ติดโควิดแต่ไม่มีเตียงทำยังไง รวมวิธีดูแลรักษาโควิดเบื้องต้น เมื่อจำเป็นต้องกักตัวที่บ้าน

          ติดโควิดแต่ยังไม่มีเตียงต้องทำอย่างไร ถ้าจำเป็นต้องกักตัวที่บ้าน หรือ Home Isolation ควรดูแลตัวเองหรือปฏิบัติตัวอย่างไร เพื่อไม่ให้คนในบ้านติดเชื้อไปด้วย มาทำความเข้าใจกัน
วิธีดูแลตัวเองเมื่อติดโควิด

          สถานการณ์การแพร่ระบาดของโควิด 19 ค่อนข้างตึงเครียดทีเดียว เมื่อยอดผู้ติดเชื้อเพิ่มสูงขึ้นอย่างรวดเร็ว โดยเฉพาะในพื้นที่ กทม. ที่ผู้ติดเชื้อจำนวนไม่น้อยประสบปัญหาไม่มีเตียงโรงพยาบาลเพื่อพักรักษาตัว จึงต้องกักตัวรอเตียงอยู่ที่บ้านหรือหอพักของตัวเอง ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อการแพร่กระจายของเชื้อโรคไปยังบุคคลอื่นที่อยู่ในบ้าน-ในหอเดียวกัน

          แล้วถ้าเราเป็นหนึ่งในผู้ป่วยโควิดที่เจอปัญหานี้ เราต้องทำอะไรบ้าง จะสามารถรักษาอาการโควิดเบื้องต้นได้อย่างไร แล้วควรปฏิบัติตัวอย่างไรดี เพื่อไม่ให้คนในครอบครัวสัมผัสเชื้อไวรัส ตามมาอ่านคำแนะนำได้เลย

ติดโควิด แต่ไม่มีเตียง ทำยังไง

กักตัวในบ้านเมื่อติดโควิด

          หลายคนอาจสงสัยว่า กรณีที่เราติดเชื้อแต่ไม่มีอาการ จะสามารถพักรักษาตัวอยู่ในบ้านได้ไหม เหมือนกับผู้ติดเชื้อในต่างประเทศที่ส่วนใหญ่ก็พักรักษาตัวอยู่ในบ้านจนหายกลับมาเป็นปกติ

          ประเด็นนี้ต้องบอกว่า ตามข้อกำหนดเดิมคือ ทุกคนที่ติดเชื้อแม้จะไม่มีอาการจำเป็นต้องเข้ารักษาในโรงพยาบาล เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจาย ถึงแม้ว่าผู้ป่วยบางคนจะไม่แสดงอาการ แต่ก็อาจมีอาการแทรกซ้อน เช่น ปอดบวม วันใดวันหนึ่งขึ้นมาได้อย่างรวดเร็ว จึงควรอยู่ในความดูแลของแพทย์และเจ้าหน้าที่ หากเกิดกรณีเชื้อลงปอดหรือทรุดหนักจะได้รักษาได้อย่างทันท่วงที

          อย่างไรก็ตาม เนื่องจากมีผู้ติดเชื้อจำนวนมากอาจทำให้เจ้าหน้าที่ไม่สามารถจัดระบบและส่งตัวเข้าพักในโรงพยาบาล โรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel ได้ทัน ดังนั้น หากใครมีผลตรวจยืนยันการติดเชื้อไวรัสโคโรนา และยังไม่มีเตียง ให้รีบดำเนินการดังนี้

1. เตรียมเอกสารสำคัญต่าง ๆ เช่น บัตรประจำตัวประชาชน และเอกสารรับรองผลว่าติดเชื้อโควิด หากไม่มีผลการตรวจยืนยันว่าติดเชื้อ โรงพยาบาลที่จะเข้ามาช่วยเหลือจะไม่สามารถรับตัวไปรักษาได้

2. โทร. เข้าสายด่วนเฉพาะกิจเพื่อประสานหาเตียงได้ที่

  • เบอร์โทร. 1330 สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ
  • เบอร์โทร. 1668 กรมการแพทย์ หรือ
  • เบอร์โทร. 1669 สถาบันการแพทย์ฉุกเฉินแห่งชาติ หรือ
  • ใช้แอปพลิเคชันไลน์ "สบายดีบอต" (@sabaideebot)

          โดยแจ้งรายละเอียดการเข้ารับการรักษาและเบอร์โทรศัพท์ของตัวเองให้หน่วยงานรับเรื่องไว้ ทั้งนี้ ถ้าโทร. ไปแล้วครั้งหนึ่ง และอยู่ระหว่างรอประสานหาเตียง ไม่จำเป็นต้องโทร. ไปสายด่วนอื่น ๆ ซ้ำนะคะ เพราะจะทำให้ข้อมูลซ้ำซ้อนกัน

3. หากทางโรงพยาบาล ทั้งโรงพยาบาลสนาม หรือหอผู้ป่วยเฉพาะกิจต่าง ๆ มีเตียงว่างเพียงพอที่สามารถรองรับได้ ก็จะส่งรถพยาบาลมารับตัวไปเข้ารับการรักษาทันที แต่หากยังไม่มีเตียงให้รออยู่ที่บ้าน โดยเจ้าหน้าที่จะโทร. มาสอบถามอาการเป็นระยะระหว่างรอการเคลื่อนย้าย

นอกจากภาครัฐแล้ว ยังมีภาคเอกชน และเพจดัง รวมกลุ่มประสานหาเตียงและรถพยาบาลให้ผู้ป่วย อาทิ 

หาเตียงโควิด

หาเตียงโควิด

หาเตียงโควิด

หาเตียงโควิด

หาเตียงโควิด

หาเตียงโควิด

หาเตียงโควิด

จะได้รักษาโควิดที่ไหน พิจารณาจากอะไรบ้าง
  • เมื่อตรวจพบว่ามีเชื้อ โดยหลักการแล้วตรวจที่ไหน โรงพยาบาลนั้นจะหาเตียงให้ก่อน 
  • หากโรงพยาบาลไม่มีเตียงก็จะหาเตียงในโรงพยาบาลเครือข่าย 
  • ถ้าโรงพยาบาลเครือข่ายไม่มีเตียง ก็หานอกเครือข่ายผ่านศูนย์ประสานจัดหาเตียง

    ทั้งนี้ ยังต้องแบ่งตามอาการป่วย ณ ขณะนั้นด้วย ดังนี้

1. กลุ่มสีเขียว : ส่วนใหญ่ส่งต่อเข้าโรงพยาบาลสนาม หรือ Hospitel หรือ Home isolation

  • เป็นผู้ป่วยไม่มีอาการ 
  • มีไข้ หรือวัดอุณหภูมิร่างกายได้ 37.5 องศาเซลเซียสขึ้นไป
  • ไอ มีน้ำมูก เจ็บคอ
  • ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส ตาแดง ผื่น
  • ถ่ายเหลว
  • ไม่มีอาการหายใจเร็ว
  • ไม่มีอาการหายใจเหนื่อย
  • ไม่มีอาการหายใจลำบาก
  • ไม่มีปอดอักเสบ
  • ไม่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเป็นโรครุนแรง / โรคร่วมสำคัญ

2. กลุ่มสีเหลือง : เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

          เป็นผู้ป่วยมีอาการไม่รุนแรง เช่น อ่อนเพลีย เวียนศีรษะ ถ่ายเหลวมากกว่า 3 ครั้งต่อวันร่วมกับหน้ามืดวิงเวียน แต่มีอาการเหนื่อยหอบ หายใจเร็ว ไอแล้วเหนื่อย และมีเกณฑ์เสี่ยงข้อใดข้อหนึ่ง คือ 

           1. อายุมากกว่า 60 ปี
           2. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (รวมโรคปอดอื่น ๆ)
           3. โรคไตเรื้อรัง
           4. โรคหัวใจและหลอดเลือด (รวมโรคหัวใจแต่กำเนิด)
           5. โรคหลอดเลือดสมอง
           6. เบาหวานที่ควบคุมไม่ได้
           7. ภาวะอ้วนที่มีน้ำหนักมากกว่า 90 กิโลกรัม
           8. ตับแข็ง
           9. ภูมิคุ้มกันต่ำ (เซลล์เม็ดเลือดขาวต่ำกว่า 1,000 cell/mms)

3. กลุ่มสีแดง : เข้ารับการรักษาในโรงพยาบาล

  • เป็นผู้ป่วยที่มีอาการหอบเหนื่อย หายใจลำบาก พูดไม่เป็นประโยค แน่นหน้าอกตลอดเวลา หายใจแล้วเจ็บหน้าอก
  • ซึม เรียกไม่รู้ตัว ตอบสนองช้า
  • เอกซเรย์พบปอดอักเสบรุนแรง หรือมีภาวะปอดบวม (ความอิ่มตัวของเลือดน้อยกว่า 96% หรือความอิ่มตัวของเลือดลดลงมากกว่า 3% ของค่าที่วัดได้ครั้งแรกหลังออกแรง (Exercise - induced Hypoxemia)
Home Isolation รักษาโควิดที่บ้าน ใช้กับใครได้บ้าง
          เนื่องจากเชื้อโควิดได้กระจายไปตามชุมชนและไซต์งานก่อสร้างในพื้นที่ กทม. ส่งผลให้ผู้ติดเชื้อเพิ่มจำนวนขึ้นอย่างรวดเร็ว และไม่มีเตียงรองรับผู้ป่วย ทำให้ล่าสุดเมื่อวันที่ 28 มิถุนายน 2564 กระทรวงสาธารณสุขได้พิจารณาให้ผู้ป่วยสีเขียวในพื้นที่ กทม. และปริมณฑล ที่มีปัญหาเรื่องเตียง สามารถ Home Isolation หรือรักษาตัวที่บ้านได้ โดยแพทย์เป็นผู้พิจารณาใช้กับผู้ป่วยบางรายเท่านั้น เฉพาะในช่วงที่เตียงไม่พอ ซึ่งมีเงื่อนไขและข้อกำหนดดังนี้

ใครสามารถรักษาตัวที่บ้าน (Home Isolation) ได้บ้าง

  • ต้องมีอายุน้อยกว่า 60 ปี 
  • เป็นผู้ป่วยโควิดที่ไม่มีอาการ 
  • มีสุขภาพร่างกายแข็งแรง 
  • อยู่คนเดียว หรือมีผู้อยู่ร่วมที่พักไม่เกิน 1 คน
  • ไม่มีภาวะอ้วน (ภาวะอ้วน หมายถึง ดัชนีมวลกายมากกว่า 30 กก./ม.2 หรือน้ำหนักตัวมากกว่า 90 กก.)
  • ไม่ป่วยโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (COPD) โรคไตเรื้อรัง (CKD) โรคหัวใจและหลอดเลือด โรคหลอดเลือดสมอง โรคเบาหวานที่ควบคุมไม่ได้ และโรคอื่น ๆ ตามดุลยพินิจของแพทย์
  • ผู้ป่วยต้องยินยอมแยกตัวในที่พักของตนเองอย่างเคร่งครัด 

แนวทางปฏิบัติ Home Isolation

  • โรงพยาบาลจะแจกปรอทวัดไข้ เครื่องวัดปริมาณออกซิเจนในเลือด ให้วัดผลวันละ 2 ครั้ง และรายงานผลให้แพทย์ทราบ
  • หากแพทย์สงสัยสามารถสั่งให้ผู้ป่วยวัดใหม่ได้ เช่น สั่งให้ออกกำลังกายก่อนวัดปริมาณออกซิเจน ถ้าลดลงอาจจะส่งผลต่อการทำงานของปอด หรือมีอาการอื่นที่น่าสงสัยอาจจะสั่งให้รถพยาบาลมารับไปเอกซเรย์ปอดเพิ่มเติม
  • แพทย์ติดต่อสอบถามอาการจากผู้ป่วยวันละ 2 ครั้ง ผ่านโทรศัพท์หรือวิดีโอคอล  
  • หากไม่มีอาการและไม่ใช่กลุ่มเสี่ยง แพทย์อาจจะสั่งจ่ายยาฟ้าทะลายโจรให้กินที่บ้าน และให้ยาพื้นฐานอื่น ๆ
  • สำหรับผู้ป่วยที่ไม่มีอาการ แต่เป็นกลุ่มเสี่ยง หรือผู้ป่วยที่ไม่ใช่กลุ่มเสี่ยงแต่เริ่มแสดงอาการ แพทย์จะสั่งจ่ายยาฟาวิพิราเวียร์ให้กินที่บ้าน  
  • โรงพยาบาลจะจัดส่งอาหารให้ผู้ป่วยถึงบ้านครบ 3 มื้อ
  • ถ้ามีอาการทรุดลง โรงพยาบาลจะรีบประสานหาเตียงและส่งรถพยาบาลมารับไปรักษาตัวโดยเร็ว
วิธีดูแลรักษาอาการโควิดเบื้องต้น เมื่อกักตัวที่บ้าน
กักตัวในบ้านเมื่อติดโควิด

          ผู้ป่วยควรวัดอุณหภูมิร่างกาย และวัดระดับออกซิเจนของตัวเองทุกวัน และถ้ามีอาการอื่น ๆ ที่ไม่รุนแรงร่วมด้วยก็สามารถดูแลตัวเองเบื้องต้นได้ ดังนี้

หากมีไข้ขึ้นสูงกว่า 37.5 องศาเซลเซียส

  • รับประทานยาพาราเซตามอล 500 มิลลิกรัม ครั้งละ 1 เม็ด ทุก 4-6 ชั่วโมง หรือกินตามน้ำหนัก โดยสามารถกินได้ 10-15 มิลลิกรัม ต่อ​น้ำหนักตัว 1 กิโลกรัม แต่ห้ามเกิน 1,000 มิลลิกรัมต่อครั้ง แต่ถ้าแพ้ยาพาราเซตามอลให้เช็ดตัวแทน
  • ไม่ควรรับประทานยาแอสไพริน ไอบูโพรเฟน ยากลุ่ม NSAID อื่น ๆ เพราะอาจส่งผลกระทบต่ออาการโควิด 19
  • เช็ดตัวบ่อย ๆ เพื่อลดไข้
  • ดื่มน้ำสะอาดให้เพียงพอ 1.5-2 ลิตรต่อวัน
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอจะช่วยให้ร่างกายฟื้นตัวเร็วขึ้น

หากมีอาการไอ เจ็บคอ

  • รับประทานยาแก้ไอ หรือยาอมบรรเทาอาการไอ
  • จิบน้ำผึ้งผสมน้ำอุ่น
  • ควรนอนตะแคง หรือนอนหมอนสูง

หากมีอาการหวัด คัดจมูก หายใจไม่สะดวก

  • ทุบหอมแดงใส่ผ้าวางไว้บนหน้าอกขณะนอนแล้วสูดดม ไอระเหยของหอมแดงจะช่วยบรรเทาอาการคัดจมูก น้ำมูกไหลได้ แต่ไม่ควรวางทิ้งไว้ทั้งคืน เพราะน้ำจากหอมแดงอาจไหลลงมาที่บริเวณหน้าอก ทำให้เกิดการระคายเคืองและแสบร้อน
  • หายใจช้า ๆ ลึก ๆ ทางจมูกและปาก เหมือนกำลังจะเป่าเทียน
  • นั่งตัวตรง ไม่นั่งหลังค่อม ผ่อนคลายบริเวณหัวไหล่
  • เอนตัวมาข้างหน้าเล็กน้อย โดยใช้มือวางบนหน้าขาทั้งสองข้าง และหายใจลึก ๆ ยาว ๆ

หากมีอาการท้องเสีย อาเจียน

  • งดอาหารประเภทนม โยเกิร์ต ผลไม้สด และอาหารย่อยยาก
  • ชงเกลือแร่ ORS จิบเรื่อย ๆ ทั้งวัน เพื่อไม่ให้ร่างกายขาดน้ำและแร่ธาตุ (กรณีมีปัญหาโรคไตและโรคหัวใจควรปรึกษาแพทย์ก่อน)
  • ถ้ารับประทานอาหารไม่ได้ ให้พยายามรับประทานน้อย ๆ แต่บ่อย ๆ

หากสงสัยว่าโควิดลงปอดหรือยัง ?

          ให้เช็กตัวเองดังนี้

  • ทำกิจกรรมตามปกติแล้วรู้สึกเหนื่อยเร็วกว่าเดิม หรือมีอาการแน่นหน้าอก เหนื่อยหอบ หายใจลำบากมากขึ้น
  • ใช้เครื่องตรวจวัดระดับออกซิเจนในเลือดที่ปลายนิ้ว (Pulse Oximeter) หากมีปริมาณออกซิเจนในเลือดต่ำกว่า 96% จะแสดงถึงความผิดปกติที่ปอด 
  • ทดลองเดินเร็ว ๆ เป็นเวลา 6 นาที หากมีภาวะปอดอักเสบ จะรู้สึกเหนื่อยง่าย รวมทั้งระดับออกซิเจนในเลือดอาจลดต่ำลงเหลือน้อยกว่า 96%
  • ทดสอบด้วยการออกกำลังกายด้วยการลุก-นั่ง 1 นาที แล้วลองวัดออกซิเจน ถ้าตกลงเกิน 3% หรือถ้าวัดชีพจรแล้วเกิน 120 ครั้ง/นาที หรือคนไข้หายใจหอบเหนื่อยมาก พูดเป็นคำไม่ได้ แสดงว่าน่าจะมีปัญหาในปอด ทำให้ออกซิเจนไม่พอ
  • ถ้ามีอาการดังกล่าว ให้นอนคว่ำ เพื่อให้เนื้อปอดส่วนหลังที่ถูกหัวใจกดทับขยายได้ดีขึ้น การแลกเปลี่ยนก๊าซของปอดดีขึ้น ระบายเสมหะได้ดีขึ้น ถ้านอนคว่ำไม่ได้ เช่น มีภาวะอ้วนหรือตั้งครรภ์ ให้นอนตะแคงเอาด้านซ้ายลง
  • ถ้าอยู่ในท่านอนนาน ๆ ให้ขยับขาบ่อย ๆ เพื่อป้องกันการเกิดลิ่มเลือด
การใช้ฟ้าทะลายโจร
  • สำหรับคนติดเชื้อโควิดที่มีอาการไข้ หวัด เจ็บคอ ครั่นเนื้อครั่นตัว และไอ สามารถใช้ฟ้าทะลายโจรได้ โดยรับประทานสารสกัดฟ้าทะลายโจรที่มีแอนโดรกราโฟไลด์ (Andrographolide) ในปริมาณ 180 มิลลิกรัมต่อวัน แบ่งกินวันละ 3 ครั้ง ก่อนอาหาร ติดต่อกันเป็นเวลา 5 วัน และไม่เกินนี้ 
  • ในเด็กโตอาจพิจารณาให้ใช้ฟ้าทะลายโจร ขนาด 3-3.5 มิลลิกรัม ต่อน้ำหนักตัว 1 กิโลกรัมต่อวัน โดยแบ่งให้กินวันละ 3-4 ครั้ง และเด็กที่มีน้ำหนักตัว 50 กิโลกรัมขึ้นไป ให้ใช้ขนาดเท่ากับผู้ใหญ่
  • ห้ามใช้ฟ้าทะลายโจรในกลุ่มหญิงตั้งครรภ์ หญิงให้นมบุตร ผู้ที่มีความดันต่ำ ผู้ที่แพ้ฟ้าทะลายโจร คนที่มีปัญหาเรื่องตับ เป็นต้น
ข้อแนะนำอื่น ๆ 
  • รับประทานอาหารให้เพียงพอ ถ้าสามารถรับประทานได้
  • ถ้ารับประทานอาหารไม่ได้ ให้ดื่มน้ำให้มาก ๆ หรือดื่มน้ำเกลือแร่ ถ้าไม่มีให้ผสมเกลือ 1 ช้อนชา กับน้ำตาล ลงในน้ำแล้วดื่มได้
  • ห้ามขาดยารักษาโรคประจำตัวเด็ดขาด
  • หากมีอาการเหนื่อยมาก ไม่ควรเข้าห้องน้ำ เพราะการเบ่งถ่ายและลุกนั่งอาจทำให้เป็นลมหมดสติ ควรหากระโถนมาใช้ข้างเตียง
  • คนที่มีค่าออกซิเจนต่ำ หากท้องผูกควรกินยาระบายและดื่มน้ำมาก ๆ ไม่ควรเบ่งถ่าย ซึ่งจะทำให้หน้ามืดได้
  • เมื่อจะเข้าห้องน้ำไม่ควรล็อกประตู และควรบอกให้คนในครอบครัวทราบด้วย
  • หมั่นติดต่อกับครอบครัว ญาติ เพื่อน ๆ เพื่อแจ้งอาการสม่ำเสมอ
          อย่างไรก็ตาม หากมีอาการแย่ลง คือมีอาการอย่างใดอย่างหนึ่งต่อไปนี้ เช่น หอบ เหนื่อย ไข้สูงลอย ไม่สามารถปฏิบัติกิจกรรมในชีวิตประจำวันได้ ให้รีบโทร. ติดต่อโรงพยาบาลที่รักษาอยู่ และเมื่อต้องเดินทางไปโรงพยาบาลให้ใช้รถยนต์ส่วนตัว ไม่ใช้รถสาธารณะ พร้อมใส่หน้ากากอนามัยตลอดเวลาที่เดินทาง หากมีผู้ร่วมยานพาหนะมาด้วยให้เปิดหน้าต่างรถเพื่อเพิ่มการระบายอากาศ จะได้ปลอดภัยกับคนรอบข้าง
กักตัวที่บ้าน ต้องปฏิบัติตัวอย่างไร
กักตัวในบ้านเมื่อติดโควิด

          ในระหว่างที่ยังหาเตียงไม่ได้ และจำเป็นต้องอยู่บ้านระหว่างรอหมอมารับ หรือเป็นผู้ป่วย COVID-19 ที่ได้รับอนุญาตให้ Home Isolation จะต้องป้องกันตัวเองอย่างเคร่งครัด เพื่อเซฟตัวเองและคนรอบข้าง ดังนี้

1. งดออกจากบ้านหรือที่อยู่อาศัย และห้ามคนมาเยี่ยมบ้าน

          ผู้ป่วยต้องหยุดงานหรือหยุดเรียน งดออกจากบ้าน งดไปในพื้นที่ชุมชนหรือบริเวณที่ต้องพบเจอผู้คนจำนวนมาก งดเดินทางข้ามจังหวัด ไม่ควรเดินทางด้วยรถสาธารณะ และห้ามผู้ใดมาเยี่ยมบ้านระหว่างแยกกักตัวเด็ดขาด

2. สวมหน้ากากอนามัย และล้างมือเป็นประจำ

          สวมหน้ากากอนามัย หรือหน้ากากผ้า ตลอดเวลาที่จะออกมาจากห้องที่พักอาศัย และต้องล้างมือบ่อย ๆ อย่างน้อย 20 วินาที เมื่อสัมผัสสิ่งของหรือบริเวณที่ต้องใช้งานร่วมกับผู้อื่น ก่อน-หลังรับประทานอาหาร เข้าห้องน้ำ หรือเมื่อมีการสัมผัสบริเวณใบหน้าเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น น้ำมูก น้ำลาย ให้รีบทำความสะอาดมือด้วยสบู่หรือแอลกอฮอล์เจลทันที

3. รักษาระยะห่าง หลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือใกล้ชิดกับผู้อื่น

กักตัวในบ้านเมื่อติดโควิด

          ไม่คลุกคลีใกล้ชิดกับสมาชิกในครอบครัว โดยเฉพาะเด็ก ผู้สูงอายุ และผู้ป่วยเรื้อรัง หรือในกรณีที่จำเป็น ต้องสวมหน้ากากอนามัยตลอดเวลา โดยรักษาระยะห่างอย่างน้อย 2 เมตร รวมทั้งไม่อยู่ร่วมกับบุคคลอื่นในห้องที่มีเครื่องปรับอากาศ

4. แยกรับประทานอาหาร

          ผู้ป่วยควรแยกรับประทานอาหารโดยตักแบ่งมารับประทานในห้องส่วนตัว หรือหากรับประทานอาหารด้วยกันควรแยกรับประทานของตนเอง ไม่รับประทานอาหารร่วมสำรับเดียวกันหรือใช้ช้อนกลางร่วมกัน และรักษาระยะห่างระหว่างกันอย่างน้อย 2 เมตร

          กรณีมีคนจัดหาอาหารให้ หรือสั่งอาหารเดลิเวอรี่ ให้กำหนดจุดรับอาหารโดยเฉพาะ เพื่อหลีกเลี่ยงการพูดคุยหรือสัมผัสโดยตรง

5. แยกเครื่องใช้ส่วนตัว

          ของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วยโควิด 19 เช่น จาน ชาม ช้อน ส้อม ตะเกียบ แก้วน้ำ เสื้อผ้า ผ้าเช็ดตัว หรือผ้าห่ม ที่เสี่ยงต่อการปนเปื้อนสารคัดหลั่ง เช่น น้ำลาย น้ำมูก ควรแยกจากสมาชิกในบ้าน ไม่ใช้ร่วมกัน เพื่อลดการแพร่เชื้อโรคด้วยการสัมผัส และเมื่อใช้เสร็จควรล้างทำความสะอาด จากนั้นควรนำไปผึ่งแดดให้แห้งหรืออบเพื่อฆ่าเชื้อ

          ถ้าเป็นไปได้ ในมื้ออาหาร ควรจะเลือกภาชนะแบบใช้แล้วทิ้ง ไม่นำมาใช้ซ้ำ และทิ้งในถังขยะแยกเอาไว้

6. แยกห้องนอน

          ผู้ป่วยควรจำกัดบริเวณหรืออยู่ในห้องส่วนตัว แยกห้องนอน หากแยกห้องไม่ได้ควรแยกบริเวณที่นอนให้ห่างจากคนอื่นมากที่สุด และควรเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเทได้ดี ไม่ควรนอนร่วมกันในห้องปิดที่ใช้เครื่องปรับอากาศ

7. แยกซักเสื้อผ้า แยกห้องน้ำ

  • แยกซักเสื้อผ้า ผ้าขนหนู และเครื่องนอน ด้วยน้ำและสบู่หรือผงซักฟอก แล้วตากแดด
  • แยกห้องน้ำ หรือในกรณีที่แยกไม่ได้ ต้องใช้ห้องน้ำร่วมกับผู้อื่น ควรเข้าเป็นคนสุดท้าย และเมื่อทำธุระส่วนตัวเรียบร้อยแล้ว ควรทำความสะอาดสุขภัณฑ์หลังใช้งานทุกครั้งด้วยน้ำยาฟอกขาวหรือผงซักฟอก และควรปิดฝาชักโครกก่อนกดน้ำเสมอ 
  • หมั่นทำความสะอาดที่พักด้วยน้ำยาฟอกขาว 5% หรือเช็ดผิวสัมผัสด้วยแอลกอฮอล์ 70% 

8. หมั่นทำความสะอาดโทรศัพท์มือถือหรือคอมพิวเตอร์

          สำหรับผู้ป่วยที่กักตัวอยู่คนเดียว อุปกรณ์ที่ขาดไม่ได้เลยในการคลายความเหงาก็คือ โทรศัพท์มือถือ และคอมพิวเตอร์ จึงควรใช้แอลกอฮอล์หรือน้ำยาฆ่าเชื้อเช็ดทำความสะอาดวันละ 1 ครั้ง เพื่อฆ่าเชื้อโควิด 19 และทำความสะอาดสิ่งสกปรกที่เกาะหรือตกค้างอยู่บริเวณพื้นผิวของหน้าจอ นอกจากนี้ไม่ควรให้คนอื่นสัมผัสหรือเข้าถึงอุปกรณ์หรือของใช้ส่วนตัวของผู้ป่วยด้วย เพื่อหลีกเลี่ยงการสัมผัสพื้นผิวที่มีเชื้อไวรัสตกค้างอยู่

9. เปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท

กักตัวในบ้านเมื่อติดโควิด

          ไม่ควรอุดอู้อยู่แต่ในห้องที่ปิด หรือห้องที่เปิดเครื่องปรับอากาศ เพราะอากาศในห้องจะไม่มีการหมุนเวียน ทำให้เชื้อไวรัสแพร่กระจายได้ง่ายขึ้น ควรเปิดหน้าต่างให้มีแสงแดดส่องถึง ให้มีการหมุนเวียนของอากาศมากขึ้น อย่างไรก็ตาม กรณีอยู่ร่วมกับคนอื่น ไม่ควรอยู่ในห้องแอร์เดียวกัน ควรปิดแอร์ และเปิดหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท

10. กินอาหารปรุงสุกที่มีประโยชน์ และพักผ่อนให้เพียงพอ

          ควรกินอาหารที่ปรุงสุก สะอาด และมีประโยชน์ เพื่อเสริมภูมิคุ้มกันให้ร่างกายแข็งแรง และนอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รวมถึงหากิจกรรมยามว่างทำระหว่างกักตัว เพื่อคลายความเครียด

11. จัดการขยะของตัวเอง

          คัดแยกขยะของตัวเองไม่ให้ปะปนกับขยะของสมาชิกคนอื่นภายในบ้าน ดังนี้

  • ขยะทั่วไป เช่น ถุงพลาสติก หรือภาชนะสำหรับใส่อาหารใช้แล้วทิ้ง ให้ทิ้งลงในถังขยะส่วนตัว ปิดปากถุงให้สนิททุกครั้ง
  • ขยะติดเชื้อ ซึ่งเป็นขยะที่มีการปนเปื้อนของสารคัดหลั่ง เช่น หน้ากากอนามัย กระดาษทิชชู ในแต่ละวันให้เก็บรวบรวมใส่ถุงพลาสติก 2 ชั้น และเทน้ำยาฟอกขาว 2 ฝา เพื่อฆ่าเชื้อ มัดปากถุงให้แน่น จากนั้นก็นำไปทิ้งรวมกับขยะทั่วไปของตัวเองได้ แล้วล้างมือให้สะอาด

12. กรณีอยู่หอพักและจำเป็นต้องใช้ลิฟต์

          กรณีอยู่หอพักหรือคอนโดควรแจ้งนิติบุคคลให้ทราบด้วย เพื่อดำเนินมาตรการป้องกันการแพร่ระบาดอย่างเคร่งครัด และควรพักรักษาตัวอยู่แต่ในห้อง ถ้าจำเป็นต้องออกจากหอพัก ออกจากห้อง ควรใช้บันไดแทนการใช้ลิฟต์ แต่กรณีอยู่ชั้นสูงและต้องใช้ลิฟต์จริง ๆ ควรพกปากกาหรือไม้ไว้สำหรับกดปุ่มลิฟต์ ป้องกันการแพร่เชื้อสู่คนอื่น 
          การกักตัวที่บ้านนั้นจำเป็นต้องมีวินัยต่อตัวเองเป็นอย่างมาก ผู้ป่วยต้องดูแลสุขอนามัยของตัวเองให้ดี และป้องกันไม่ให้เชื้อแพร่กระจายไปสู่สมาชิกคนอื่นในบ้านได้ แต่หากมีอาการแย่ลงให้รีบแจ้งแพทย์โดยทันที
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ติดโควิดแต่ไม่มีเตียงทำยังไง รวมวิธีดูแลรักษาโควิดเบื้องต้น เมื่อจำเป็นต้องกักตัวที่บ้าน อัปเดตล่าสุด 2 สิงหาคม 2564 เวลา 11:35:45 86,611 อ่าน
TOP
x close