กัญชา สรรพคุณทางการแพทย์ดีอย่างไร ทำไมถึงได้รับการปลดล็อกให้เป็นกัญชาเสรี แล้วกัญชาช่วยรักษาโรคอะไรได้บ้างนะ มาทำความเข้าใจกัน
หลังจากวันที่ 9 มิถุนายน 2565 กัญชา และ กัญชง จะพ้นจากการเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 ทำให้เราสามารถนำบางส่วนของกัญชาและกัญชงไปใช้ประโยชน์ในเชิงสุขภาพ ทางการแพทย์ และนำไปประกอบอาหารหรือเครื่องดื่มได้โดยไม่จัดเป็นยาเสพติด ซึ่งเรื่องนี้ถือเป็นประเด็นที่น่าสนใจมาก ๆ และหลายคนคงอยากทราบสรรพคุณของกัญชา ว่ามีประโยชน์ในทางการแพทย์อย่างไรแล้วใช่ไหม งั้นตามมาอ่านกัน
รู้จักกัญชา ว่าที่พืชเศรษฐกิจไทย
กัญชาจัดเป็นพืชดอกในตระกูล Cannabaceae มีต้นกำเนิดในแถบเอเชียกลาง แต่ในปัจจุบันมีการปลูกในหลายพื้นที่ หลายประเทศ โดยกัญชาภาษาอังกฤษเรียกว่า cannabis, Marijuana, Ganja, Hemp เป็นต้น
กัญชา มีชื่อวิทยาศาสตร์ว่า Cannabis sativa L.
subs indica เป็นพืชที่มีต้นตัวผู้และต้นตัวเมียแยกกัน
โดยสารสำคัญในกัญชาคือสารแคนนาบิไดออล (Cannabidiol-CBD) ซึ่งมีมากกว่า 100
ตัว อีกทั้งยังมีสารเตตราไฮโดรแคนนาบินอล (Tetrahydrocannabinol-THC) อยู่มากในส่วนของยอดช่อดอกกัญชา เป็นสารสำคัญที่พบว่ามีประโยชน์ทางการแพทย์ แต่ก็มีผลกระตุ้นระบบประสาท ดังนั้น กัญชาจึงเป็นพืชที่ควรใช้อย่างระมัดระวัง
ทั้งนี้ ศูนย์วิจัยกสิกรไทย วิเคราะห์ว่า มูลค่าตลาดกัญชาทั่วโลกจะมีแนวโน้มเติบโตต่อเนื่อง โดยมีการใช้กัญชาเพื่อการแพทย์ประมาณ 60% และปัจจุบันเริ่มมีบริษัทในกลุ่มอาหารและเครื่องดื่มระดับโลกสนใจใช้สารสกัดจากกัญชาเป็นส่วนประกอบในผลิตภัณฑ์บ้างแล้ว จึงคาดว่าในอนาคต มูลค่าตลาดกัญชาโลกจะเติบโตและกระจายไปในหลายธุรกิจมากขึ้น ขณะที่ประเทศไทยก็นับเป็นประเทศแรกในอาเซียนที่อนุญาตให้ใช้กัญชาเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์และการวิจัยทางวิทยาศาสตร์ได้อย่างถูกกฎหมาย
ปลดล็อกกัญชาพ้นยาเสพติด = ใช้ได้ถูกกฎหมายจริงหรือ
แม้ว่าหลังวันที่ 9 มิถุนายน 2565 กัญชาและกัญชงจะถูกปลดล็อกออกจากบัญชียาเสพติดประเภทที่ 5 จริง และมีผลให้ทุกส่วนของกัญชาและกัญชงไม่เป็นยาเสพติด แต่ก็ยังยกเว้นสารสกัดที่มีปริมาณสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก จะถือเป็นยาเสพติดให้โทษในประเภท 5 อยู่
ทั้งนี้ การปลดล็อกดังกล่าวเพื่อให้นำกัญชาไปใช้ประโยชน์ได้ 5 เป้าหมาย คือ
1. ปลูกเพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ Health&Medical
2. ปลูกเพื่อให้เกิดประโยชน์ทางเศรษฐกิจและอุตสาหกรรม ทั้งในกลุ่มเครื่องสำอาง สมุนไพร และอาหาร รวมถึงส่งเสริมงานวิจัยนวัตกรรม Beauty/Product & Innovation
3. เพื่อให้ประชาชนมีทางเลือกในการดูแลสุขภาพของตนเอง
4. ส่งเสริมให้มีการวิจัยและพัฒนานวัตกรรมทั้งพืช และผลิตภัณฑ์จากกัญชา กัญชง
5. คุ้มครองประชาชน ซึ่งอาจจะได้รับอันตรายจากการบริโภคกัญชา กัญชง และป้องกันการใช้กัญชา กัญชง ในทางที่ผิด
เท่ากับว่าตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 ประชาชนสามารถนำกัญชามาใช้ประโยชน์ด้านสุขภาพ การประกอบอาหาร ได้ตามเป้าหมายข้างต้น แต่กัญชาหรือกัญชงที่นำมารับประทานหรือนำมาใช้จะต้องมีสาร THC ซึ่งเป็นสารเสพติดไม่เกิน 0.2%
อย่างไรก็ตาม ส่วนที่ต้องระวังคือ ช่อดอกกัญชา เพราะมีสาร THC สูงมาก ดังนั้นในระหว่างที่รอ พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ออกมาบังคับใช้ รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการบูรณาการนโยบายพืชกัญชาและกัญชงขึ้นมากำกับดูแลเบื้องต้นว่าอะไรทำได้-ไม่ได้บ้าง เช่น ออกแนวทางการใช้ช่อดอกกัญชาที่ต้องระวัง ควบคุมการสูบ เสพ ไม่ให้สร้างความรำคาญแก่ผู้อื่น หรือห้ามเสพแล้วขับรถ ห้ามขายกัญชา กัญชง ให้เด็กและสตรีมีครรภ์ เป็นต้น
ส่วนกรณีนำเข้ากัญชาในส่วนของเมล็ดพันธุ์กัญชา กัญชง
รวมไปถึงส่วนอื่น ๆ ของพืช เช่น ช่อดอก ใบ กิ่ง ก้าน
ก็ไม่ต้องขออนุญาตนำเข้าตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดแล้ว
แต่ต้องขออนุญาตนำเข้าตาม พ.ร.บ.พันธุ์พืช พ.ศ. 2518 และ พ.ร.บ.กักพืช พ.ศ.
2507
ทว่า สารสกัดที่นำเข้าจากต่างประเทศจะจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด
ทว่า สารสกัดที่นำเข้าจากต่างประเทศจะจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ ต้องได้รับอนุญาตตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด
ประกาศให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม
เนื่องจากการใช้กัญชามีทั้งประโยชน์และโทษที่อาจส่งผลกระทบต่อคนบางกลุ่ม ดังนั้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 กระทรวงสาธารณสุขจึงได้ออกประกาศ กำหนดให้กัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม โดยมีข้อกำหนดสำคัญคือ
- ไม่อนุญาตให้ผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร ครอบครอง ใช้ประโยชน์ ดูแล เก็บรักษา ขนย้าย จำหน่ายกัญชา
- ไม่อนุญาตให้สูบกัญชาในที่สาธารณะ
- ไม่อนุญาตให้จำหน่ายกัญชาให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลายภาคส่วนมีความกังวลเรื่องการใช้ช่อดอกกัญชา จึงได้มีการปรับปรุงประกาศสาธารณสุขอีกครั้ง ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 โดยระบุให้เฉพาะ "ช่อดอกกัญชา" เป็นสมุนไพรควบคุม เพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์จากส่วนของช่อดอกกัญชา ไม่ให้มีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร โดยมีสาระสำคัญคือ
- ผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 46 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 โดยผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และให้รายงานข้อมูลต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีกำหนดด้วย ในส่วนของผู้รับใบอนุญาตให้ส่งออก ต้องแจ้งรายละเอียดการส่งออกต่อผู้อนุญาตเป็นรายครั้ง
- ผู้ที่ได้รับอนุญาตเพื่อศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า ตามมาตรา 46 อยู่ก่อนประกาศฉบับใหม่จะมีผลบังคับจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศฉบับใหม่
- ห้ามจำหน่ายหรือแปรรูปช่อดอกของกัญชาเพื่อการค้า ให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชาในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชา หรือสินค้าที่แปรรูปจากช่อดอกกัญชาผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ห้ามโฆษณาทุกช่องทางเพื่อการค้า
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชา หรือสินค้าที่แปรรูปจากช่อดอกกัญชาในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพีธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก
- ไม่อนุญาตให้สูบกัญชาในที่สาธารณะ
- ไม่อนุญาตให้จำหน่ายกัญชาให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร
อย่างไรก็ตาม เนื่องจากหลายภาคส่วนมีความกังวลเรื่องการใช้ช่อดอกกัญชา จึงได้มีการปรับปรุงประกาศสาธารณสุขอีกครั้ง ลงวันที่ 11 พฤศจิกายน 2565 โดยระบุให้เฉพาะ "ช่อดอกกัญชา" เป็นสมุนไพรควบคุม เพื่อควบคุมการใช้ประโยชน์จากส่วนของช่อดอกกัญชา ไม่ให้มีการนำไปใช้ผิดวัตถุประสงค์ของการคุ้มครองและส่งเสริมการใช้ประโยชน์จากสมุนไพร โดยมีสาระสำคัญคือ
- ผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 46 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 โดยผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และให้รายงานข้อมูลต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีกำหนดด้วย ในส่วนของผู้รับใบอนุญาตให้ส่งออก ต้องแจ้งรายละเอียดการส่งออกต่อผู้อนุญาตเป็นรายครั้ง
- ผู้ที่ได้รับอนุญาตเพื่อศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า ตามมาตรา 46 อยู่ก่อนประกาศฉบับใหม่จะมีผลบังคับจะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศฉบับใหม่
- ห้ามจำหน่ายหรือแปรรูปช่อดอกของกัญชาเพื่อการค้า ให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์หรือสตรีให้นมบุตร นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชาในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชา หรือสินค้าที่แปรรูปจากช่อดอกกัญชาผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ห้ามโฆษณาทุกช่องทางเพื่อการค้า
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชา หรือสินค้าที่แปรรูปจากช่อดอกกัญชาในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพีธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก
ปลูกกัญชาในบ้านได้ไหม ไม่ขออนุญาตผิดกฎหมายหรือเปล่า
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก FDA Thai
นับจากวันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป หลังจากปลดล็อกกัญชาและกัญชงแล้ว ประชาชนจะสามารถปลูกพืชกัญชา-กัญชงในครัวเรือนที่มีรั้วรอบขอบชิดได้ โดยจะปลูกกี่ต้นก็ได้ ไม่ต้องขออนุญาต แต่ต้องทำการจดแจ้งผ่านทางแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ”
ส่วนการปลูกเชิงพาณิชย์ก็ไม่ต้องขออนุญาตเช่นกัน แต่ให้จดแจ้งในแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” ให้เรียบร้อย และก่อนจะใช้ ก่อนแปรรูป หรือนำกัญชาไปทำผลิตภัณฑ์ใด ๆ จะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารต้องทำตาม พ.ร.บ.อาหาร ยาต้องทำตาม พ.ร.บ.ยา เครื่องสำอางต้องทำตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง โดยก่อนวางจำหน่ายก็ต้องมีเลขจดแจ้งตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทั่วไปด้วย
ส่วนการปลูกเชิงพาณิชย์ก็ไม่ต้องขออนุญาตเช่นกัน แต่ให้จดแจ้งในแอปพลิเคชัน “ปลูกกัญ” ให้เรียบร้อย และก่อนจะใช้ ก่อนแปรรูป หรือนำกัญชาไปทำผลิตภัณฑ์ใด ๆ จะต้องขออนุญาตจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เช่น อาหารต้องทำตาม พ.ร.บ.อาหาร ยาต้องทำตาม พ.ร.บ.ยา เครื่องสำอางต้องทำตาม พ.ร.บ.เครื่องสำอาง โดยก่อนวางจำหน่ายก็ต้องมีเลขจดแจ้งตามมาตรฐานผลิตภัณฑ์ทั่วไปด้วย
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก FDA Thai
ลงทะเบียนปลูกกัญชา ทำอย่างไร
หากต้องการปลูกกัญชา สามารถทำการจดแจ้งผ่านแอปพลิเคชัน ปลูกกัญ หรือที่เว็บไซต์ plookganja ได้ตั้งแต่วันที่ 9 มิถุนายน 2565 เป็นต้นไป โดยมี 3 ขั้นตอนตามนี้
ภาพจาก : เฟซบุ๊ก FDA Thai
กัญชา รักษาโรคอะไรได้บ้าง
สารสกัดกัญชาที่ใช้ทางการแพทย์ แบ่งได้เป็น 3 กลุ่ม ดังนี้
1. กลุ่มที่มีข้อมูลวิชาการสนับสนุนชัดเจนว่าได้ประโยชน์ในการรักษา ได้แก่
ภญ. ดร.สุภาภรณ์ ปิติพร รองผู้อำนวยการด้านการแพทย์แผนไทยและสมุนไพร โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร กล่าวว่า ประโยชน์ของกัญชามีฤทธิ์ต้านอาเจียน ช่วยในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร
ทั้งนี้ ยังมีหลักฐานทางวิชาการที่สนับสนุนอย่างชัดเจนว่า กัญชามีประโยชน์ในการรักษาผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับเคมีบำบัดแล้วคลื่นไส้-อาเจียน
* รักษาโรคลมชัก
มีงานวิจัยที่ระบุว่า กัญชามีสรรพคุณรักษาโรคลมชักในเด็กที่รักษายาก หรือในผู้ป่วยเด็กโรคลมชักที่ดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ
มีงานวิจัยที่ระบุว่า กัญชามีสรรพคุณรักษาโรคลมชักในเด็กที่รักษายาก หรือในผู้ป่วยเด็กโรคลมชักที่ดื้อต่อการรักษาด้วยวิธีต่าง ๆ
* รักษาภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง ในผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็ง
ในงานวิจัยมีการระบุสรรพคุณของกัญชาที่ช่วยรักษาผู้ป่วยโรคปลอกประสาทเสื่อมแข็งที่มีภาวะกล้ามเนื้อหดเกร็ง
หรือโรคเอ็มเอส
* ภาวะปวดประสาทที่ใช้วิธีการรักษาอื่น ๆ แล้วไม่ได้ผล
โดยผู้ป่วยที่มีอาการปวดเส้นประสาทที่รักษาด้วยวิธีอื่นแล้วไม่ได้ผล มีงานวิจัยที่ระบุว่า สารสกัดจากกัญชาอาจช่วยบรรเทาอาการปวดของผู้ป่วยได้ ซึ่งข้อมูลจากวารสารเภสัชศาสตร์อีสาน ระบุว่า สาร THC ในกัญชามีฤทธิ์เป็นยาแก้ปวด ยาลดการอักเสบ และยาต้านออกซิเดชั่น
* ภาวะเบื่ออาหารในผู้ป่วยโรคเอดส์ที่มีน้ำหนักน้อย
* การเพิ่มคุณภาพชีวิตผู้ป่วยที่ได้รับการดูแลแบบประคับประคอง หรือผู้ป่วยระยะสุดท้ายของชีวิต
2. กลุ่มที่น่าจะได้ประโยชน์ในการควบคุมอาการ ซึ่งควรมีข้อมูลวิชาการสนับสนุนหรือวิจัยเพิ่มเติมในประเด็นความปลอดภัยและประสิทธิผล ได้แก่
* โรคพาร์กินสัน
* โรคอัลไซเมอร์
* โรควิตกกังวล ซึ่งพบว่าในตำรับยาแพทย์แผนไทยมีการนำกัญชามาเป็นยาอยู่หลายตำรับ โดยเฉพาะยานอนหลับที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
* โรคปลอกประสาทอักเสบ
* ผู้ป่วยที่ต้องดูแลแบบประคับประคอง
* ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
* โรคอื่น ๆ ที่มีข้อมูลสนับสนุนทางวิชาการว่าน่าจะได้ประโยชน์
* โรคพาร์กินสัน
* โรคอัลไซเมอร์
* โรควิตกกังวล ซึ่งพบว่าในตำรับยาแพทย์แผนไทยมีการนำกัญชามาเป็นยาอยู่หลายตำรับ โดยเฉพาะยานอนหลับที่ช่วยให้ผ่อนคลาย
* โรคปลอกประสาทอักเสบ
* ผู้ป่วยที่ต้องดูแลแบบประคับประคอง
* ผู้ป่วยมะเร็งระยะสุดท้าย
* โรคอื่น ๆ ที่มีข้อมูลสนับสนุนทางวิชาการว่าน่าจะได้ประโยชน์
3. กลุ่มที่อาจมีประโยชน์ทางการรักษา แต่ยังขาดข้อมูลงานวิจัยชัดเจน ซึ่งต้องศึกษาวิจัยต่อไป ได้แก่ การรักษาโรคมะเร็งชนิดต่าง ๆ
เช่น กรณีที่สถาบันวิจัยกัญชาเพื่อการแพทย์ มหาวิทยาลัยรังสิต ระบุว่า สารสกัดกัญชาอาจช่วยรักษามะเร็งปอดได้ เพราะงานวิจัยพบว่า สารในกัญชาส่งผลให้ก้อนมะเร็งปอดในตัวหนูทดลองเล็กลงได้ โดยในการศึกษาได้นำสาร THC และสาร CBN ซึ่งเป็นสารบริสุทธิ์ที่แยกได้จากกัญชา ฉีดลงไปที่เซลล์มะเร็งปอดของมนุษย์ในหนูทดลองทุกวัน เป็นเวลา 3 สัปดาห์ กระทั่งพบว่าหนูทดลองที่ได้รับสาร THC และสาร CBN มีขนาดของก้อนมะเร็งเล็กลง จึงสรุปได้ว่า สารทั้ง 2 ตัวมีฤทธิ์ต้านมะเร็งปอดของมนุษย์ในหลอดทดลองและสัตว์ทดลอง (อ่านข่าว ม.รังสิต แถลงผลวิจัยครั้งยิ่งใหญ่ พบสารในกัญชา ช่วยให้ก้อนมะเร็งปอดลดลง)
อย่างไรก็ตาม สรรพคุณของกัญชายังจำเป็นต้องมีการศึกษาถึงฤทธิ์ของกัญชาเพิ่มเติม ทั้งนี้ เพื่อความปลอดภัยในการใช้กัญชาในทางการแพทย์ และเลี่ยงผลข้างเคียงของกัญชาที่อาจเกิดขึ้นได้
กัญชา ในตำรับยาแพทย์แผนไทย
จากข้อมูลในตำราพระโอสถพระนารายณ์ และตำราแพทย์ศาสตร์สงเคราะห์ พบข้อมูลตำรับยาไทยที่เข้ากัญชาอยู่หลายตำรับ ซึ่งรวบรวมมาจากพระคัมภีร์หลายฉบับ แสดงให้เห็นว่ามีการใช้กัญชาประกอบเป็นตัวยาเพื่อบำบัดรักษาอาการป่วยต่าง ๆ มานานหลายร้อยปีแล้ว
ทั้งนี้ นพ.ขวัญชัย วิศิษฐานนท์ ผอ.สถาบันการแพทย์แผนไทย ได้ยกตัวอย่างสรรพคุณตำรับยาไทยที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ เช่น
- ตำรับศุขไสยาศน์ มีสรรพคุณช่วยให้นอนหลับสบาย แก้ปวด เจริญอาหาร ซึ่งนำมาใช้ทดแทนหรือเสริมกับยาแผนปัจจุบันในกลุ่มยานอนหลับ ยาคลายเครียด
- ตำรับทำลายพระสุเมรุ มีฤทธิ์ช่วยแก้อาการแข็งเกร็งจากอัมพฤกษ์ อัมพาตได้
- ตำรับน้ำมันสนั่นไตรภพ ช่วยเรื่องท้องมาน ท้องบวม คลายลมในท้อง ท้องอืดจากโรคมะเร็งตับ ใช้ทาบริเวณท้อง
- ตำรับทัพยาธิคุณ ช่วยเรื่องโรคเบาหวาน ลดน้ำตาล
นอกจากนี้ยังมีตำรับยาแพทย์แผนไทยอีกหลายชนิดที่มีกัญชาเป็นส่วนประกอบ โดยมีรายละเอียดดังนี้
อีกทั้งทาง สปสช. หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ยังได้ขยายสิทธิประโยชน์บัตรทองให้แพทย์สามารถสั่งจ่ายยาแผนไทยที่มีส่วนผสมกัญชา 3 รายการ คือ ยาแก้ลมแก้เส้น, ยาศุขไสยาศน์ และยาทำลายพระสุเมรุ เพื่อบรรเทาอาการป่วย และเพื่อให้ผู้ป่วยบัตรทองเข้าถึงการรักษาเพิ่มขึ้น
น้ำมันกัญชาที่ได้รับการรับรองแล้ว มีอะไรบ้าง
สำหรับน้ำมันกัญชา หรือตำรับยาที่มีกัญชาปรุงผสม และได้รับการรับรองแล้ว อาทิ
1. น้ำมันกัญชา โรงพยาบาลเจ้าพระยาอภัยภูเบศร จ.ปราจีนบุรี โดยมีหลายตำรับ เช่น น้ำมันกัญชาหยอดใต้ลิ้น, น้ำมันกัญชาทั้ง 5 (สูตรรับประทาน) อภัยภูเบศร, ศุขไสยาศน์ (แคปซูล) กัญชา เป็นต้น
คลินิกกัญชาทางการแพทย์ มีที่ไหนบ้าง
ปัจจุบันมีหลายที่ที่ให้บริการคลินิกแพทย์แผนไทย คลินิกแพทย์แผนปัจจุบัน คลินิกให้คำปรึกษา โดยสามารถค้นหาคลินิกกัญชาทางการแพทย์ได้ ที่นี่ หรือ คลิก แล้วเลือกแท็บ “ค้นหารายชื่อสถานพยาบาลที่เปิดบริการคลินิคกัญชา”
อาการข้างเคียงที่พบจากการใช้สารสกัดกัญชา
1. หากพบอาการเหล่านี้ควรลดขนาดการใช้ : มึน/เวียนศีรษะ, ร่างกายเสียความสมดุล, หัวใจเต้นเร็วขึ้น/ช้าลง, ความดันโลหิตสูงหรือต่ำกว่าปกติ
2. หากพบอาการเหล่านี้ควรหยุดใช้ : สับสน, กระวนกระวาย, วิตกกังวล, ประสาทหลอน, โรคจิต
ใครไม่ควรใช้กัญชา
- เด็กอายุต่ำกว่า 20 ปี เพราะกัญชามีผลต่อสมอง
- หญิงกำลังตั้งครรภ์ หรือให้นมบุตร เนื่องจากมีรายงานการศึกษาพบว่ามีทารกคลอดก่อนกำหนด ทารกน้ำหนักตัวน้อย รวมถึงพบสาร Cannabinoids ในน้ำนมแม่ได้
- ผู้มีความเสี่ยงสูงในการทำร้ายตัวเอง
- ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตจากสารเสพติด โรคจิตเภท หรือมีอาการของโรคอารมณ์แปรปรวน โรควิตกกังวล เพราะสาร THC จะออกฤทธิ์ต่อจิตและระบบประสาท
- ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคไต ที่มีอาการรุนแรง
- มีประวัติแพ้สารสกัดกัญชา ซึ่งอาจเกิดจากส่วนประกอบอื่น ๆ และ/หรือสารที่เป็นตัวทำละลายที่ใช้ในการสกัด
- ผู้มีความเสี่ยงสูงในการทำร้ายตัวเอง
- ผู้ป่วยโรคซึมเศร้า โรคอารมณ์สองขั้ว โรคจิตจากสารเสพติด โรคจิตเภท หรือมีอาการของโรคอารมณ์แปรปรวน โรควิตกกังวล เพราะสาร THC จะออกฤทธิ์ต่อจิตและระบบประสาท
- ผู้ที่รับประทานยาต้านการแข็งตัวของเลือด
- ผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือด โรคตับ โรคไต ที่มีอาการรุนแรง
- มีประวัติแพ้สารสกัดกัญชา ซึ่งอาจเกิดจากส่วนประกอบอื่น ๆ และ/หรือสารที่เป็นตัวทำละลายที่ใช้ในการสกัด
ใช้กัญชารักษาโรคเองได้หรือไม่
ไม่ควรใช้กัญชารักษาโรคเอง เพราะไม่สามารถกำหนดความเข้มข้นของปริมาณสารกัญชาที่ใช้ได้ เสี่ยงต่อการเกิดผลข้างเคียง เช่น ง่วงซึม เวียนศีรษะ มองเห็นสีผิดปกติ คลื่นไส้ ความจำลดลง ความดันโลหิตต่ำ ปากแห้ง เกิดความผิดปกติทางจิต เช่น ซึมเศร้า สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาตลอดนั้นห้ามหยุดยา แล้วหันมาใช้ยากัญชาในการรักษา เพราะจะทำให้เกิดอันตรายจนเสียชีวิต
โทษของกัญชากับเรื่องสุขภาพที่ควรระวัง
กัญชาถูกควบคุมให้อยู่ภายใต้กฎหมาย เนื่องจากกัญชาถือเป็นสารเสพติดที่ออกฤทธิ์กระตุ้นประสาท กดประสาท และหลอนประสาท ในกรณีที่ใช้เกินกำหนดและไม่ถูกวิธี เพราะสาร THC ในกัญชาสามารถออกฤทธิ์ต่อจิตและระบบประสาท โดยสารดังกล่าวจะถูกดูดซึมเข้าสู่กระแสเลือดและสมองอย่างรวดเร็ว ซึ่งอาจทำให้เกิดโทษและอาการข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ เช่น ทำให้ผู้เสพรู้สึกตื่นเต้น ช่างพูด กระสับกระส่าย และหัวเราะตลอดเวลา ก่อนจะกดประสาททำให้มีอาการซึมเศร้า ง่วงนอน เวียนศีรษะ ปากแห้ง ตอบสนองช้าลง หากเสพเข้าไปในปริมาณมาก ๆ จะหลอนประสาท ทำให้เห็นภาพลวงตา หูแว่ว ความคิดสับสน ควบคุมตัวเองไม่ได้
นอกจากนี้ นพ.สรายุทธ์ บุญชัยพานิชวัฒนา ผู้อำนวยการสถาบันบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติดแห่งชาติบรมราชชนนี (สบยช.) ได้เผยผลการสำรวจที่พบว่า ผู้ป่วยเสพติดกัญชามีการเกิดโรคจิตเวชสูงถึงร้อยละ 72.3 รวมไปถึงความเสี่ยงโรคจิต อารมณ์แปรปรวน และโรควิตกกังวล สูงขึ้นด้วย
สรุปได้ว่า แม้จะมีการปลดล็อกกัญชาออกจากการเป็นยาเสพติดประเภท 5 แล้ว แต่ก็ยังมีบางส่วนบางข้อกำหนดที่ยังคงถูกควบคุมตามกฎหมาย ดังนั้นควรศึกษาเงื่อนไขและข้อกฎหมายดี ๆ หรือถ้าจะปลูกในบ้านก็อย่าลืมโหลดแอปฯ แล้วลงทะเบียนจดแจ้งด้วยนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับกัญชา
- เปิด 3 ตำรับยาแผนไทยผสมกัญชา ที่คนมีสิทธิบัตรทองก็เบิกได้
- กัญชาในอาหาร กินแล้วจะเมาไหม กินได้แค่ไหนไม่อันตรายต่อสุขภาพ
- กัญชง ต่างกับกัญชาอย่างไร รู้จักพืชเศรษฐกิจใหม่ที่มีประโยชน์ทางยา
- รพ.อภัยภูเบศร ชี้ กัญชา มีประโยชน์มหาศาล ต้านมะเร็ง-ภูมิแพ้
- กัญชาในอาหาร กินแล้วจะเมาไหม กินได้แค่ไหนไม่อันตรายต่อสุขภาพ
- กัญชง ต่างกับกัญชาอย่างไร รู้จักพืชเศรษฐกิจใหม่ที่มีประโยชน์ทางยา
- รพ.อภัยภูเบศร ชี้ กัญชา มีประโยชน์มหาศาล ต้านมะเร็ง-ภูมิแพ้
- กัญชา กัญชง ปลดล็อกแล้วต้องรู้ ปลูก-สูบ-ขาย-ใช้ แบบไหนผิด-ไม่ผิดกฎหมาย
- เมากัญชาแก้อย่างไร สังเกตแบบไหนว่ามีอาการแพ้กัญชา
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก FDA Thai
ขอบคุณข้อมูลจาก : ราชกิจจานุเบกษา,ราชกิจจานุเบกษา, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, ศูนย์วิจัยกสิกรไทย, voice tv, ไทยพีบีเอส, คมชัดลึก, ไทยโพสต์, วารสารเภสัชศาสตร์อีสาน, องค์การเภสัชกรรม, เฟซบุ๊ก กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์, คณะกรรมการขับเคลื่อนประชาสัมพันธ์การใช้กัญชาเพื่อการแพทย์, กลุ่มงานเภสัชกรรม โรงพยาบาลมหาราชนครราชสีมา, กองควบคุมวัตถุเสพติด สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, สำนักงาน ป.ป.ส., สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) (1), (2), (3), สำนักงานปลัดกระทรวงสาธารณสุข, กรุงเทพธุรกิจ, bbc.com, ฐานเศรษฐกิจ, ราชกิจจานุเบกษา, hfocus.org