ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อาการเป็นยังไง กี่วันหาย อันตรายแค่ไหน ?

          ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อาการเป็นยังไง หายเองได้ไหม ใครคือกลุ่มเสี่ยงที่ต้องเฝ้าระวังอาการแทรกซ้อนรุนแรง รวบรวมข้อมูลมาบอกแล้ว
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

          หลายคนมีอาการไข้ขึ้นสูง ปวดหัว ปวดตัว แถมยังมีอาการไอ จาม ร่วมด้วย แบบนี้ต้องสงสัยไว้ก่อนเลยว่าอาจจะเป็นไข้หวัดใหญ่ โดยเฉพาะอย่างยิ่งในช่วงฤดูฝน ไข้หวัดใหญ่มักจะแพร่ระบาดได้ง่าย และสายพันธุ์ที่รุนแรงที่สุดก็คือ ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ใครที่ยังไม่รู้ว่าโรคนี้มีอาการอย่างไร เกิดจากอะไร และป้องกันได้อย่างไร วันนี้เรามีข้อมูลดี ๆ มาฝาก  

ไวรัสไข้หวัดใหญ่ มีสายพันธุ์อะไรบ้าง

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A

  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A : เป็นสายพันธุ์ที่พบได้บ่อยที่สุด ระบาดได้ทั่วโลก และทำให้เกิดอาการรุนแรงกว่าสายพันธุ์อื่น ๆ แถมยังสามารถแพร่เชื้อจากคนสู่คนได้ง่าย 
  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ B : พบได้รองลงมา ทำให้เกิดการระบาดในพื้นที่ระดับภูมิภาค อาการไม่รุนแรงเท่าสายพันธุ์ A และมักไม่ทำให้เกิดการระบาดใหญ่
  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ C : พบได้น้อยมาก มักพบในเด็กเล็ก และไม่ทำให้เกิดการระบาด

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A คืออะไร ?

          ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นโรคติดเชื้อไวรัสที่ระบบทางเดินหายใจชนิดหนึ่ง ซึ่งเกิดจากเชื้อไวรัสไข้หวัดใหญ่ชนิด A มักพบได้บ่อยในช่วงฤดูฝน และสามารถพบได้ในคนทุกเพศทุกวัย ตั้งแต่เด็กเล็กไปจนถึงผู้สูงอายุ

          ทั้งนี้ เชื้อไวรัสชนิด A แบ่งเป็นชนิดย่อยตามความแตกต่างของโปรตีนของไวรัสที่เรียกว่า Hemagglutinin (H) และ Neuraminidase (N) ได้อีกหลายชนิด โดยที่พบได้บ่อย เช่น

  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H1N1) : ที่ผ่านมามีการระบาดครั้งใหญ่ในสเปน จึงเรียกว่า ไข้หวัดสเปน และกลับมาระบาดหนักอีกครั้งในช่วงปี 2009 ที่เรารู้จักกันดีในชื่อ ไข้หวัดใหญ่ 2009 แต่ปัจจุบันได้กลายเป็นไข้หวัดใหญ่ตามฤดูกาลแล้ว
  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H1N2) : เป็นสายพันธุ์ย่อยในโรคไข้หวัดหมูสายพันธุ์ A ที่สามารถติดต่อจากหมูสู่คนได้
  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H3N2) : เป็นไวรัสที่สามารถติดต่อจากหมูสู่คนได้ จึงเรียกว่า ไข้หวัดหมู หรือ ไข้หวัดฮ่องกง เพราะเคยระบาดหนักในฮ่องกง
  • ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A (H5N1) : คือไข้หวัดนกที่เคยระบาดไปทั่วเอเชีย สามารถติดต่อจากคนสู่คน หรือติดต่อจากสัตว์ปีกได้โดยตรง
          ส่วนไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์อื่น ๆ จะไม่มีการแบ่งเป็นชนิดย่อย

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เกิดจากอะไร
ติดต่อได้อย่างไร

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a ติดต่อไหม

          ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A สามารถติดต่อได้ง่ายผ่านทางสารคัดหลั่งจากระบบทางเดินหายใจ เช่น น้ำมูก น้ำลาย เสมหะของผู้ป่วยที่ออกมาตอนไอหรือจาม โดยเชื้อไวรัสจะอยู่ในละอองฝอยเล็ก ๆ ล่องลอยอยู่ในอากาศ หากเราหายใจเอาละอองเหล่านี้เข้าไปก็จะทำให้ติดเชื้อได้ นอกจากนี้ยังสามารถติดต่อผ่านการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย หรือสัมผัสพื้นผิวที่ปนเปื้อนเชื้อแล้วมาสัมผัสจมูกหรือปากของตัวเอง

          ทั้งนี้ ระยะฟักตัวของโรคอยู่ที่ประมาณ 1-3 วัน และผู้ป่วยสามารถแพร่เชื้อได้ตั้งแต่ 1 วัน ก่อนมีอาการ ไปจนถึง 3-5 วัน หลังมีอาการ หากผู้ป่วยเป็นเด็กจะสามารถแพร่เชื้อได้นานกว่า 7 วัน

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อาการเป็นอย่างไร

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a อาการ

          ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A มักมีอาการหลังจากได้รับเชื้อประมาณ 1-3 วัน โดยจะมีอาการเหล่านี้

  • ไข้สูงเฉียบพลัน
  • ปวดศีรษะอย่างหนัก
  • ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะในบริเวณหลัง ต้นแขน ต้นขา
  • อ่อนเพลีย
  • ไอแห้ง เจ็บคอ
  • มีน้ำมูกใส คัดจมูก หายใจไม่สะดวก
  • เบื่ออาหาร
  • บางรายอาจมีอาการคลื่นไส้ อาเจียน ท้องเสีย ร่วมด้วย
  • ในเด็กเล็กจะมีไข้สูง ร่วมกับอาการถ่ายเหลว คลื่นไส้ อาเจียน และชักจากไข้สูง 

          อย่างไรก็ตาม ในบางรายอาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรง เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ หลอดลมอักเสบ ปอดอักเสบ กล้ามเนื้อหัวใจอักเสบ ปลายประสาทอักเสบ และสมองอักเสบ ซึ่งทำให้เสียชีวิตได้

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A 
ใครเสี่ยงมีอาการรุนแรง

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ a รักษายังไง

          กลุ่มคนที่มีความเสี่ยงว่าจะมีอาการรุนแรงจากการติดเชื้อไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ได้แก่

  • เด็กเล็ก อายุ 6 เดือน ถึง 5 ขวบ
  • ผู้สูงอายุ 65 ปีขึ้นไป
  • สตรีมีครรภ์
  • ผู้ป่วยเป็นโรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง โรคหอบหืด 
  • ผู้ป่วยโรคหัวใจ 
  • ผู้ป่วยโรคไตวาย
  • ผู้ป่วยโรคเบาหวาน 
  • ผู้ป่วยโรคธาลัสซีเมีย 
  • ผู้ป่วยโรคหลอดสมอง หรือลมชัก
  • ผู้ป่วยโรคตับแข็ง
  • ผู้ป่วยมะเร็งที่อยู่ระหว่างได้รับเคมีบำบัด 
  • ผู้พิการทางสมองที่ช่วยเหลือตัวเองไม่ได้ 
  • ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง ผู้ที่ได้รับยากดภูมิหรือสเตียรอยด์จากโรคภูมิคุ้มกันตัวเอง
  • ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
  • ผู้ที่มีภาวะอ้วน โดยมีน้ำหนักมากกว่า 100 กิโลกรัม หรือดัชนีมวลกายตั้งแต่ 35 กิโลกรัมต่อตารางเมตร

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A รักษาอย่างไร

          การรักษาไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ทำได้โดยการรักษาตามอาการ เช่น

  • หากมีไข้ ให้รับประทานยาลดไข้ เช่น พาราเซตามอล และใช้ผ้าชุบน้ำเช็ดตัว
  • หากมีน้ำมูก คัดจมูก ให้รับประทานยาลดน้ำมูก
  • หากไอ มีเสมหะ ให้รับประทานยาแก้ไอ ละลายเสมหะ
  • ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ
  • นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
  • รับประทานอาหารอ่อน ๆ
  • งดไปโรงเรียนหรือที่ทำงานจนกว่าจะหายดี เพื่อป้องกันการแพร่เชื้อ

          ในบางรายที่อาการรุนแรง แพทย์อาจพิจารณาให้ยาต้านไวรัสไข้หวัดใหญ่ เช่น โอเซลทามิเวียร์ หรือหากผู้ป่วยมีอาการหอบเหนื่อย แพทย์อาจให้นอนพักรักษาตัวที่โรงพยาบาล

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A กี่วันหาย

          โดยทั่วไปไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นโรคที่สามารถหายได้เองภายใน 5-7 วัน แต่ขึ้นอยู่กับปริมาณเชื้อที่ได้รับ รวมทั้งภูมิคุ้มกันของผู้ป่วยเองด้วย หากเป็นกลุ่มเสี่ยง เช่น เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ ผู้ป่วย อาจต้องใช้เวลารักษานานกว่า 7 วัน

ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A ป้องกันได้อย่างไร

วัคซีนไข้หวัดใหญ่

  • ฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่ทุกปี เพราะเชื้อไวรัสมีการเปลี่ยนแปลงสายพันธุ์อยู่เรื่อย ๆ 
  • ล้างมือบ่อย ๆ ด้วยสบู่และน้ำสะอาด โดยเฉพาะเมื่อสัมผัสจุดที่มีความเสี่ยงสูง เช่น ลูกบิดประตู โต๊ะ โทรศัพท์ ปุ่มลิฟต์ บันไดเลื่อน
  • หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดกับผู้ป่วย
  • สวมหน้ากากอนามัยเมื่อต้องอยู่ในที่ชุมชน
  • หลีกเลี่ยงการใช้มือสัมผัสใบหน้าโดยไม่จำเป็น
  • รับประทานอาหารที่สะอาด ปรุงสุกใหม่
  • พักผ่อนให้เพียงพอ
  • ออกกำลังกายสม่ำเสมอ
          แม้ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A เป็นโรคที่สามารถหายได้เอง แต่อาจเกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงในบางคน ดังนั้น การดูแลตัวเอง ป้องกันตัวเองไม่ให้ติดเชื้อ และฉีดวัคซีนไข้หวัดใหญ่เป็นประจำปีละ 1 ครั้ง จึงเป็นสิ่งสำคัญที่สุด

บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคไข้หวัดใหญ่

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ไข้หวัดใหญ่สายพันธุ์ A อาการเป็นยังไง กี่วันหาย อันตรายแค่ไหน ? อัปเดตล่าสุด 19 มิถุนายน 2567 เวลา 10:50:47 38,407 อ่าน
TOP
x close