
แอปเปิลไซเดอร์ ลดน้ำหนักได้จริงไหม

มีงานวิจัยหลายชิ้นพบว่า น้ำส้มสายชูแอปเปิล (แอปเปิลไซเดอร์) ช่วยลดดัชนีมวลกาย (BMI), ลดน้ำหนักตัวและรอบเอวได้จริงในกลุ่มวัยรุ่นและผู้ใหญ่ที่มีน้ำหนักเกินหรือเป็นโรคอ้วน โดยเฉพาะเมื่อรับประทานควบคู่กับการควบคุมอาหารและการออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ โดยกลไกที่เกี่ยวข้องคือ กรดอะซิติก ซึ่งเป็นส่วนประกอบหลักของแอปเปิลไซเดอร์ อาจช่วยระงับความอยากอาหารในระยะสั้น และกระตุ้นการเผาผลาญไขมัน ซึ่งทั้งหมดมีส่วนช่วยในการควบคุมน้ำหนัก
อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้ใช้แอปเปิลไซเดอร์เป็นวิธีหลักในการลดน้ำหนักนะคะ เพราะความเป็นกรดที่สูงอาจทำให้เกิดผลข้างเคียง เช่น ระคายเคืองกระเพาะอาหาร ปวดท้อง หรือทำลายเคลือบฟัน หากต้องการใช้ ควรอยู่ภายใต้คำแนะนำของผู้เชี่ยวชาญ และใช้ควบคู่กับการดูแลสุขภาพโดยรวมจะปลอดภัยกว่า
กินแอปเปิลไซเดอร์ตอนไหนดี
ถ้าอยากลดน้ำหนัก
แม้จะไม่มีแนวทางที่ตายตัว แต่จากงานวิจัยหลายฉบับพบว่า การดื่มแอปเปิลไซเดอร์ในตอนเช้าขณะท้องว่าง หรือก่อนมื้ออาหารเช้าและเย็น 15-30 นาที ในปริมาณ 15 มิลลิลิตร (1 ช้อนโต๊ะ) ผสมกับน้ำเปล่า 200-250 มิลลิลิตร เพื่อให้เจือจาง และทำต่อเนื่องเป็นระยะเวลา 4-12 สัปดาห์ เป็นวิธีที่ได้รับความนิยมมากที่สุดในการควบคุมน้ำหนัก ลดรอบเอว และลดน้ำตาลในเลือดค่ะ
ทั้งนี้เพราะกรดอะซิติกในน้ำส้มสายชูแอปเปิลอาจช่วยระงับความอยากอาหาร ชะลอการย่อยคาร์โบไฮเดรต และช่วยควบคุมระดับน้ำตาลในเลือดหลังมื้ออาหารไม่ให้พุ่งสูงเกินไป ส่งผลให้รู้สึกอิ่มได้นานขึ้นและลดการกินจุบจิบระหว่างวัน
แอปเปิลไซเดอร์กินหลังอาหารได้ไหม

จริง ๆ แล้ว การดื่มแอปเปิลไซเดอร์หลังอาหารหรือพร้อมมื้ออาหารสามารถทำได้ และไม่มีข้อห้ามชัดเจนค่ะ และจากงานวิจัยที่ให้ผู้เข้าร่วมบริโภคแอปเปิลไซเดอร์หลังอาหารก็ยังไม่พบผลข้างเคียงรุนแรงใด ๆ ซึ่งหมายความว่า หากผสมกับน้ำให้เจือจางก็สามารถดื่มได้อย่างปลอดภัย ทว่าประสิทธิภาพในเรื่องการควบคุมน้ำหนักหรือระดับน้ำตาลในเลือดจะยังไม่เห็นชัดเท่าไรเมื่อเทียบกับการดื่มก่อนมื้ออาหาร อีกทั้งการดื่มหลังอาหารในช่วงที่อิ่มจัดอาจเสี่ยงต่อการเกิดกรดไหลย้อนได้
ดังนั้น หากต้องการดื่มเพื่อสุขภาพทั่วไปหรือช่วยเรื่องการย่อยอาหารเล็กน้อย การดื่มหลังอาหารแบบเจือจางก็ยังเป็นทางเลือกที่ทำได้ แต่ถ้ามีเป้าหมายเพื่อช่วยควบคุมน้ำหนัก การดื่มก่อนอาหารจะเห็นผลชัดเจนกว่า
แอปเปิลไซเดอร์ กินก่อนนอนได้ไหม

ปัจจุบันยังไม่มีหลักฐานชัดเจนว่าการดื่มแอปเปิลไซเดอร์ก่อนนอนจะก่อให้เกิดอันตรายอย่างใด แต่ควรหลีกเลี่ยงการดื่มในปริมาณมากหรือดื่มโดยไม่ผสมน้ำ เนื่องจากความเป็นกรดของน้ำส้มสายชูหมักแอปเปิลอาจทำให้เกิดการระคายเคืองต่อกระเพาะอาหารหรือหลอดอาหาร
โดยเฉพาะในผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร เช่น โรคกระเพาะอาหารหรือกรดไหลย้อน ควรหลีกเลี่ยงการดื่มช่วงก่อนนอนดีกว่า เพื่อป้องกันอาการแสบกลางอกหรือกรดไหลย้อนขณะนอนหลับ ซึ่งอาจทำให้นอนไม่หลับ
แอปเปิลไซเดอร์ กินวันละกี่ครั้ง
ข้อควรระวังในการกินแอปเปิลไซเดอร์

น้ำส้มสายชูแอปเปิลมีฤทธิ์เป็นกรดค่อนข้างสูง หากรับประทานในรูปแบบเข้มข้นหรือมากเกินไปอาจส่งผลเสียต่อสุขภาพได้ ดังนั้นควรระมัดระวังและปฏิบัติตามคำแนะนำ ดังนี้
-
ควรผสมเจือจางก่อนดื่ม และควรเริ่มจากปริมาณน้อย ๆ เพื่อสังเกตอาการ ไม่ควรดื่มแบบเข้มข้น เพราะอาจระคายเคืองช่องปาก ลำคอ หรือกระเพาะอาหาร
-
ควรใช้หลอดดูดขณะดื่มเพื่อลดการสัมผัสกับฟันโดยตรง และบ้วนปากด้วยน้ำสะอาดหลังดื่มทุกครั้ง เพื่อลดความเสี่ยงที่เคลือบฟันจะกร่อนจากกรดอะซิติก
-
ไม่ควรรับประทานเกิน 2 ช้อนโต๊ะต่อวัน เพราะการรับประทานมากเกินไปอาจทำให้ระดับโพแทสเซียมในเลือดต่ำ ซึ่งส่งผลต่อระบบกล้ามเนื้อ หัวใจ และระบบประสาทได้
-
ควรปรึกษาแพทย์หากมีโรคประจำตัวหรือใช้ยาเป็นประจำ โดยเฉพาะผู้ที่มีโรคเกี่ยวกับระบบทางเดินอาหาร, โรคไต, หรือรับประทานยาควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ยาขับปัสสาวะ หรือยารักษาโรคเรื้อรังอื่น ๆ
-
ผู้ที่มีปัญหาสุขภาพฟันควรระวังเป็นพิเศษ เพราะกรดอาจทำลายเคลือบฟันและเพิ่มความเสี่ยงต่อฟันผุ
-
ผู้ที่มีระดับน้ำตาลในเลือดต่ำ หรือรับประทานยารักษาเบาหวานควรเฝ้าระวังระดับน้ำตาลอย่างใกล้ชิด เพราะแอปเปิลไซเดอร์อาจมีผลลดระดับน้ำตาลในเลือด
-
กลุ่มเสี่ยง เช่น เด็ก ผู้สูงอายุ หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ควรหลีกเลี่ยงหรือปรึกษาแพทย์ก่อนใช้ เพราะยังไม่มีข้อมูลที่เพียงพอว่าแอปเปิลไซเดอร์ปลอดภัยต่อกลุ่มเหล่านี้
บทความที่เกี่ยวข้องกับแอปเปิลไซเดอร์
ขอบคุณข้อมูลจาก : verywellhealth.com, nutrition.bmj.com, journals.lww.comjournals.lww.com (1), (2), doi.org, biomedcentral.com