑ์สมุนไพร
อย่างไรก็ตาม กรณีสูบหรือเสพกัญชงแล้วสร้างความรำคาญให้ผู้อื่น หากมีการพบเห็นหรือร้องเรียน เจ้าหน้าที่สามารถเอาผิดได้ตาม พ.ร.บ.สาธารณสุข ในเรื่องของกลิ่นและควันก่อความเดือดร้อนและเป็นเหตุรำคาญ
สามารถนำกัญชงมาแปรรูป หรือทำเป็นผลิตภัณฑ์ออกวางจำหน่ายได้ แต่ต้องขอเลข อย. ก่อนขาย หรือหากจะส่งออกต่างประเทศก็ต้องปฏิบัติตามกฎหมายของประเทศปลายทางด้วย
บทความเรื่องกัญชง และกัญชา
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 9 มิถุนายน 2565
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก FDA Thai (1), (2)
ขอบคุณข้อมูลจาก : เฟซบุ๊ก Fda Thai, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (2), กรมสุขภาพจิต กระทรวงสาธารณสุข, คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, สำนักงาน ป.ป.ส. (1), (2), (3), เรื่องเล่าเช้านี้, เฟซบุ๊กสมุนไพรอภัยภูเบศร, สถาบันยาเสพติดธัญญารักษ์, ฐานข้อมูลสมุนไพรกัญชง มหาวิทยาลัยแม่โจ้, ราชกิจจานุเบกษา, สถาบันวิจัยสภาวะแวดล้อม จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, กรุงเทพธุรกิจ, เฟซบุ๊ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ