ทั้งนี้ เมื่อตำรวจตรวจพบจะยังไม่ดำเนินคดีในทันที เนื่องจากไม่เป็นความผิดซึ่งหน้า ตำรวจจะทำการยึดสารสกัดนั้นส่งผู้เชี่ยวชาญตรวจสอบหาค่าสาร THC รวมทั้งสืบเสาะแหล่งที่มาและตรวจหลักฐานการขออนุญาต หากพบว่าผิดกฎหมายจึงจะเรียกตัวมาแจ้งข้อกล่าวหาเพื่อดำเนินคดีภายหลัง
หลังจากกัญชาและกัญชงถูกปลดล็อกพ้นจากยาเสพติด จะมีผลให้ทุกส่วนของกัญชา กัญชง ไม่จัดเป็นยาเสพติด ยกเว้นสารสกัดที่มีสาร THC เกิน 0.2% โดยน้ำหนัก ดังนั้นนอกจากประชาชนทั่วไปจะสามารถปลูกกัญชาได้แล้ว การเสพ การสูบ การบริโภค กัญชา-กัญชง ก็ไม่ถือว่าผิดกฎหมาย แต่การสูบหรือเสพกัญชา-กัญชงก็ยังจะถูกควบคุมดูแลอยู่นะคะ โดยมีข้อกำหนด เช่น
- ห้ามสูบกัญชาในที่สาธารณะ
- การกระทำให้เกิดกลิ่นหรือควันกัญชา กัญชง จนเป็นอันตรายต่อสุขภาพแก่ประชาชนที่อยู่หรืออาศัยบริเวณใกล้เคียง หรือเป็นเหตุรำคาญ เจ้าพนักงานท้องถิ่นสามารถระงับเหตุและตรวจสอบได้ตามกฎหมาย โดยมีความผิดตาม พ.ร.บ.การสาธารณสุข พ.ศ. 2535 มีโทษจำคุกไม่เกิน 3 เดือน ปรับไม่เกิน 25,000 บาท
- ห้ามสูบกัญชาแบบม้วน เพราะไม่มีอากรแสตมป์ของกรมสรรพสามิตติดไว้อย่างถูกต้องเหมือนกับบุหรี่
- เสพแล้วต้องไม่ขับรถ หากฝ่าฝืนจะมีความผิดตามกฎหมายจราจร
- ห้ามใช้กัญชาในส่วนที่มีสาร THC เกิน 0.2% ซึ่งเกินกว่าที่กำหนดในกฎหมายปลดล็อกจากยาเสพติด หากฝ่าฝืนก็จะมีโทษตามกฎหมายยาเสพติด
อย่างไรก็ตาม จุดประสงค์หลัก ๆ ในการปลดล็อกครั้งนี้เพื่อประโยชน์ทางการแพทย์ การดูแลสุขภาพ และการใช้ตามวิถีชีวิตทั่วไป สอดคล้องกับที่นายอนุทิน ชาญวีรกูล รองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงสาธารณสุข (สธ.) กล่าวไว้ว่า ไม่เคยรณรงค์ให้มีการสูบกัญชาเพื่อผ่อนคลายใด ๆ เพราะไม่ได้อยู่ในเป้าหมายที่จะนำกัญชาไปใช้ให้เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพ และการนำมาสูบไม่เกิดประโยชน์ต่อสุขภาพและเป็นโทษด้วย
โดยหลังจากนี้ก็จะมี พ.ร.บ.กัญชา กัญชง ออกมากำหนดอย่างชัดเจนด้วยว่าทำอะไรได้ไม่ได้บ้าง ซึ่งระหว่างที่รอร่างกฎหมาย รัฐบาลจะตั้งคณะกรรมการโดยคำสั่งนายกรัฐมนตรีเพื่อทำหน้าที่ควบคุมดูแลการใช้กัญชาและกัญชงไปช่วงระยะเวลาหนึ่งก่อน
ไม่ต้องขออนุญาต ไม่ผิดกฎหมาย
- การขายส่วนของพืชกัญชา กัญชง ไม่ต้องขอรับอนุญาตใด ๆ เว้นแต่จำหน่ายเป็นวัตถุดิบในการผลิตผลิตภัณฑ์สมุนไพรต้องขอรับใบอนุญาต
- การขายสารสกัดที่ได้รับอนุญาตให้สกัดตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติด หากเป็นสารสกัดที่มี THC ไม่เกิน 0.2% ไม่ต้องมีใบอนุญาตจําหน่ายยาเสพติดให้โทษ
- ผู้จําหน่ายผลิตภัณฑ์เครื่องสําอางที่มีส่วนผสมของกัญชา กัญชง ไม่ต้องขออนุญาตก่อน แต่จะต้องนําผลิตภัณฑ์ที่จดแจ้งเรียบร้อยแล้วและมีฉลากภาษาไทยที่ระบุข้อความครบถ้วน ถูกต้อง มาจําหน่าย
ต้องขออนุญาต
- การขายเมล็ดพันธุ์และกิ่งพันธุ์ ยังต้องขอรับอนุญาตตามพระราชบัญญัติพันธุ์พืช พ.ศ. 2518 กระทรวงเกษตรและสหกรณ์
- การขายสารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% ต้องมีใบอนุญาตจําหน่ายยาเสพติดให้โทษ และผู้ซื้อต้องมีใบอนุญาตเกี่ยวกับยาเสพติดให้โทษด้วย
- การจําหน่ายผลิตภัณฑ์กัญชาหรือกัญชงให้เป็นไปตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น เช่น ผลิตอาหารต้องทำตาม พ.ร.บ.อาหาร, ผลิตยาต้องทำตาม พ.ร.บ.ยา เป็นต้น
ผิดกฎหมาย
- การขายกัญชา-กัญชง ให้บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ สตรีให้นมบุตร เพื่อนำไปบริโภค หากฝ่าฝืนมีโทษปรับไม่เกิน 30,000 บาท
- ห้ามจำหน่ายกัญชาแบบมวน หรือนำกัญชาไปมวนแล้วขายเหมือนบุหรี่ เพราะกรมสรรพสามิตยังไม่อนุญาต
- การโฆษณากัญชาในสื่อวิทยุ โทรทัศน์
โดยขณะนี้ยังอยู่ในระหว่างเสนอร่าง พ.ร.บ.กัญชา กัญชง เพื่อให้มีผลบังคับใช้เป็นกฎหมายต่อไป
- ผู้ใดประสงค์จะศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า จะกระทำได้ก็ต่อเมื่อได้รับใบอนุญาต ตามมาตรา 46 ของพระราชบัญญัติคุ้มครองและส่งเสริมภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย พ.ศ. 2542 โดยผู้รับใบอนุญาตต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวกับแหล่งที่มา การนำไปใช้ และจำนวนที่เก็บไว้ ณ สถานประกอบการ และให้รายงานข้อมูลต่อนายทะเบียนตามแบบที่อธิบดีกำหนดด้วย ในส่วนของผู้รับใบอนุญาตให้ส่งออก ต้องแจ้งรายละเอียดการส่งออกต่อผู้อนุญาตเป็นรายครั้ง
- ผู้ที่ได้รับอนุญาตเพื่อศึกษาวิจัย ส่งออก จำหน่าย หรือแปรรูปเพื่อการค้า ตามมาตรา 46 อยู่ก่อนประกาศฉบับใหม่จะมีผลบังคับ จะต้องปฏิบัติให้เป็นไปตามประกาศฉบับใหม่
- ห้ามจำหน่ายหรือแปรรูปช่อดอกของกัญชาเพื่อการค้าให้กับผู้ที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ หรือสตรีให้นมบุตร นักเรียน นิสิต หรือนักศึกษา
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชาในสถานที่ประกอบการ เว้นแต่การจำหน่ายโดยผู้ประกอบวิชาชีพเวชกรรม ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทย ผู้ประกอบวิชาชีพการแพทย์แผนไทยประยุกต์ หมอพื้นบ้านที่ได้รับการรับรองตามระเบียบกระทรวงสาธารณสุข ผู้ประกอบโรคศิลปะสาขาการแพทย์แผนจีน และผู้ประกอบวิชาชีพทันตกรรม
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชา หรือสินค้าที่แปรรูปจากช่อดอกกัญชา ผ่านเครื่องจำหน่ายสินค้าอัตโนมัติ (Vending Machine) ผ่านช่องทางอิเล็กทรอนิกส์หรือเครือข่ายคอมพิวเตอร์
- ห้ามโฆษณาทุกช่องทางเพื่อการค้า
- ห้ามจำหน่ายช่อดอกของกัญชา หรือสินค้าที่แปรรูปจากช่อดอกกัญชา ในวัดหรือสถานที่สำหรับปฏิบัติพิธีกรรมทางศาสนา หอพักตามกฎหมายว่าด้วยหอพัก สวนสาธารณะ สวนสัตว์ และสวนสนุก
- สารสกัดที่มี THC ไม่เกิน 0.2% จะได้รับการยกเว้นไม่เป็นยาเสพติดให้โทษ
- สารสกัดที่มี THC เกิน 0.2% จะจัดเป็นยาเสพติดให้โทษ
- เปลือก ลําต้น เส้นใย กิ่งก้าน และราก
- เมล็ดกัญชง น้ำมันจากเมล็ดกัญชง หรือสารสกัดจากเมล็ดกัญชง
- ใบ ซึ่งไม่มียอดหรือช่อดอกติดมาด้วย
- สารสกัดที่มีสาร CBD เป็นส่วนประกอบที่มีสาร THC ไม่เกิน 0.2% โดยน้ำหนักแห้ง
- กากหรือเศษที่เหลือจากการสกัดกัญชาที่มีสาร THC ไม่เกิน 0.2% โดยน้ำหนักแห้ง
สามารถนำใบกัญชาที่ซื้อมาจากแหล่งปลูกที่ได้รับอนุญาตจาก อย. มาปรุงอาหารขายได้โดยไม่ต้องขออนุญาต แต่สถานประกอบการต้องปฏิบัติตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ดังนี้
1. แสดงข้อความหรือป้ายสัญลักษณ์ว่าเป็นสถานที่จำหน่ายอาหารที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบในอาหารประเภทปรุงสำเร็จ
2. แสดงรายการอาหารที่มีการใช้กัญชา หรือกัญชง เป็นส่วนประกอบในอาหารประเภทปรุงสำเร็จทั้งหมด
3. แสดงข้อแนะนำความปลอดภัยในการบริโภคอาหารที่มีกัญชา หรือกัญชง ป็นส่วนประกอบ โดยแสดงข้อความต่อไปนี้
- บุคคลที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี สตรีมีครรภ์ และสตรีให้นมบุตร ควรงดเว้นรับประทาน
- ถ้ามีอาการผิดปกติควรหยุดรับประทานทันที และถ้ามีอาการรุนแรงให้ปรึกษาหรือพบแพทย์โดยเร็ว
- ผู้ที่แพ้กัญชา หรือกัญชง ควรงดเว้นรับประทาน
- รับประทานแล้วเกิดอาการง่วง ซึม ให้หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะหรือทำงานเกี่ยวกับเครื่องจักรกล
- ข้อความอื่นที่กฎหมายหรือทางราชการกำหนด
ทั้งนี้ สามารถศึกษารายละเอียดเพิ่มเติมได้ทาง เว็บไซต์กรมอนามัย
นอกจากนี้ผู้ผลิตต้องยื่นขอขึ้นทะเบียนตำรับอาหาร หรือขออนุญาตใช้ฉลากอาหารเพื่อรับเลขสารบบอาหาร และผลิตภัณฑ์นั้นต้องเป็นไปตามมาตรฐานและแสดงคำเตือนตามที่กำหนดด้วยนะคะ
กรณีอาหาร : ไม่สามารถนำเข้าได้ เพราะอาหารที่มีส่วนผสมของสารสกัดกัญชา จัดเป็นอาหารห้ามนำเข้าตามประกาศกระทรวงสาธารณสุข ฉบับที่ 424 พ.ศ. 2564 ผู้ฝ่าฝืนมีโทษจำคุกตั้งแต่ 6 เดือน ถึง 2 ปี และปรับตั้งแต่ 5,000 บาท ถึง 20,000 บาท
กรณีเครื่องสำอาง : ไม่สามารถนำเข้าได้ โดยผู้ฝ่าฝืนจะมีโทษจำคุกไม่เกิน 2 ปี หรือปรับไม่เกิน 200,000 บาท หรือทั้งจำทั้งปรับ ตามความใน พ.ร.บ.เครื่องสำอาง พ.ศ. 2558
กรณีนำเข้าผลิตภัณฑ์สุขภาพอื่น : เช่น ผลิตภัณฑ์สมุนไพร ให้ดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยผลิตภัณฑ์นั้น
บทความที่เกี่ยวข้องกัญชา กัญชง
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 18 พฤศจิกายน 2565
ขอบคุณภาพจาก : เฟซบุ๊ก FDA Thai
ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) (1), (2), (3) ฐานเศรษฐกิจ, hfocus.org (2), กรุงเทพธุรกิจ, สำนักงานเลขาธิการสภาผู้แทนราษฎร, เฟซบุ๊ก สำนักงานตำรวจแห่งชาติ, กรมอนามัย, รัฐบาลไทย