โลกร้อนก่อโรคร้าย ไทยเฝ้าระวัง 13 โรค





โลกร้อนก่อโรคร้าย!! สธ.ตั้งคณะกรรมการ HCCT หาแนวทางลดผลกระทบด้านสุขภาพจากปัญหาโลกร้อน (กรมควบคุมโรค)
   
          "การเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ" หรือ "ภาวะโลกร้อน" ไม่ได้นำพามาแต่ความร้อนเท่านั้น แต่ยังนำภัยอันตรายมาอย่างมากมาย โดยเฉพาะอันตรายจากโรคร้ายที่มีต่อสุขภาพอนามัยของมนุษย์!!! เพราะสภาพอากาศที่ร้อน จะทำให้เชื้อโรคต่าง ๆ สามารถฟักตัวและเติบโตได้ดี นอกจากจะมีโรคแปลก ๆ ใหม่ ๆ เกิดขึ้นแล้ว เชื้อโรคอาจมีการกลายพันธุ์ โรคที่เคยหายไปจากเมืองไทยจะเกิดขึ้นใหม่อีกนับสิบชนิด การติดเชื้อโรคและการระบาดของโรคต่าง ๆ จะขยายวงกว้างและรุนแรงมากขึ้น 

          นายแพทย์สุวรรณชัย วัฒนายิ่งเจริญชัย รองอธิบดีกรมควบคุมโรค เปิดเผยว่า จากข้อมูลการเฝ้าระวังโรคของสำนักโรคติดต่ออุบัติใหม่กรมควบคุมโรค พบว่า ในช่วง10 ปีที่ผ่านมา ประเทศไทยและภูมิภาคเอเชียตะวันออกเฉียงใต้มีโรคที่จัดว่าเป็นโรคอุบัติใหม่ และโรคอุบัติซ้ำที่รุนแรงเกิดขึ้นหลายชนิดที่มีสาเหตุมาจากภาวะโลกร้อน และเป็นโรคที่ประเทศไทยต้องเฝ้าระวังถึง 13 โรค ได้แก่
         
          1. โรคไข้กาฬหลังแอ่น 
         
          2. โรคไข้เลือดออกอีโบลา
         
          3. โรคติดเชื้อไวรัสนิปาห์และเฮนดรา
         
          4. โรคไข้หวัดนก 
         
          5. ไข้เหลือง
         
          6.โรคชิคุนกุนยา
         
          7. โรคมือเท้าปาก จากเชื้อเอนเทอโรไวรัส 71
         
          8.โรคติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัสซูอิส 
         
          9.โรคทางเดินหายใจเฉียบพลันรุนแรง (ซาร์ส)
         
          10.โรคทูลารีเมีย
         
          11.โรคเมลิออยโดซิส
         
          12. โรคลิชมาเนีย
         
          13. โรควีซีเจดี หรือโรคสมองเสื่อมชนิดใหม่

          ทั้งนี้ บางโรคยังไม่เคยพบในประเทศไทย แต่จะพบการระบาดของโรคในประเทศเพื่อนบ้าน ขณะที่บางโรคก็เกิดขึ้นแล้ว เช่น โรคติดเชื้อสเตร็ปโตค็อกคัส ซูอิส โดยในปี 2550 พบคนไทยภาคเหนือติดเชื้อนี้ 150 ราย และเสียชีวิต 23 ราย ส่วนโรคชิคุนกุนยาและโรคไข้เหลือง แม้จะไม่ร้ายแรงแต่เริ่มพบผู้ป่วยมากขึ้นทุกปี ตั้งแต่ 1 ม.ค.-28 ก.ค.52 พบผู้ป่วยโรคชิคุนกุนยาถึง 34,850 รายใน 50 จังหวัด

          ส่วนโรคไข้หวัดนกถึงแม้ว่าประเทศไทยจะไม่มีรายงานการพบเชื้อไข้หวัดนกในสัตว์ปีกมาตั้งแต่ปี 2552 แต่ยังมีรายงานยืนยันผู้ป่วยไข้หวัดนกรายใหม่ในประเทศเพื่อนบ้านอยู่เสมอ ๆ ทำให้มีโอกาสสูงที่โรคไข้หวัดนกจะแพร่ระบาดมาสู่ประเทศไทยได้ ในขณะที่บางโรคมีแนวโน้มว่าจะมีจำนวนผู้ป่วยมากขึ้น เช่น โรคมาลาเรีย ข้อมูล ตั้งแต่ 4 ม.ค.- 23 ก.ค.54 พบมีผู้ป่วยทั้งประเทศ  17,357 ราย ส่วนโรคไข้เลือดออกข้อมูลเมื่อ ส.ค.54 พบมีผู้ป่วย 34,744 ราย และเสียชีวิต 25 ราย

          รองอธิบดีกรมควบคุมโรค กล่าวต่อว่า นี่เป็นเพียงบางโรคที่เกิดขึ้นและมีการค้นพบจากการเกิดภาวะโลกร้อน แต่ประเทศไทยยังมีภาวะเสี่ยงที่จะเกิดโรคชนิดใหม่ ๆ ขึ้นมาได้อีก และนับวันก็จะยิ่งทวีความรุนแรงมากขึ้นเรื่อย ๆ และเป็นปัญหาสำคัญที่ทุกคนต้องประสบ


สุขภาพ


          กระทรวงสาธารณสุขซึ่งเป็นหน่วยงานหลักในการดำเนินการศึกษา ค้นคว้า วิจัย รวบรวมผลกระทบทางสุขภาพจากภาวะโลกร้อน เพื่อเสนอแนะวิธีรับมือและบรรเทาผลกระทบที่มีต่อประชาชนชาวไทย ได้มีคำสั่งแต่งตั้งคณะกรรมการศึกษาผลกระทบและการปรับตัวด้านสุขภาพอันเนื่องมาจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแห่งประเทศไทย (Health and Climate Change Committee of Thailand : HCCT) ขึ้น

          โดย มี ศ.นพ.เกษม วัฒนชัย และศ.นพ.ประเสริฐ ทองเจริญ เป็นที่ปรึกษา ปลัดกระทรวงสาธารณสุขเป็นประธาน คณบดีคณะเวชศาสตร์เขตร้อนมหาวิทยาลัยมหิดลเป็นรองประธาน  มีอธิบดีและรองอธิบดีกรมควบคุมโรค  อธิบดีกรมอนามัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ ผู้อำนวยการสำนักงานกองทุนสนับสนุนการสร้างเสริมสุขภาพ ผู้อำนวยการสถาบันวิจัยระบบสาธารณสุข เลขาธิการสำนักนโยบายและแผนทรัพยากรธรรมชาติและสิ่งแวดล้อม นพ.วิชัย สติมัย, ศ.นพ.สมหวัง ด่านชัยวิจิตร, ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี, รศ.นพ.ประตาป สิงหศิวานนท์, ผศ.พญ.เด่นหล้า ปาลเดชพงศ์ , พญ.สารนารถ ล้อพูลศรี, ผศ.กิตติศักดิ์ สวรรยาวิสุทธิ์ , นพ.ศุภมิตร ชุณห์สุทธิวัฒน์, นพ.กิตติศักดิ์ สวรรยาวิสุทธิ์, ดร.ทวี พันธุ์เพ็ง ฯลฯ เป็นคณะกรรมการ

          ด้านศาสตราจารย์นายแพทย์ อมร ลีลารัศมี อดีตนายกสมาคมโรคติดเชื้อแห่งประเทศไทยซึ่งเป็นหนึ่งในคณะกรรมการ HCCT กล่าวว่า คณะกรรมการฯ ได้ประชุมสรุปวางแนวทางการดำเนินงานเพื่อลดผลกระทบด้านสุขภาพจากภาวะโลกร้อนไว้ถึง 6 แนวทางด้วยกันคือ

          แนวทางที่หนึ่ง คือการเสริมสร้างความตระหนักของผลกระทบต่อสุขภาพจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศแก่ประชาชนทั่วไป โดยการพัฒนาสื่อความรู้และสื่อประชาสัมพันธ์ที่เหมาะสมกับกลุ่มเป้าหมายแต่ละกลุ่ม นำไปประชาสัมพันธ์ผ่านช่องทางต่าง ๆ และการจัดกิจกรรมรณรงค์ในรูปแบบต่าง ๆ เช่น การจัด Workshop, Meeting conference เพื่อเผยแพร่ความรู้วิชาการที่เกี่ยวข้องกับการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศต่อสุขภาพ เป็นต้น

          แนวทางที่สอง คือการจัดทำองค์ความรู้ในด้านปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน โดยการรวบรวมข้อมูลทั่วไปและข้อมูลโรคที่เกี่ยวข้องเพื่อนำมาสรุปให้เห็นถึงความเชื่อมโยงของปัญหาสุขภาพอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน

          แนวทางที่สาม คือการสนับสนุนงานวิจัยด้านสุขภาพที่เกิดจากการเปลี่ยนแปลงสภาพภูมิอากาศ

          แนวทางที่สี่ คือการเสนอแนะกลยุทธ์ในการบรรเทาปัญหาทางสุขภาพอนามัยอันเนื่องมาจากภาวะโลกร้อน ด้วยการส่งเสริมให้มีการจัดประชุมเพื่อนำไปสู่การเสนอแนะนโยบาย กลยุทธ์ มาตรการ และการวางแผนปฏิบัติด้านสาธารณสุข รวมทั้งการผลักดันร่าง พรบ.ในการป้องกันและลดผลกระทบจากปัญหาโลกร้อน จากองค์ความรู้และงานวิจัยที่ได้รวบรวมไว้

          แนวทางที่ห้า คือการแสวงหาความร่วมมือกับองค์กรที่เกี่ยวข้อง และแหล่งทุนวิจัยจากทั้งภายนอกและภายในประเทศ

          แนวทางที่หก คือการเผยแพร่ผลงานวิจัยด้วยการตีพิมพ์ผลงานวิจัยในวารสารทั้งภายในและต่างประเทศ

          "จะเห็นได้ว่าผลกระทบด้านสุขภาพจากภาวะโลกร้อนที่เกิดขึ้นเป็นเรื่องที่ทุก ๆ คนไม่อาจหลีกเลี่ยงได้ และกลับจะยิ่งขยายวงกว้างและทวีความรุนแรงขึ้นเรื่อย ๆ การแก้ไขปัญหาที่เกิดขึ้นนี้ ลำพังคนกลุ่มใดกลุ่มหนึ่ง หรือ หน่วยงานใดหน่วยงานหนึ่งนั้นไม่อาจทำได้ ถึงเวลาแล้วที่ทุก ๆ ฝ่ายจะต้องร่วมมือร่วมใจกันป้องกันและลดผลกระทบด้านสุขภาพจากภาวะโลกร้อน" ศ.นพ.อมร ลีลารัศมี กล่าวปิดท้าย


  เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย




ขอขอบคุณข้อมูลจาก




เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โลกร้อนก่อโรคร้าย ไทยเฝ้าระวัง 13 โรค อัปเดตล่าสุด 2 พฤษภาคม 2568 เวลา 17:55:01 11,627 อ่าน
TOP
x close