ปอดบวม ภัยเงียบจากกระแสน้ำ (E-Magazine)
ความแรงของกระแสน้ำยังคงไม่มีท่าทีที่จะหยุดลงง่าย ซึ่งนอกจากสายนทีจะสร้างความเสียหายให้กับสิ่งของเครื่องใช้แล้ว ยังมีอีกสิ่งหนึ่งที่อาจเกิดปัญหาตามมาด้วยเช่นกัน ซึ่งนั้นก็คือ โรคร้ายต่าง ๆ ที่จะมาบั่นทอนสุขภาพของผู้ประสบภัย
สำหรับโรคที่เราจะนำมาแชร์กันในวันนี้ เป็นเรื่องของโรคปอดบวม ที่หากผู้ประสบภัยน้ำท่วมต้องสำลักน้ำ หรือสิ่งสกปรกต่าง ๆ เข้าไปในปอด ก็มีโอกาสจะเป็นโรคได้
โรคปอดบวม?
โรคปอดบวมหมายถึง ภาวะปอดที่เกิดการอักเสบ ซึ่งอาจเป็นเชื้อแบคทีเรีย เชื้อไวรัส โดยในสภาวะที่ผิดปกติ อาจจะเกิดจาก เชื้อราและพยาธิ เมื่อเป็นปอดบวมอาจมีหนองและสารน้ำอย่างอื่นในถุงลม ทำให้ร่างกายไม่สามารถรับออกซิเจน และส่งผลให้ทำใหขาดอากาศอาจถึงแก่ชีวิตได้
สาเหตุของโรค
สำหรับสาเหตุหรือที่มาของโรคปอดบวมมีมากมายหลายอย่าง แต่สามารถแบ่งได้ดังนี้
Bacteria
Viruses
Mycoplasma
เชื้อชนิดอื่น เช่น เชื้อรา
สารเคมี
ทั้งนี้ เชื้อที่เป็นสาเหตุของโรคมักจะอยู่ในน้ำลายและเสมหะของผู้ป่วย ซึ่งสามารถแพร่กระจายออกมาเวลาไอหรือจาม นอกจากนี้ ยังเกิดจากการดมสาร เคมี เช่น แอมโมเนีย ไนโตรเจนไดออกไซด์ หรือการสำลักน้ำลาย เศษอาหาร และน้ำย่อย
ปอดบวมติดต่อได้
โรคปอดบวมสามารถติดต่อได้ ถ้าได้รับเชื้อจากการไอหรือจามของผู้ป่วย บางรายอาจได้จากการกินน้ำแก้วเดียวกัน หรือใช้ผ้าเช็ดหน้าร่วมกัน หลังจากได้รับเชื้ออาจจะเกิดอาการใน 1-3 วัน อาการของโรคปอดบวม
ผู้ป่วยบางรายอาจจะมีอาการน้ำมูกไหล จาม คัดจมูกนำมาก่อน
บางรายอาจจะเริ่มด้วยไข้สูง หนาวสั่น
หายใจหอบเหนื่อย
อาจจะมีอาการเจ็บหน้าอกตำแหน่งที่เจ็บมักตรงกับบริเวณที่อักเสบ
อาการไอ ในระยะแรกมีลักษณะไอแห้ง ๆ แต่ระยะต่อมาจะมีจำนวนเสมหะเพิ่มมากขึ้น เสมหะเหนียว
สำหรับการรักษา ในเด็กส่วนใหญ่เกิดจากเชื้อไวรัสอาจจะไม่จำเป็นต้องนอนโรงพยาบาล ต้องกระตุ้นให้เด็กดื่มน้ำมาก ๆ วัดไข้วันละ 2 ครั้ง รับประทานยาตามแพทย์สั่งโดยเคร่งครัด ห้ามซื้อยาแก้ไอรับประทานเอง ให้คอยตรวจดูสีริมฝีปาก และเล็บว่ายังคงสีชมพูอยู่หรือไม่ หากมีสีคล้ำควรรีบพบแพทย์ หากเป็นเชื้อแบคทีเรีย หรืออาการเป็นมาก เช่น ไข้สูงมาก หอบมาก ไอมาก แพทย์จะให้นอนโรงพยาบาล และตรวจเลือดเพื่อให้การรักษาในขั้นต่อ ๆ ไป
อย่างไรก็ตาม แม้ว่าโรคปอดบวมอาจไม่น่ากลัวมากนัก แต่ก็สามารถเกิดโรคแทรกซ้อนที่สำคัญได้ ดังนี้
น้ำในช่องเยื่อหุ้มปอด เกิดจากการอักเสบของเนื้อปอดลามออกมาถึงเยื่อหุ้มปอด จำนวนน้ำมีได้ตั้งแต่เล็ก น้อยจนถึงขนาดมาก ถ้ามีไม่มากก็อาจหายเองได้ ในรายที่มีจำนวนมากจนทำให้เกิดอาการหอบจะต้อง ทำการรักษาโดยการเจาะดูดเอาน้ำออก
หนองในช่องเยื่อหุ้มปอด ภาพถ่ายรังสีเหมือนกับน้ำในช่องหุ้มปอดแต่จะมีไข้สูงและหอบเหนื่อย
ปอดแตกและมีลมในช่องปอด มักเกิดจากการติดเชื้อที่รุนแรง ผู้ป่วยจะแน่นหน้าอกและหายใจหอบเหนื่อย
เยื่อหุ้มหัวใจอักเสบ เยื่อหุ้มสมองอักเสบ
หัวใจวาย มักพบในรายที่มีโรคหัวใจอยู่ก่อน
การป้องกัน
ใช้วัคซีนสามารถป้องกันปอดบวมได้บางเชื้อ เช่น H.influenza, Pertussisไอกรน, ปอดบวม Pneumococcal
ให้หลีกเลี่ยงจากคนที่เป็นปอดบวม
หากมีสมาชิกในครอบครัวเป็นหอบหืดให้แยกถ้วย และชาม สมาชิกในครอบครัวให้ล้างมือบ่อย ๆ
โรคปอดบวมเป็นโรคที่พบได้ทั่วไป เกิดได้กับคนทุกวัย และเป็นสาเหตุลำดับต้น ๆ ของการเสียชีวิตในผู้สูงอายุ ผู้ป่วยเรื้อรัง และผู้ป่วยระยะสุดท้าย ปัจจุบันมีวัคซีนสำหรับป้องกันโรคปอดบวมแล้ว อย่างไรก็ตาม การพยากรณ์โรคว่า ผู้ป่วยมีโอกาสหายดีหรือไม่อย่างไรนั้น ขึ้นอยู่กับชนิดของโรคปอดบวม
ดังนั้น การรักษาที่เหมาะสม ภาวะแทรกซ้อน และสุขภาพพื้นฐานของตัวผู้ป่วยเองก็เป็นสิ่งที่ไม่ควรมองข้าม การดูแลร่างกายให้แข็งแรงด้วยการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ หรือออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และหลีกเลี่ยงการเล่นน้ำที่สกปรกจะช่วยให้คุณรอดพ้นจากโรคปอดบวมที่อาจมาพร้อมกับช่วงน้ำท่วมได้อย่างสบาย ๆ
เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
ลิขสิทธิ์บทความของ e-magazine.info
ติดตามบทความ สุขภาพ หรืออ่าน แมกกาซีน