โรคไบโพลาร์ Bipolar คนอารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย

         โรคไบโพลาร์ (Bipolar) เป็นโรคทางอารมณ์ ทำให้ผู้ป่วยเป็นคนอารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย ลองไปทำความรู้จักกับ โรคไบโพลาร์ อารมณ์แปรปรวนกันให้ชัด ๆ

โรคไบโพลาร์

          สำหรับโรคไบโพลาร์ (Bipolar) เป็นโรคที่จัดอยู่ในกลุ่มโรคทางด้านอารมณ์ กลุ่มเดียวกับโรคซึมเศร้า แต่โรคซึมเศร้านั้นคือโรคอารมณ์ที่ชัดเจน ที่มีอารมณ์เบื่อ เศร้า แต่โรคไบโพลาร์จะมีลักษณะที่มีอารมณ์ช่วงหนึ่งมีลักษณะครื้นเครง รื่นเริง สนุกสนาน สลับกับอารมณ์ซึมเศร้าอีกช่วงหนึ่ง

          โรคไบโพลาร์นี้มีหลายชื่อ เช่น โรคอารมณ์แปรปรวน, Manic-depressive disorder, Bipolar affective disorder, Bipolar disorder ในปัจจุบันชื่อเป็นทางการคือ โรคไบโพลาร์ (Bipolar disorder) ลักษณะสำคัญของโรคนี้คือ อาการผิดปกติของอารมณ์ที่เกิดขึ้นอาจเป็นแบบซึมเศร้า (Depression) หรือตรงข้ามกับซึมเศร้า คืออารมณ์ดีผิดปกติ (Mania) ก็ได้

สาเหตุของโรคไบโพลาร์

          ถ้าถามว่าคนกลุ่มไหนเป็นโรคไบโพลาร์มากกว่ากัน จากสถิติจะพบว่า ผู้ป่วยโรคนี้มักเริ่มเป็นก่อนวัยกลางคน บางรายเริ่มเป็นตั้งแต่อายุยังไม่ถึง 20 ปี ช่วงวัยรุ่น แต่อาการไม่ปรากฏชัด ทำให้คนไม่สังเกต แต่ก็มีบางรายที่มาเริ่มเป็นหลังอายุ 40 ปีได้

          ส่วนสาเหตุนั้นเชื่อว่า
เกิดจากการทำงานที่ผิดปกติของสมอง โดยมีสารสื่อนำประสาทที่ไม่สมดุลคือ มีสารเซโรโทนิน (Serotonin) น้อยเกินไป และสารนอร์เอพิเนฟริน (Epinephrine) มากเกินไป นอกจากนี้ยังเกี่ยวข้องกับปัจจัยทางพันธุกรรมค่อนข้างมาก หากแพทย์ลองซักผู้ป่วยดี ๆ จะพบว่าผู้ป่วยมีญาติบางคนป่วยเป็นโรคนี้ด้วย ทำให้อาจบอกได้ว่าลูกหลานของผู้ป่วยโรคไบโพลาร์มีโอกาสที่จะป่วยเป็นโรคนี้ได้มากกว่าคนทั่วไป

ไบโพลาร์

อาการของโรคไบโพลาร์

          คนที่มีอาการไบโพลาร์นั้นจะอารมณ์ดีในลักษณะที่ผิดปกติ เรียกว่า Mania หมายถึงอารมณ์ดีมากเกินกว่าปกติที่ควรจะเป็น และมักจะไม่มีเหตุผลหรือไม่สมเหตุสมผล ช่วงที่อารมณ์ดีจะช่างพูดช่างคุย คุยได้ไม่หยุด และไม่ชอบให้ใครมาขัดจะเกิดอารมณ์หงุดหงิด บางคนอารมณ์ดีจนกระทั่งตัดสินใจในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง

          แต่ถ้าอารมณ์ร้ายขึ้นมาเมื่อไรก็ถึงขั้นใช้อารมณ์ก้าวร้าวได้ เรียกว่าเปลี่ยนไปเป็นคนละคน
ซึ่งอาจทำให้มีปัญหากระทบกระเทือนต่อหน้าที่การงาน และการใช้ชีวิตประจำวันได้เลย ผู้ป่วยบางคนจะมีปัญหาไม่ยอมหลับยอมนอนตอนกลางคืน อยากเที่ยวกลางคืน ใช้จ่ายเงินมาก มีอารมณ์ทางเพศมากขึ้น สำส่อนทางเพศ

          ถ้าอาการนี้เริ่มเป็นมาตั้งแต่ช่วงวัยรุ่น อาจทำให้ผู้ป่วยไม่มีสมาธิในการเรียน ผลการเรียนตกลง มีปัญหาทางพฤติกรรม ทะเลาะกับเพื่อนฝูง ครูอาจารย์ รู้สึกอยากไปเที่ยวกลางคืน ออกไปเตร็ดเตร่ ซึ่งถ้าพ่อแม่ไม่ได้ดูแลเอาใจใส่ลูกอย่างใกล้ชิดก็จะไม่รู้สึกถึงความผิดปกติเลย

          อย่างไรก็ตาม อาการของโรคไบโพลาร์ไม่จำเป็นต้องสลับกับช่วงซึมเศร้า บางคนเป็นโรคนี้อยู่ช่วงหนึ่ง อาจจะประมาณ 4-6 เดือน ก็สามารถกลับคืนเป็นปกติได้เองโดยไม่ต้องรักษา ทำให้คนรอบข้างไม่รู้สึกว่าเป็นปัญหาถ้าไม่สังเกตอย่างใกล้ชิด เมื่อเป็นปกติแล้วเขาจะดำเนินชีวิตได้ปกติ พอถึงช่วงหนึ่งจะรื่นเริงอีก หรืออาจจะสลับไปขั้วตรงข้าม เป็นแบบซึมเศร้า อาการก็จะเริ่มตั้งแต่แยกตัว เบื่อหน่าย ไม่อยากทำอะไร กินไม่ได้ นอนไม่หลับ เบื่อ ๆ เข้าก็รู้สึกว่าตัวเองไม่มีค่า ที่สำคัญที่สุดคือการฆ่าตัวตาย   

        โรคนี้ช่วงซึมเศร้าจะเหมือนกับโรคซึมเศร้า อัตราการฆ่าตัวตายคือ 15-20% เพราะฉะนั้นเท่ากับว่าผู้ป่วย 1 ใน 5 มีโอกาสที่จะเกิดปัญหาเบื่อ เศร้า และฆ่าตัวตาย แต่ช่วงที่รื่นเริงมาก ๆ ก็จะมีประเด็นการฆ่าตัวตายได้ด้วยเช่นกัน ไม่ใช่เฉพาะแค่ตอนซึมเศร้า


ไบโพล่าร์

แนวทางในการรักษาโรคไบโพลาร์

          โรคไบโพลาร์สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยา ได้แก่ ยาในกลุ่มยาควบคุมอารมณ์ (Mood Stabilizers), ยาแก้โรคจิต (Antipsychotics) และยาแก้โรคซึมเศร้า (Antidepressants) ดังนี้

          1. ใช้ยาไปช่วยในการปรับสารสื่อนำประสาทตรงให้กลับมาทำงานได้อย่างปกติ เรียกชื่อกลุ่มยานี้ว่า กลุ่มปรับอารมณ์ให้คงที่ (Mood Stabilizer) ซึ่งจะมียาเฉพาะไม่กี่ตัวที่จะใช้ในการรักษาที่จะช่วยอาการนี้ได้

          ช่วงระยะการรักษาช่วงแรกจะเป็นการคุมอาการให้กลับมาเป็นปกติที่สุดภายใน 1 สัปดาห์ก่อน หรืออย่างช้า 1 เดือน หลังจากนั้นจะเป็นการรักษาต่อเนื่อง อาจต้องใช้ยาคุมอาการ ระยะเวลาการรักษาขึ้นอยู่กับอาการคนไข้เป็นสำคัญ ในคนไข้บางราย 1 ปี อาจมาพบหมอแค่ 2-4 ครั้งเท่านั้น ไม่ต้องอยู่โรงพยาบาลตลอด


          2. ยาหลักที่นิยมใช้รักษาและได้ผลดี คือ Lithium ควบคุมอาการ Mania ได้ดีมาก แต่ผู้ป่วยอาจต้องใช้ยาเป็นระยะเวลานาน เนื่องจากโรคนี้อาจเป็น ๆ หาย ๆ ได้ ตัวยายังสามารถป้องกันได้ทั้งอาการ Mania และอาการซึมเศร้า ยาอื่น ๆ ที่ได้ผลดี ได้แก่ Valproate, Carbamazepine, Lamotrigine, Gabapentin และ Topiramate

          3. สำหรับอาการซึมเศร้า ตอบสนองดีต่อยา Clozapine, Olanzapine, Risperidone, Quetiapine และ Ziprasidone

          อย่างไรก็ตาม สิ่งสำคัญที่สุดคือคนรอบข้างต้องเข้าใจในผู้ป่วยที่เป็นภาวะเช่นนี้ด้วย ตัวผู้ป่วยเองก็ต้องดำเนินชีวิตในทางสายกลาง ควบคุมเวลานอนหลับให้เพียงพอ อย่างน้อยก็วันละ 6-8 ชั่วโมง พยายามหาวิธีแก้ปัญหาและลดความเครียด และอย่าใช้ยากระตุ้นหรือสารมึนเมา เช่น เหล้า หรือเครื่องดื่มที่มีคาเฟอีนสูง

          ถ้ามีผู้ป่วยในครอบครัว คนรอบตัว ต้องเข้าใจและช่วยกันป้องกันผู้ป่วยในช่วงก่อนโรคกำเริบรุนแรง เพราะว่ามีโอกาสกลับไปเป็นซ้ำอีก ช่วงอายุที่มีโอกาสเป็นโรคอารมณ์แปรปรวนมากที่สุด คือ 15-25 ปี กลุ่มนี้จะเริ่มต้นด้วยอาการขยันผิดปกติ หรือที่เรียกว่า "ไฮเปอร์แอ็คทีฟ" ต่อมาบางช่วงของการเจ็บป่วยก็จะเปลี่ยนเป็นซึมเศร้า เป็นมาก ๆ อาจถึงขั้นฆ่าตัวตาย

          สรุปแล้วโรคนี้รักษาได้ หากคนรอบตัวมีอาการผิดปกติทางอารมณ์อย่างที่บอกมา ควรพาไปพบแพทย์เพื่อให้วินิจฉัย เพื่อจะได้รีบรักษาให้ผู้ป่วยสามารถดำเนินชีวิตได้อย่างปกติเหมือนคนทั่วไป จะช่วยลดความสูญเสียทางด้านหน้าที่การงานและเงินทอง เวลาผู้ป่วยมีอาการ ซึ่งอาจก่อให้เกิดความรุนแรง เป็นปัญหาสังคมได้ 


บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคไบโพลาร์ และโรคซึมเศร้า



ขอบคุณข้อมูลจาก
- นพ.วรวุฒิ เจริญศิริ, ศูนย์ข้อมูลสุขภาพกรุงเทพ



เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โรคไบโพลาร์ Bipolar คนอารมณ์สองขั้ว เดี๋ยวดี เดี๋ยวร้าย อัปเดตล่าสุด 25 มีนาคม 2565 เวลา 00:20:01 356,920 อ่าน
TOP
x close