จะเห็นได้ว่าหลังกัญชาถูกปลดล็อก ประชาชนบางส่วนก็ปลูกกัญชาได้ต้นสูงปรี๊ดชนิดที่โตทันใจ ส่วนร้านอาหาร รวมไปถึงร้านขายเครื่องดื่ม ก็ตอบรับกระแสกัญชาด้วยการรังสรรค์เมนูกัญชาออกวางจำหน่ายกันอย่างคึกคัก และไม่ใช่แค่ในส่วนของอาหารเท่านั้นหรอกนะคะที่กัญชาไปรันวงการ แต่ในวงการแพทย์ โดยเฉพาะแพทย์ฉุกเฉิน ก็ต้องตั้งรับผู้ป่วยที่มีอาการแพ้กัญชาหรือรับกัญชามาเกินขนาดจนเกิดอาการผิดปกติด้วยเช่นกัน เพราะอย่าลืมว่าในกัญชาก็มีสาร THC ซึ่งเป็นสารเสพติดและสารเมา ที่ส่งผลข้างเคียงไม่พึงประสงค์ได้แม้จะใช้อย่างถูกวิธีก็ตาม
ดังนั้นเพื่อความปลอดภัย เรามาเช็กกันว่าอาการแพ้กัญชาหรือเมากัญชาเป็นแบบไหน แล้วถ้าเผลอรับกัญชาเข้าไปแล้วเกิดเมาหรือแพ้เราควรแก้ยังไงดี
-
ง่วงนอนมากกว่าปกติ
-
ปากแห้ง คอแห้ง กระหายน้ำ
-
วิงเวียนศีรษะ
-
คลื่นไส้ อาเจียน
ผลข้างเคียงของกัญชาที่รุนแรงและควรรีบไปพบแพทย์ ซึ่งอาจเกิดขึ้นได้กับบางคน ได้แก่
-
หัวใจเต้นเร็วและรัวผิดจังหวะ
-
เป็นลมหมดสติ
-
เจ็บหน้าอก ร้าวไปที่แขน
-
เหงื่อแตก ตัวสั่น
-
อึดอัด หายใจไม่สะดวก
-
เดินเซ พูดไม่ชัด
-
สับสน กระวนกระวาย
-
วิตกกังวล หวาดระแวงไม่สมเหตุสมผล
-
หูแว่ว เห็นภาพหลอน
-
พูดคนเดียว
-
อารมณ์แปรปรวน
จะเห็นได้ว่าโทษของกัญชาก็ไม่ธรรมดา ก่อให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ได้หลายอย่าง ดังที่เราได้เห็นเคสผู้ที่แพ้หรือเมากัญชา บางคนกินคุกกี้กัญชาเพียงชิ้นเดียว หรือแค่ซดน้ำซุปก๋วยเตี๋ยวผสมกัญชา ก็มีอาการรุนแรงถึงขั้นรู้สึกเข้าใกล้ความตาย ยิ่งคนที่ใช้กัญชาเกินขนาดบางรายต้องรักษาใน ICU หรือเคสหนัก ๆ อาจมีภาวะไตเสื่อมกันเลยทีเดียวนะคะ ดังนั้นหากรู้สึกว่ามีอาการผิดปกติหลังกินกัญชา มาดูกันว่าเราจะแก้เมา แก้แพ้กัญชา ด้วยวิธีไหนได้บ้าง
หากมีอาการเมาหรือแพ้กัญชา สามารถแก้อาการได้เบื้องต้น ตามนี้เลย
-
หากมีอาการคอแห้ง : ให้ดื่มน้ำเปล่าตามในปริมาณมาก ๆ หรือดื่มน้ำมะนาวผสมน้ำผึ้ง หรือน้ำตาลทราย
-
หากมึนเมา : ให้บีบมะนาวครึ่งลูกผสมเกลือปลายช้อนแล้วกิน หรือเคี้ยวพริกไทยแก้เมา
-
หากวิงเวียนศีรษะ คลื่นไส้ อาเจียน : ให้ดื่มชาชงขิงหรือน้ำขิง หรือชงรางจืด ดื่มวันละ 3 เวลา แก้อาการโคลงเคลง
เพราะกัญชาไม่ได้ใช้ได้กับทุกคน แม้จะใช้อย่างเหมาะสมในปริมาณตามที่แพทย์สั่งก็ยังเกิดอาการแพ้หรืออาการข้างเคียงขึ้นได้ ดังนั้นเมื่อวันที่ 16 มิถุนายน 2565 กระทรวงสาธารณสุขจึงประกาศให้กัญชาและสารสกัดจากกัญชาเป็นสมุนไพรควบคุม
ขณะเดียวก็ยังมีคำแนะนำจากหลายหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ห้ามบุคคลบางกลุ่มใช้กัญชา และบางกลุ่มต้องระวังการใช้กัญชา เพราะถือเป็นกลุ่มเสี่ยงที่อาจได้รับโทษของกัญชามากกว่าประโยชน์ ได้แก่
ผู้ที่ห้ามใช้กัญชา
-
เด็กที่มีอายุต่ำกว่า 20 ปี (ห้ามใช้และครอบครอง)
-
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร รวมทั้งผู้หญิงที่วางแผนกำลังจะมีบุตร
-
ผู้ที่มีประวัติแพ้กัญชา
-
ผู้มีโรคประจำตัว โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคหัวใจและหลอดเลือดรุนแรง หรือไม่สามารถควบคุมอาการได้
-
ผู้ที่มีประวัติความผิดปกติทางจิตเวช
-
ผู้ที่ใช้ยาวาร์ฟารินหรือยาละลายลิ่มเลือดเป็นประจำ เพราะกัญชาจะไปเพิ่มขนาดยาวาร์ฟารินจนเป็นอันตรายต่อร่างกาย
ผู้ที่ควรระวังในการใช้กัญชา
- ผู้สูงอายุ
-
ผู้ที่ตับและไตบกพร่อง
-
ผู้ใช้ยาที่มีผลต่อระบบประสาทส่วนกลาง เช่น ยารักษาอาการจิตเวช
ข้อควรทำ
-
ก่อนใช้กัญชาควรศึกษาความเสี่ยงของผลกระทบที่จะเกิดขึ้นต่อตนเองในระยะสั้นและระยะยาว โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคประจำตัวควรปรึกษาแพทย์ก่อน
-
กินเมนูกัญชาจากร้านที่ซื้อใบกัญชาจากแหล่งปลูกและแหล่งจัดจำหน่ายที่ได้รับอนุญาตจาก อย. แล้ว
-
กินเมนูกัญชาในปริมาณน้อย หากเพิ่งเริ่มกินควรกินแค่ครึ่งใบต่อวันก่อน เพราะแต่ละคนจะมีความไวต่อฤทธิ์ของกัญชาแตกต่างกัน
-
เลือกกินใบสด กินเป็นผัก จิ้มน้ำพริก กินเป็นสลัด หรือกินเป็นน้ำคั้นสด ซึ่งไม่มีสารเมา
-
เลือกกินกัญชาแบบที่ไม่ผ่านความร้อนนาน ๆ เช่น ใส่แบบใบกะเพรา
-
ระวังการกินเมนูกัญชาที่ผ่านความร้อน หรือการกินกัญชาร่วมกับอาหารที่มีไขมันสูง เช่น เมนูทอด เพราะความร้อนและไขมันจะสกัดสาร THC ออกจากกัญชาได้มากขึ้น จึงไม่ควรกินมากเกินไป
-
ในอาหาร 1 มื้อ ไม่ควรกินเมนูกัญชาเกิน 2 เมนู และทั้ง 2 เมนูอาหารไม่ควรปรุงด้วยน้ำมันที่ผ่านความร้อน เช่น การทอด หรือผัด เพราะเสี่ยงได้รับสาร THC เกินปริมาณ
-
จำกัดการกินใบกัญชากับคนบางกลุ่ม เพราะอาจได้รับผลกระทบมากกว่าประโยชน์ต่อสุขภาพ
-
หลีกเลี่ยงการขับขี่ยานพาหนะ หรือการใช้เครื่องจักรอันตราย หลังกินกัญชาอย่างน้อย 6 ชั่วโมง
ข้อควรระวัง
-
ไม่ควรกินกัญชาหลายเมนูในมื้อเดียว เพราะอาจได้รับสารเมาสะสมอยู่ในร่างกายมากเกินไป
-
ไม่ควรกินใบกัญชาแบบทั้งใบ หรือใบที่ผ่านความร้อนแล้ว เกิน 5-8 ใบต่อวัน เพราะหากกินในปริมาณมากอาจมีอาการผิดปกติ เช่น กินอาหารได้มาก พูดมาก หัวเราะร่วน หิวของหวาน คอแห้ง และตาหวานได้
-
ไม่ควรกินใบกัญชาแก่ หรือใบกัญชาตากแห้ง เพราะมีสาร THC มากกว่าใบกัญชาสด
-
ไม่กินใบกัญชาร่วมกับแอลกอฮอล์
-
ไม่กินอาหารหรือเครื่องดื่มที่ใช้ช่อดอกกัญชาเป็นส่วนผสม เนื่องจากมีสาร THC ในปริมาณสูงมาก
กรมอนามัยได้แนะนำปริมาณใบกัญชาต่อเมนูไว้ในประกาศกรมอนามัย เรื่อง การนำใบกัญชามาใช้ในการทำ ประกอบ หรือปรุงอาหารในสถานประกอบกิจการอาหาร พ.ศ. 2565 ดังนี้
- อาหารประเภททอด น้ำหนัก 51 กรัม : ใช้ใบกัญชา 1-2 ใบสด กรณีทำไข่เจียว แนะนำครึ่งใบ-1 ใบสด เนื่องจากสาร THC และ CBD ละลายได้ดีในน้ำมัน
- อาหารประเภทผัด น้ำหนัก 74 กรัม : ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
- อาหารประเภทแกง น้ำหนัก 614 กรัม : ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
- อาหารประเภทต้ม น้ำหนัก 614 กรัม : ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
- ผสมในเครื่องดื่ม ขนาด 200 มิลลิลิตร : ใช้ใบกัญชา 1 ใบสด
กัญชาเป็นพืชสมุนไพรที่มีประโยชน์ทางการแพทย์หลายอย่างก็จริง แต่ในขณะเดียวกันก็ยังมีสารที่ทำให้เสพติดได้ โดยเฉพาะส่วนช่อดอกกัญชาที่มีสาร THC ค่อนข้างสูง ดังนั้นจึงควรใช้กัญชาอย่างระมัดระวัง หรือใช้ภายใต้การดูแลของแพทย์จะดีที่สุดนะคะ
บทความที่เกี่ยวข้องกับกัญชา
- หมอเผยสาเหตุ ทำไมกัญชาแบบกิน อันตรายกว่าแบบสูบ กระบวนการเล็ก ๆ ที่คิดไม่ถึง
- เมนูกัญชา ย้ำมือใหม่ควรรู้ก่อนลองชิม ไม่งั้นอาจเสี่ยงแพ้รุนแรง จะทำขายต้องทำไง
- สาวเปิดใจ หลังเกือบตายจากต้มมะระใส่กัญชา กินไปไม่รู้ว่าแพ้ พร้อมฝากถึงแม่ค้าที่ใส่ทั้งใบ
- กัญชา กับสรรพคุณทางยาและประโยชน์ในการรักษาโรค
- กัญชาในอาหาร กินแล้วจะเมาไหม กินได้แค่ไหนไม่อันตรายต่อสุขภาพ
- กัญชา กัญชง ปลดล็อกแล้วต้องรู้ ปลูก-สูบ-ขาย-ใช้ แบบไหนผิด-ไม่ผิดกฎหมาย
- เปิด 3 ตำรับยาแผนไทยผสมกัญชา ที่คนมีสิทธิบัตรทองก็เบิกได้
- กัญชง ต่างกับกัญชาอย่างไร รู้จักพืชเศรษฐกิจใหม่ที่มีประโยชน์ทางยา
- รพ.อภัยภูเบศร ชี้ กัญชา มีประโยชน์มหาศาล ต้านมะเร็ง-ภูมิแพ้
- กัญชา-กัญชง รักษาโควิด 19 ได้หรือไม่
- 20 คาเฟ่กัญชา มาพร้อมเมนูกัญชาที่สายสมุนไพรต้องถูกใจ
ขอบคุณภาพจาก : กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข
ขอบคุณข้อมูลจาก : กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก, สถาบันกัญชาทางการแพทย์, กรมอนามัย, เฟซบุ๊ก Ramathibodi Poison Center, ราชกิจจานุเบกษา