โรคลิชมาเนีย อันตรายเงียบจากแมลงริ้นฝอยทรายกัด ถึงตัวเล็กแต่ร้าย อาจทำให้ถึงแก่ชีวิตได้เช่นกัน

แมลงริ้นฝอยทราย
โรคลิชมาเนีย ฟังชื่อไม่ค่อยคุ้นหู แต่เป็นโรคติดเชื้อที่พบคนป่วยในไทยอยู่ทุกปี และยังเป็นปัญหาสาธารณสุขที่สำคัญในหลายภูมิภาคทั่วโลก โดยมีแมลงริ้นฝอยทราย ตัวเล็ก ๆ เป็นพาหะนำโรคร้ายนี้มาสู่เรา วันนี้ชวนทุกคนมาทำความเข้าใจโรคลิชมาเนีย อาการเป็นอย่างไร รักษาได้ไหม ใครคือกลุ่มเสี่ยง และทำไมถึงมีคนเสียชีวิตจากโรคนี้ได้ เพื่อรับมืออย่างถูกวิธีค่ะ
-------------------------------------------
โรคลิชมาเนีย คืออะไร สาเหตุเกิดจากอะไร
-------------------------------------------

ทั้งนี้ โปรโตซัวลิชมาเนีย (Leishmania) ที่สามารถทำให้เกิดโรคในคนนั้นมีมากกว่า 20 สายพันธุ์ ซึ่งอยู่ในพื้นที่ที่แตกต่างกันไป โดยส่วนใหญ่แล้วมักจะระบาดในประเทศแถบยุโรปตอนใต้บริเวณทะเลเมดิเตอร์เรเนียน เช่น อิตาลี กรีซ สเปน, ประเทศแถบเอเชียกลาง เช่น อินเดีย บังกลาเทศ, ทวีปแอฟริกา, ทวีปอเมริกากลาง และทวีปอเมริกาใต้
สำหรับในประเทศไทยพบผู้ป่วยอยู่บ้างในแต่ละปี โดยส่วนใหญ่เป็นผู้ป่วยต่างชาติที่เดินทางเข้ามาในประเทศไทย รวมทั้งแรงงานไทยที่เดินทางกลับมาจากประเทศแถบตะวันออกกลาง
-------------------------------------------
แมลงริ้นฝอยทราย พบที่ไหน
-------------------------------------------
แมลงริ้นฝอยทราย ซึ่งเป็นพาหะของโรคลิชมาเนีย มักอยู่ในบริเวณที่มีลักษณะดังนี้- พื้นที่เขตร้อนและกึ่งเขตร้อน เช่น ทวีปแอฟริกา ทวีปเอเชีย
- ป่าและพื้นที่เกษตรกรรม เพราะเป็นแหล่งที่อยู่อาศัยของสัตว์ที่เป็นแหล่งรังโรค เช่น หนู และมีอินทรียวัตถุที่ตัวอ่อนของริ้นฝอยทรายใช้ในการเจริญเติบโต
- บริเวณที่ชื้นแฉะ ซึ่งริ้นฝอยทรายจะชอบวางไข่ในดินชื้นหรือใกล้น้ำ รวมทั้งในถ้ำ
- โพรงไม้ ซอกหิน และจอมปลวก เป็นที่หลบซ่อนและอาศัยของริ้นฝอยทรายบางชนิด
- กองไม้ กองฟืน เศษใบไม้ทับถม หรือรูหนู ก็อาจเป็นแหล่งเพาะพันธุ์ริ้นฝอยทรายได้
-------------------------------------------
โรคลิชมาเนีย ติดต่อกันได้อย่างไร
-------------------------------------------

อย่างไรก็ตาม ในสัตว์ที่มีเชื้อนี้มักไม่แสดงอาการผิดปกติใด ๆ ทว่าเมื่อเชื้อเข้ามาสู่ร่างกายคนจะเข้าไปอยู่ในเม็ดเลือดขาวชนิดที่เรียกว่า Macrophage และแบ่งตัวรวดเร็วและมากมาย ส่งผลให้เม็ดเลือดขาวแตก หลังจากนั้นเชื้อจะแพร่กระจายสู่เม็ดเลือดขาวเซลล์อื่น ๆ ต่อไป
ทั้งนี้ โรคลิชมาเนียไม่สามารถติดต่อจากคนสู่คนผ่านการสัมผัสทางผิวหนังได้ แต่จะแพร่ระบาดผ่านแมลงริ้นฝอยทรายเท่านั้น
-------------------------------------------
โรคลิชมาเนีย อาการเป็นอย่างไร
-------------------------------------------
หลังจากถูกตัวริ้นฝอยทรายที่มีเชื้อกัดแล้ว เชื้อจะมีระยะเวลาในการฟักตัวตั้งแต่ 2-3 วัน หรืออาจจะกินเวลายาวนานไปเป็นปีก็มี แต่ส่วนใหญ่จะใช้เวลานานกว่าจะแสดงอาการ โดยหลังจากเชื้อฟักตัวแล้วจะแบ่งอาการออกได้เป็น 3 ลักษณะ ได้แก่
1. อาการที่ผิวหนัง (Cutaneous Leishmaniasis หรือ CL)
เป็นรูปแบบที่พบบ่อยที่สุด โดยอาการเริ่มแรกจะมีตุ่มนูนพองใสและแดงทั่วตัว เมื่อกลายเป็นแผลก็อาจจะเป็นแผลเปียกหรือแผลแห้งก็ได้ ขอบแผลนูน และสามารถลุกลามจากแผลเล็ก ๆ หลาย ๆ แผลกลายเป็นแผลใหญ่ แต่มักไม่เจ็บ
2. อาการที่เยื่อบุบริเวณปากและจมูก (Mucocutaneous Leishmaniasis หรือ MCL)
เป็นรูปแบบที่รุนแรงกว่าลิชมาเนียที่ผิวหนัง เพราะเชื้อลุกลามต่อไปยังเยื่อเมือกในจมูก ปาก และลำคอ ทำให้เกิดการทำลายเนื้อเยื่ออย่างรุนแรง โดยแผลอาจจะทำให้รูปหน้าผิดไปจากเดิม รวมทั้งมีอาการไข้ ซีด อ่อนเพลีย น้ำหนักลด หากปล่อยทิ้งไว้จนอาการรุนแรงและไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องก็สามารถทำให้เสียชีวิตได้
3. อาการที่อวัยวะภายใน (Visceral Leishmaniasis หรือ VL)
เป็นรูปแบบที่ร้ายแรงที่สุด เพราะเชื้อแพร่กระจายไปยังอวัยวะภายใน อาการนี้ปัจจุบันมักจะเรียกว่า คาลา-อซาร์ (Kala-azar) โดยอาการสำคัญของโลกนี้ที่องค์การอนามัยโลก (WHO) ได้นิยามไว้ก็คือ เป็นไข้เรื้อรังติดต่อกันมากกว่า 10 วัน ซีด ม้ามโต ตับโต น้ำหนักลด โลหิตจาง ซึ่งหากได้รับการรักษาจนหายแล้วผู้ป่วยอาจจะมีอาการทางผิวหนังหลงเหลือ ได้แก่ ตุ่มนูน ปื้น หรือด่างดวง บางรายอาจจะมีหลายลักษณะผสมกัน แต่ถ้ารักษาไม่ทันอาจถึงแก่ชีวิตได้
-------------------------------------------
โรคลิชมาเนีย ใครคือกลุ่มเสี่ยง
-------------------------------------------
ผู้ที่อยู่ในกลุ่มเสี่ยงของโรคลิชมาเนีย ได้แก่
- กลุ่มคนที่ต้องเดินทางไปทำงานในประเทศแถบที่มีการระบาดของโรคลิชมาเนีย
- คนที่มีอาชีพทำสวนยางพารา สวนผลไม้ หรือต้องเข้าป่าเพื่อล่าสัตว์ หาของป่า เป็นต้น
- ผู้ที่มีที่พักอาศัยอยู่ใกล้ป่า หรือในป่าภาคใต้และภาคเหนือ
- คนเลี้ยงสัตว์ เช่น สุนัข แมว วัว ควาย เพราะริ้นฝอยทรายอาจจะนำเชื้อจากสัตว์เหล่านั้นมาสู่คนที่อาศัยอยู่บ้านใกล้เรือนเคียงได้
- ผู้ที่มีภูมิคุ้มกันบกพร่อง หรือผู้ที่ป่วยด้วยโรคเอดส์ ก็มีโอกาสจะติดโรคลิชมาเนียได้ง่ายกว่าคนปกติทั่วไป
-------------------------------------------
โรคลิชมาเนีย หายเองได้ไหม
-------------------------------------------

แต่ในกรณีที่เชื้อกระจายเข้าสู่เยื่อเมือกหรืออวัยวะภายใน อาการนี้จะไม่สามารถหายเองได้ จำเป็นต้องได้รับการรักษาอย่างจริงจัง เพื่อไม่ให้เชื้อแพร่กระจายจนทำให้การทำงานของอวัยวะภายในล้มเหลว
-------------------------------------------
โรคลิชมาเนีย การรักษาเป็นอย่างไร
-------------------------------------------
การรักษาโรคลิชมาเนียแบ่งออกเป็น 3 วิธี ได้แก่
1. การรักษาด้วยการใช้ยาทาภายนอก
2. การรับประทานยา
3. การรักษาด้วยการฉีดยา ซึ่งจะใช้รักษาในกลุ่มผู้ป่วยที่มีอาการรุนแรง และต้องอยู่ภายในการดูแลของแพทย์อย่างใกล้ชิด
สำหรับยาที่ใช้ในการรักษา ได้แก่ เพนทาวาเลนซ์ แอนติโมเนียล (Pentavalent Antimonials), เพนทามิดีน (Pentamidine), พาโรโมมัยซินซัลเฟต (Paromomycin Sulfate), มิลเตโฟซีน (Miltefosine), คีโตโคนาโซล (Ketoconazole) โดยยาเหล่านี้ที่ใช้ในการรักษามีผลข้างเคียงที่รุนแรง จึงจำเป็นต้องได้รับการดูแลอย่างใกล้ชิดจากแพทย์ในขณะที่ใช้ยา
-------------------------------------------
โรคลิชมาเนีย ป้องกันอย่างไร
-------------------------------------------

1. กำจัดต้นตอแหล่งกำเนิดพาหะอย่างริ้นฝอยทราย ด้วยการปรับปรุงสภาพแวดล้อมภายในบ้านและในชุมชนให้สะอาด เป็นระเบียบมากขึ้น เพื่อไม่ให้ริ้นฝอยทรายมีแหล่งในการเพาะพันธุ์ รวมถึงฉีดพ่นยาฆ่าแมลงในบริเวณที่พบริ้นฝอยทราย
2. หลีกเลี่ยงการนำสัตว์เลี้ยงลูกด้วยนมไว้ใกล้ตัวบ้าน แต่ถ้าหากจำเป็นต้องเลี้ยงใกล้บ้านจริง ๆ ควรให้สัตว์อยู่ในมุ้งที่ชุบสารเคมีป้องกันริ้นฝอยทราย หรือนำปลอกคอชุบสารเคมีชนิดเดียวกันแล้วนำไปใส่ให้สัตว์เลี้ยง ก็สามารถช่วยป้องกันสัตว์ถูกริ้นฝอยทรายกัดได้เช่นกัน
3. แต่งตัวให้มิดชิดและรัดกุม เช่น สวมเสื้อแขนยาว กางเกงขายาว ในขณะที่ต้องเข้าไปในพื้นที่ที่มีริ้นฝอยทรายอาศัยอยู่ และควรทายากันยุงในบริเวณผิวหนังที่อยู่นอกร่มผ้าเพื่อป้องกันริ้นฝอยทรายกัด
4. เวลานอนควรกางมุ้งที่ชุบสารเคมีป้องกันแมลง ซึ่งจะช่วยป้องกันยุงและตัวริ้นฝอยทรายได้
5. ในกลุ่มคนที่เดินทางกลับจากประเทศที่มีการระบาดของโรคลิชมาเนีย หากพบว่าโดนริ้นฝอยทรายกัดควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจวินิจฉัย และป้องกันไม่ให้เชื้อดังกล่าวแพร่กระจายไปยังผู้อื่นต่อไป
แม้อาจจะดูเหมือนเป็นเรื่องไกลตัว แต่ที่จริงแล้วเจ้าโรคลิชมาเนียไม่ได้ไกลตัวเราอย่างที่คิดนะคะ เพราะฉะนั้นอย่าเพิ่งประมาท อย่างน้อยหาทางป้องกันเอาไว้ก่อนจะดีที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อ-โรคที่เกิดจากปรสิต
- โรคที่เกิดจากปรสิตมีอะไรบ้าง ชวนรู้จักสิ่งมีชีวิตตัวร้ายที่ก่อโรคได้หลายระบบ
- ตัวโลนคืออะไร คันตา คันที่ลับจนทนไม่ไหว ต้องตรวจดูแล้วล่ะ !
- วิธีกำจัดเหาให้สิ้นซาก จบปัญหากวนใจบนผิวหนัง
- ไข้มาลาเรีย หรือไข้ป่า โรคติดต่ออันตราย ป่วยได้เพราะยุง !
- รู้เรื่องพยาธิ อาการแบบไหนต้องสงสัยว่ามีพยาธิ ใช้ยาถ่ายพยาธิดีไหม ?
- ตัวโลนคืออะไร คันตา คันที่ลับจนทนไม่ไหว ต้องตรวจดูแล้วล่ะ !
- วิธีกำจัดเหาให้สิ้นซาก จบปัญหากวนใจบนผิวหนัง
- ไข้มาลาเรีย หรือไข้ป่า โรคติดต่ออันตราย ป่วยได้เพราะยุง !
- รู้เรื่องพยาธิ อาการแบบไหนต้องสงสัยว่ามีพยาธิ ใช้ยาถ่ายพยาธิดีไหม ?
ขอบคุณภาพจาก : คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล
ขอบคุณข้อมูลจาก : คณะวิทยาศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, กรมควบคุมโรค, สถาบันสุขภาพสัตว์แห่งชาติ