x close

รับมือลมแดด...เพลียแดด


แสงเเดด

รับมือลมแดด...เพลียแดด (ธรรมลีลา)

          ความเจ็บป่วยชนิดหนึ่งที่มากับอากาศร้อนที่หลาย ๆ คนมองข้าม ได้แก่ ภาวะลมแดด เพลียแดด ทั้งที่มันอันตรายเป็นอย่างมากและเป็นสิ่งที่ป้องกันได้

          ภาวะนี้เกิดขึ้น เมื่อร่างกายไม่สามารถควบคุมอุณหภูมิได้ เนื่องจากความร้อนที่มากเกินไป และเกิดการสูญเสียเหงื่อและสารน้ำไปอย่างมาก เมื่อพูดถึงโรคนี้ บางท่านอาจคิดว่า น่าจะเกิดในทหารหรือนักกีฬาที่ออกกำลังกลางแจ้งเท่านั้น แต่จริง ๆ แล้วยังเกิดในเด็กเล็ก และผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อยอีกด้วย

          นอกจากนั้น นักท่องเที่ยวที่มาจากประเทศเมืองหนาวที่ไม่คุ้นเคยกับอากาศร้อนอย่างบ้านเรา เมื่อมาถึงใหม่ ๆ แล้วออกกำลังกายกลางแจ้งหักโหมหรือออกแดดนาน ๆ อาจเกิดอาการเหล่านี้ได้ เนื่องจากร่างกายยังปรับตัวกับอากาศร้อนได้ไม่ดีพอ

          โดยปกติแล้วร่างกายคนเรามีอุณหภูมิประมาณ 36-37 องศาเซลเซียส ถ้าอากาศร้อยมาจนร่างกายมีอุณหภูมิสูงขึ้น แต่ไม่ถึง 40 องศาเซลเซียส อาจเกิดอาการเพลียแดดได้ และถ้าสูงเกิน 40 องศาเซลเซียส ร่วมกับเริ่มมีอาการทางสมอง เช่น ซึม สับสน ชักเกร็ง หรือหมดสติ เรียกว่าโรคลมแดด

อาการ

          อาการที่บ่งบอกว่าเป็นอาการเพลียแดดได้แก่ ปวดศรีษะ มึนศรีษะ คลื่นไส้ อาเจียน อ่อนเพลีย ไม่มีแรง มีตะคิวและมีไข้แต่ต่ำกว่า 40 องศาเซลเซียส อาการเพลียแดด เป็นสัญญาณเตือนว่า ต้องรีบแก้ไขก่อนที่เกิดลมแดดซึ่งมีอันตรายถึงแก่ชีวิตได้

          อาการลมแดดมีความรุนแรงกว่าเพลียแดด และต้องได้รับการแก้ไขอย่างฉุกเฉิน ผู้ป่วยจะมีอาการเหมือนเพลียแดดแต่มีตัวแดง ร้อนจัด (เกิน 40 องศาเซลเซียส) ผิวแห้งไม่มีเหงื่อ หอบหายใจเร็ว หัวใจเต้นเร็ว มีอาการทางสมองเช่น เห็นภาพหลอน สับสน หงุดหงิด ชักหรือหมดสติ ภาวะนี้สามารถทำให้เกิดตับและไตวาย กล้ามเนื้อสลายตัว หัวใจเต้นเร็วผิดจังหวะ น้ำท่วมปอด เกิดลิ่มเลือดอุดตันในกระแสเลือด และช็อกได้

ปัจจัยเสี่ยง

          ภาวะนี้เกิดได้กับทุกคนที่ถูกแดดจัด หรืออยู่ในที่ที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน แต่ผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ได้ง่ายขึ้นได้แก่ เด็กเล็ก ผู้สูงอายุ คนที่โรคประจำตัวบางอย่าง เช่น โรคหัวใจ โรคปอด โรคทางสมอง ผู้ที่เคลื่อนไหวร่างกายได้ไม่ดีช่วยเหลือตัวเองได้น้อย ผู้ที่ติดเหล้า นักกีฬา คนงาน เกษตรกร หรือทหารที่ต้องออกกำลังอยู่กลางแจ้งเป็นเวลานาน

          นอกจากนั้น ผู้ที่ได้รับยาบางชนิดอาจทำให้เกิดภาวะนี้ได้ง่ายขึ้น ถ้าอยู่ในที่ร้อน ๆ นาน ๆ เช่น ยาขับปัสสาวะ ยาระบาย ยากันชัก ยาทางจิตเวชบางชนิด ยาลดน้ำมูก แก้หวัด ยาลดความดัน และยาโรคหัวใจบางชนิด ยาไทรอยด์ เป็นต้น

การดูแลแก้ไข

          หากพบผู้ที่น่าสงสัยว่ามีภาวะลมแดดดังข้างต้น ต้องรีบนำส่งโรงพยาบาล และในระหว่างนั้นควรดูและผู้ป่วยโดย

          1.  รีบน้ำผู้ป่วยออกจากบริเวณที่อากาศร้อน นำเข้าไปที่ร่ม หรือห้องแอร์ ถ้าไม่มีแอร์ให้เปิดพัดลมและหน้าต่างให้อากาศถ่ายเท 

          2.  ถ้าผู้ป่วยยังไม่หมดสติ ให้ผู้ป่วยดื่มน้ำเย็น แต่ไม่ต้องให้ยาลดไข้แอสไพรินหรือพาราเซตามอล

          3.  พ่นละอองน้ำบนตัวผู้ป่วย และใช้พัดหรือพัดลมเป่า หรืออาจใช้ผ้าชุบน้ำเย็นเช็ดตัวผู้ป่วย

          4.  ถ้าผู้ป่วยชักเกร็ง ให้เอาสิ่งกีดขวางรอบตัวผู้ป่วยที่อาจทำให้ผู้ป่วยเกิดอันตรายได้ออก

          5.  ถ้าผู้ป่วยหมดสติและอาเจียนให้จับศรีษะผู้ป่วยหันไปด้านข้าง เพื่อลดโอกาสการสำลัก

การป้องกัน

          1.  หลีกเลี่ยงการออกกำลังกายอย่างหนัก ติดต่อกันเป็นเวลานานในช่วงที่อากาศร้อนจัด ถ้าจะออกกำลังกลางแจ้ง เลือกทำในช่วงเช้าหรือเย็น

          2.  ในช่วงที่อากาศร้อน ส่วมใส่เสื้อผ้าที่โปร่ง ไม่หนา ระบายอากาศดี สีอ่อน สวมหมวกหรือถือร่วมกันแดด ใช้ครีมกันแดด ที่มีค่า SPF สูงกว่า 15

          3.  ดื่มน้ำให้เพียงพอ หลีกเลี่ยงการดื่มแอลกอฮอล์ ชา กาแฟ ก่อนออกกำลังกาย

          4.  ถ้าเป็นนักท่องเที่ยวที่ไม่คุ้นกับอากาศร้อน อย่าเพิ่งออกกำลังกายหักโหมในที่ร้อน เมื่อไปประเทศเมืองร้อน ให้ร่างกายมีการปรับตัวอย่างน้อย 1-2 สัปดาห์

          5.  ผู้ที่มีโรคหรือรับประทานยาที่มีความเสี่ยงต่อการเกิดภาวะนี้ สมควรหลีกเลี่ยงการอยู่ในที่ที่ร้อนจัดเป็นเวลานาน

          6.  ผู้ที่ดูแลผู้สูงอายุที่ช่วยเหลือตัวเองได้น้อย หรือเด็กเล็ก ควรระมัดระวังเรื่องอุณหภูมิอากาศ ไม่ให้ร้อนอบอ้าว และควรให้ได้รับสารน้ำอย่างเพียงพอ

            ภาวะนี้เป็นภาวะอันตรายแก่ชีวิตแต่สามารถป้องกันได้ ถ้าหากทุกคนมีความตระหนักและรู้วิธีการป้องกัน




ขอขอบคุณข้อมูลจาก





เรื่องที่คุณอาจสนใจ
รับมือลมแดด...เพลียแดด อัปเดตล่าสุด 14 ตุลาคม 2552 เวลา 10:51:16 3,449 อ่าน
TOP