ลำไส้แปรปรวนกับทางเลือกในการรักษา (Health Plus)
โรคลำไส้แปรปรวน เป็นหนึ่งในโรคที่มีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้นเรื่อย ๆ ในปัจจุบัน ซึ่งการรักษามีหลายวิธี และวิธีหนึ่งที่เริ่มนำเข้ามาใช้รักษาผู้ป่วย คือ การสะกดจิต เหตุใดจึงนำการสะกดจิตมาใช้ในการรักษาโรคลำไส้แปรปรวน (imitable bowel syndrome-IBS) เรามาหาคำตอบในเรื่องนี้กัน
โรค IBS เป็นความผิดปกติในการทำงานของระบบทางเดินอาหาร ประมาณกันว่า 1 ใน 3 ของประชากรอังกฤษป่วยด้วยโรคนี้ อาการของโรคนี้สร้างความรำคาญและทุกข์ทรมานให้กับชีวิต ผู้ป่วยประมาณกว่า 10% ของประชากรมีอาการรุนแรงจนต้องไปหาหมอ
แม้จะยังไม่มีวิธีรักษาโรคนี้ให้หายขาด แต่ก็มีทางรักษาที่หลากหลายซึ่งจะช่วยควบคุมอาการไม่ให้กำเริบ ว่าแต่เราจะทราบได้อย่างไรว่าวิธีใดได้ผล
"ยังไม่มีวิธีใดที่วิเศษจนสามารถรักษาผู้ป่วยโรคนี้ให้หายได้" แมรี ฮาสลาม ผู้จัดการพยาบาลของศูนย์ให้ความช่วยเหลือ the IBS Network Help-Line กล่าว แต่มีการรักษาอยู่วิธีหนึ่งที่กำลังได้รับความนิยมมากขึ้นเรื่อย ๆ และมีประสิทธิภาพนั่นคือ การรักษาด้วยการสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวน (gut-directed hypnotherapy) อาจฟังดูค่อนข้างน่ากลัว แต่ที่จริงหาเป็นเช่นนั้นไม่
อลิซาเบธ เทย์เลอร์ นักสะกดจิตบำบัดแห่งแผนกการแพทย์องค์รวม โรงพยาบาลรอสเซนเดลอธิบายว่า "คนป่วยจะถูกสะกดจิต และนักสะกดจิตจะให้คำแนะนำให้ด้านบวก เป้าหมายเพื่อให้ลำไส้ทำงานเป็นปกติ บรรเทาอาการปวดและท้องอืด การสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวนเป็นเพียงการให้คำแนะนำโดยตรง คุณต้องนั่งนิ่ง ๆ ขณะถูกสะกดจิต หรือปลดปล่อยความรู้สึกเจ็บปวด ผู้สะกดจิตจะให้ผู้ป่วยวางมือบริเวณหน้าท้อง และจะรู้สึกร้อนที่หน้าท้อง ผู้ป่วยจะได้รับเทปบันทึกเทคนิคการบำบัด เพื่อให้นำกลับไปฝึกปฏิบัติเองที่บ้านทุกวัน"
วิธีนี้ให้ผลดีหากผู้ป่วย IBS มีอาการหลัก 3 อย่างได้แก่ ปวดท้อง ท้องอืด และอาการผิดปกติของลำไส้ที่ทำให้เกิดอาการท้องผูกหรือท้องเสีย คุณต้องเปิดใจรับการรักษาดังกล่าว และมุ่งมั่นที่จะเอาชนะอาการป่วย "ตามปกติต้องบำบัดทั้งหมด 12 ครั้ง ครั้งละ 1 ชั่วโมง" เทย์เลอร์กล่าว "มันไม่ใช่การรักษาโรค แต่เป็นเทคนิคที่ดีในการควบคุมอาการ"
ผลการวิจัยชี้ว่าการสะกดจิตได้ผลดี นักวิจัยจากแมนเชสเตอร์ พบว่า การบำบัดช่วยให้ผู้ป่วยอาการดีขึ้นนานถึง 5 ปี หลังจากคอร์สบำบัดเสร็จสิ้น
ด้าน ดร.มาร์ค คอตทริลล์ แพทย์ทั่วไปจากแลงคาเชียร์และผู้ดูแล IBS Network เป็นผู้หนึ่งที่ใช้วิธีสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวนในการผ่าตัด กล่าวว่า "เราพบว่าการะสะกดจิตเป็นการรักษาที่ได้ผลดีมาก ดีกว่าการทานยาเป็นอย่างมาก มันไม่เหมือนการสะกดจิตแบบดั้งเดิม แต่เป็นลักษณะของการทำให้จิตใจของผู้ป่วยผ่อนคลายและสบายกายอย่างแท้จริง นับเป็นเทคนิคช่วยบำบัดตนเองให้ดีขึ้นอย่างได้ผล"
ขณะเดียวกัน เมื่อเร็ว ๆ นี้ the IBS Network ได้สอนให้ผู้ป่วยรู้จักวิธีการสะกดจิตบำบัดโรคลำไส้แปรปรวนด้วยตนเองทั้งหมด 21 หลักสูตรทั่วประเทศอังกฤษ แต่โชคไม่ดีที่โครงการนี้ซึ่งได้เงินสนับสนุนก้อนแรก จากสำนักงานสลากกินแบ่งรัฐบาลแห่งชาติ (National Lottery) ต้องยกเลิกไป แต่ทาง the IBS Network ยังหวังว่าจะมีกองทุนใหม่ๆ เข้ามาสนับสนุนหลักสูตรดังกล่าวนี้อีกครั้ง
ทั้งนี้ สาเหตุของโรค IBS ยังไม่ทราบแน่ชัด แต่ความเครียด การไดเอต โรคลำไส้อักเสบรุนแรง และการตัดมดลูกทิ้งล้วนมีส่วนทำให้เกิดอาการดังกล่าวได้ทั้งสิ้น "อาการเหล่านี้ส่งผลให้ร่างกายอ่อนแอลง โดยเฉพาะคนสูงอายุ บางครั้งถึงขั้นส่งผลกระทบต่อการใช้ชีวิตในสังคม เพราะพวกเขากลัวว่าตัวเองจะสูญเสียการควบคุมในที่สาธารณะ" แมรี่กล่าว
"คนอายุมากกว่า 50 ปีที่ลำไส้ทำงานผิดปกติอย่างฉับพลัน รวมถึงน้ำหนักตัวลดและ/หรืออุจจาระมีเลือดควรไปพบแพทย์ ที่สำคัญอย่าพยายาม สันนิษฐานเอาเองว่าเป็นโรค IBS เพราะอาจเป็นโรคร้ายแรงอย่างอื่นที่คาดไม่ถึง โดยแพทย์จะตรวจหาต้นเหตุที่แท้จริงโดยการส่องกล้อง หรือการส่องกล้องตรวจลำไส้ใหญ่ เพื่อแยกแยะอาการ เช่น มะเร็งลำไส้ ติ่งเนื้อ หรือโรคถุงที่ผนังลำไส้ใหญ่ (diverticulosis)"
7 ทางเลือกในการรักษาที่คุ้มค่าน่าลอง
1.ยาแผนปัจจุบัน
ยาแก้ปวดเกร็ง เช่น Colofac (ต้องให้แพทย์เป็นผู้สั่งจ่าย) ทานร่วมกับอาหารเสริมจำพวกไฟเบอร์ ช่วยการทำงานของลำไส้ใหญ่
ยาแก้ท้องเสีย เช่น โคดีอีน (Codeine) หรือโลเพอราไมด์ (Loperamide) ช่วยให้อาการเดินทางผ่านลำไส้ช้าลง
ยาระบาย เช่น มะขามแขก ช่วยกระตุ้นเส้นประสาทที่ควบคุมกล้ามเนื้อผนังลำไส้ ใช้รักษาโรคท้องผูก
2.เปลี่ยนแปลงอาหารการกิน
การจดบันทึกอาหารที่กินในแต่ละวันช่วยให้เราสามารถจำแนกว่าอาหารชนิดใดมีปัญหา ซึ่งอาจเป็นตัวเหตุของอาการผิดปกติ โดยมากอาหารที่ก่อให้เกิดปัญหาได้แก่ ข้าวสาลี น้ำตาล ยีสต์ และน้ำตาลเทียม ผลไม้ที่มีรสเปรี้ยว หรือมะเขือเทศ อย่าพยายามจำกัดอาการที่กินโดยเฉพาะในผู้สูงอายุ เพราะอาจเป็นอันตรายได้ เพราะคนวัยนี้ต้องกินอาหารที่มีแคลอรีน้อยอยู่แล้ว ทำให้เสี่ยงต่อการขาดสารอาหารมากยิ่งขึ้น
3.โปรไบโอติก
อาหารเสริมโปรไบโอติกช่วยสร้างสมดุลระหว่างแบคทีเรียที่ "ดี" และ "ไม่ดี" ในลำไส้ ลดแก๊สในท้อง และบรรเทาอาการปวด แก้ท้องเสีย และเสริมสร้างภูมิต้านทานโรค หาซื้ออาหารเสริมที่มีส่วนผสมของ Bifobacterium และ Lactobacillus ผลการวิจัยยังชี้ว่าเครื่องดื่มโปรไบโอติกอย่างยาคูลท์ช่วยได้
4.ออกกำลังกาย
การออกกำลังกายเป็นประจำช่วยให้การทำงานของลำไส้ดีขึ้นและบรรเทาอาการท้องผูก
5.เทคนิคช่วยผ่อนคลาย
โยคะและการนั่งสมาธิช่วยลดความเครียด ซึ่งเป็นต้นเหตุให้เกิดอาการของโรค
6.นวดกดจุดฝ่าเท้า
ผู้เชี่ยวชาญด้านการนวดกดจุดฝ่าเท้าเชื่อว่า อารมณ์ฉุนเฉียว ความวิตกกังวล และความเครียดส่งผลต่อการทำงานของลำไส้ การนวดกดจุดฝ่าเท้าช่วยผ่อนคลายเนื้อเยื่อและอวัยวะต่าง ๆ ของร่างกาย ทำให้การเผาผลาญอาหารในระบบย่อยอาหารเกิดความสมดุล
7.โฮมีโอพาธีย์ (Homeopathy)
เป็นวิธีการรักษาแบบธรรมชาติบำบัดโดยใช้สารที่ทำให้เกิดอาการเจ็บป่วยมากระตุ้นให้ระบบเซลล์ในร่างกายทำงานด้วยตัวของมันเอง
Arsenicum album ช่วยบรรเทาอาการท้องเสีย
Carbo veg ช่วยแก้ท้องอืด มีแก๊สในท้อง
Podophylium แก้ท้องเสีย ปวดท้อง และท้องอืดท้องเฟ้อ
Veratum album แก้ท้องเสีย ถ่ายอุจจาระเหลว และอาการอ่อนเพลีย
สำหรับในประเทศไทยสามารถขอรับค่าปรึกษาได้โดยตรงจากบุคลากรสหวิชาชีพทางสาธารณสุข รวมถึงเภสัชกรหรือขอรับคำปรึกษาได้จากสถานปฏิบัติการเภสัชกรรมชุมชน (โอสถศาลา) คณะเภสัชศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย
โรคลำไส้แปรปรวนคืออะไร
โรคลำไส้แปรปรวนคือกลุ่มของอาการที่เกี่ยวข้องกับความผิดปกติของลำไส้ ต่อไปนี้คือสัญญาณของอาการลำไส้แปรปรวน
ปวดท้องและปวดเกร็งลำไส้
ท้องเสีย
ท้องผูก
ท้องเสียสลับท้องผูก
ท้องอืด
ท้องไส้ปั่นป่วน
มีแก๊ส เรอ และอาเจียน
"ยังมีอาการอื่นๆ ที่พบได้บ่อยในส่วนอื่นของร่างกาย" แมรี่ ฮาสลาม ผู้จัดการพยาบาลของศูนย์ให้ความช่วยเหลือ the IBS Network Help-Line กล่าว "อาการดังกล่าวได้แก่ ปวดศีรษะ มึนงง ปวดหลัง อ่อนเพลีย ปวดกล้ามเนื้อและข้อต่อ ปัสสาวะบ่อย"
ขอขอบคุณข้อมูลจาก