ยาเลื่อนประจำเดือน ตัวช่วยยามฉุกเฉินสำหรับสาว ๆ ที่ไม่อยากให้ประจำเดือนมาตรงกับวันสำคัญ แต่ยาช่วยเลื่อนประจำเดือนที่ขายในร้านขายยาก็มีหลายชนิด แล้วจะมีหลักการเลือกใช้อย่างไรไม่ให้กระทบต่อสุขภาพ วันนี้สาว ๆ คลายสงสัยกันได้แล้ว เรามีคำตอบ
ยาเลื่อนประจําเดือนเป็นยาแบบไหน
ยาเลื่อนประจำเดือน มีกี่ชนิด
เวลาที่เราไปร้านขายยา ส่วนมากมักจะซื้อยาเลื่อนประจำเดือนตามที่เภสัชกรขายยาแนะนำ ทางที่ดีก็ควรรู้เอาไว้บ้างว่า ยาเลื่อนประจำเดือนที่คนส่วนใหญ่นิยมใช้กันนั้นมีกี่ชนิดกัน จากข้อมูลของคณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล บอกไว้ว่า ยาเลื่อนประจำเดือนที่นิยมใช้กันก็คือ Primolut-N หรือ พรีโมลุสเอ็น ที่มีตัวยาสำคัญ คือ นอร์เอทีสเตอโรน (Norethisterone) ขนาด 5 มิลลิกรัม โดยตัวยานี้มีฤทธิ์คล้ายฮอร์โมนโปรเจสเตอโรน คือมีผลให้เยื่อบุโพรงมดลูกไม่หลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน จนกว่าจะหยุดใช้ยา และยังช่วยบรรเทากลุ่มอาการก่อนมีประจำเดือน หรือ PMS ได้อีกด้วย เช่น ปวดศีรษะ หงุดหงิด ไม่สบายตัว เป็นต้น
และอีกหนึ่งวิธีที่มีผลให้รอบเดือนมาช้าลงด้วยนั่นคือ การใช้ยาเม็ดคุมกำเนิด แต่วิธีนี้ได้รับความนิยมน้อยกว่า เพราะกินแล้วมีผลข้างเคียงสูง อีกทั้งต้องกินติดต่อกันหลายวัน เหมาะกับผู้หญิงที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นปกติอยู่แล้วมากกว่า
วิธีกินยาเลื่อนประจําเดือน ปลอดภัยและได้ผลตามต้องการ
เมื่อไรก็ตามที่สาว ๆ ต้องการเลื่อนประจำเดือน สิ่งสำคัญอย่างแรกที่ต้องรู้เลยคือ ช่วงเวลาของรอบเดือนตัวเอง เพราะถ้าหากเราไม่ชัวร์ ผลของการกินยาก็จะคลาดเคลื่อนตามไปด้วย ในขณะเดียวกันถ้าเรารู้กำหนดของรอบเดือน เราก็จะประเมินได้ง่ายขึ้นว่าควรเริ่มกินเมื่อไร โดยมีข้อแนะนำการใช้ยา ดังนี้
* ควรกินยาเลื่อนประจำเดือนล่วงหน้าอย่างน้อย 3 วัน หรือ 1 สัปดาห์ ก่อนวันที่คาดว่าประจำเดือนจะมา
* ควรหลีกเลี่ยงการกินยาประเภทลดกรดในกระเพาะอาหาร เพราะจะมีผลทำให้การดูดซึมยาเลื่อนประจำเดือนลดลง ที่จะส่งผลต่อประสิทธิภาพในการเลื่อนรอบเดือน
* หากใช้ยาเลื่อนประจำเดือน Primolut-N ขนาด 5 มิลลิกรัม ควรกินก่อนกำหนดของรอบเดือนประมาณ 3 วัน เช่น หากรอบเดือนปกติมาทุกวันที่ 17 ควรเริ่มกินยาประมาณวันที่ 14 โดยกินหลังอาหารครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หรือตามน้ำหนักตัว และต้องกินต่อเนื่องกันทุกวัน จนกว่าเราต้องการให้ประจำเดือนมาได้แล้ว
- หากน้ำหนักตัวน้อยกว่า 60 กิโลกรัม รับประทาน 1 เม็ด วันละ 2 ครั้ง หลังอาหารเช้า เย็น
- หากน้ำหนักตัวมากกว่า 60 กิโลกรัม รับประทาน 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง หลังอาหารเช้า กลางวัน เย็น
* หากใช้ยาเลื่อนประจำเดือน Provera ขนาด 5-10 มิลลิกรัม ควรกินก่อนกำหนดของรอบเดือนประมาณ 5 วัน เช่น หากรอบเดือนปกติมาทุกวันที่ 17 ควรเริ่มกินยาประมาณวันที่ 12 โดยกินหลังอาหารครั้งละ 1 เม็ด วันละ 3 ครั้ง ติดต่อกันประมาณ 5-10 วัน เมื่อหยุดกินยาแล้วประจำเดือนจะมาภายใน 3-7 วัน
* หากใช้ยาคุมกำเนิดเพื่อเลื่อนประจำเดือนนั้นจะแบ่งออกเป็น 2 กรณี คือ
- กรณีที่ไม่ได้กินยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นปกติ ควรเริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดก่อนกำหนดรอบเดือน 10 วัน เช่น หากรอบเดือนปกติมาทุกวันที่ 17 ควรเริ่มกินยาประมาณวันที่ 7 โดยกินหลังอาหารครั้งละ 1 เม็ด วันละ 1 ครั้งติดต่อกัน เมื่อต้องการให้ประจำเดือนมาวันไหนก็หยุดกินยาล่วงหน้า 3 วัน
- กรณีที่กินยาเม็ดคุมกำเนิดเป็นปกติอยู่แล้ว แต่ไม่ต้องการให้มีประจำเดือนในช่วง 7 วันที่ไม่ได้กินยา หรือช่วงที่กินยาเม็ดแป้ง ก็ให้กินยาเม็ดที่เป็นฮอร์โมนต่อเนื่องไปได้เลย ไม่ต้องเว้นยา หรือไม่ต้องกินยาเม็ดแป้ง ซึ่งในระหว่างที่กินยาเม็ดที่เป็นฮอร์โมน ก็จะไม่มีประจำเดือน และหลังจากเลื่อนประจำเดือนแล้ว ให้เริ่มกินยาเม็ดคุมกำเนิดเม็ดแรกในวันที่มีประจำเดือนเลย
ยาเลื่อนประจําเดือน ผลข้างเคียงมีไหม ?
การกินยาเลื่อนประจำเดือนเป็นวิธีที่ปลอดภัยก็จริง แต่ก็ไม่แนะนำให้ใช้บ่อยครั้ง หรือใช้ติดต่อกันนานเกิน 10-14 วัน อาจได้รับผลข้างเคียงบางประการ ได้แก่
- คลื่นไส้ อาเจียน
- ปวดศีรษะ
- มีอาการซึมเศร้า
- ท้องอืด แน่นท้อง
- เจ็บคัดเต้านม
- ประจำเดือนมากะปริบกะปรอย
- รอบเดือนแปรปรวน มาไม่สม่ำเสมอ
- โอกาสตั้งครรภ์ยากขึ้น เพราะการกินยาเลื่อนประจำเดือนเพื่อการคุมกำเนิดเป็นเวลานาน ฤทธิ์ของตัวยานอร์เอทีสเตอโรน จะทำให้เกิดเมือกเหนียวข้นบริเวณช่องคลอด เมื่อต้องการตั้งครรภ์จริงจึงมีโอกาสต่ำมาก เพราะอสุจิเคลื่อนที่ไปผสมกับไข่ยากขึ้น อีกทั้งผนังมดลูกก็ไม่เหมาะสมแก่การฝังตัวของไข่ที่ผสมแล้ว
กินยาเลื่อนประจำเดือนตอนประจำเดือนมาแล้ว จะมีผลไหม
การกินยาเลื่อนประจำเดือนควรกินก่อนกำหนดรอบเดือนปกติ เพราะถ้ากินตอนประจำเดือนมาแล้วนั้น ตัวยาจะไม่มีผลใด ๆ เลย ทางที่ดี ควรนับวันล่วงหน้าแล้วกินยาดีกว่า
ยาเลื่อนประจำเดือน คุมกำเนิดได้ไหม
ยาเลื่อนประจำเดือนโดยทั่วไปอาจใช้เป็นยาคุมกำเนิดแบบธรรมดาได้ แต่ไม่แนะนำให้ใช้ในการคุมกำเนิดเป็นหลัก เพราะจะทำให้ประจำเดือนออกกะปริบกะปรอย รอบเดือนแปรปรวน ในกรณีที่สาว ๆ ต้องการมีเพศสัมพันธ์ในช่วงที่กินยาเลื่อนประจำเดือนนั้น จะทำให้โอกาสตั้งครรภ์มีน้อย แต่ทางที่ดีก็ไม่ควรชะล่าใจ ควรใช้ถุงยางอนามัยด้วย เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์และความสุ่มเสี่ยงต่อการตั้งครรภ์ที่อาจเกิดขึ้น
แล้วยาคุมกำเนิดใช้เลื่อนประจำเดือนได้ไหม
- กรณีที่ 1 กินยาคุมกำเนิดแบบแผงละ 21 เม็ดจนหมดแผง ให้เริ่มกินแผงต่อไปได้เลยไม่ต้องหยุดยาจะทำให้สามารถเลื่อนประจำเดือนได้
- กรณีที่ 2 กินยาคุมกำเนิดแบบแผงละ 28 เม็ด เมื่อกินยาคุมไปแล้ว 21 เม็ด ให้เริ่มกินยาคุมกำเนิดแผงใหม่เลย ไม่ต้องกิน 7 เม็ดที่เหลือในแผงเดิม เพราะยา 7 เม็ดที่เหลือไม่มีส่วนประกอบของฮอร์โมน เมื่อหยุดใช้ยาแล้ว ประจำเดือนจะมาตามปกติภายใน 2-3 วัน
ยาเลื่อนประจำเดือน ข้อยกเว้นที่ต้องรู้
ยาเลื่อนประจำเดือนชนิดนอร์เอทีสเตอโรนนั้น มีข้อยกเว้นกับผู้หญิงที่เข้าข่าย 7 กลุ่มอาการ ต่อไปนี้
- ผู้หญิงที่กำลังตั้งครรภ์ โดยเฉพาะคนที่มีอายุครรภ์ 1 เดือนครึ่งเป็นต้นไป การใช้ยาเลื่อนประจำเดือนขณะตั้งครรภ์ จะส่งผลให้โครโมโซมของทารกในครรภ์ผิดปกติ เนื่องจากฤทธิ์ยาจะไปขัดขวางพัฒนาการของอวัยวะเพศภายนอก และยังนำไปสู่ความพิการ หรือแท้งได้
- ผู้หญิงที่อยู่ในช่วงให้นมบุตร เนื่องจากยาสามารถปนออกมากับน้ำนมของแม่ จึงอาจทำให้เกิดอาการไม่พึงประสงค์ต่อลูกได้ และจะส่งผลโดยตรงต่อผู้ที่เป็นแม่ โดยมีอาการเจ็บคัดเต้านม เต้านมโตผิดปกติ
- มีประวัติ หรือมีความเสี่ยงเป็นโรคหลอดเลือดอุดตัน เนื่องจากการใช้ยาในกลุ่มคนเหล่านี้ จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดหลอดเลือดอุดตัน ตัวอย่างผู้ที่มีปัจจัยเสี่ยง ได้แก่ สูบบุหรี่ โรคอ้วน ความดันโลหิตสูง ไขมันในเลือดสูง เบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
- มีประวัติ หรือกำลังเป็นโรคตับขั้นรุนแรง เช่น ตับอักเสบ เนื่องจากยาถูกกำจัดที่ตับ หากตับทำงานไม่ดีอาจทำให้ยาสะสมในร่างกายได้
- มีประวัติ หรือกำลังเป็นมะเร็งเต้านม หรือมะเร็งที่อวัยวะเพศ ชนิดที่ไวต่อฮอร์โมน เนื่องจากตัวยาอาจส่งเสริมการโตของเนื้อร้ายเหล่านี้
- แพ้ตัวยานอร์เอสทีสเตอโรน เช่น กินแล้วมีผื่นขึ้น เป็นต้น
- มีประวัติเป็นโรคซึมเศร้า หรือกำลังเป็นโรคซึมเศร้า
หยุดกินยาเลื่อนประจำเดือน แต่ประจำเดือนยังไม่มา ควรทำอย่างไร
หากสาว ๆ หยุดใช้ยาเลื่อนประจำเดือนเกิน 1 สัปดาห์แล้ว แต่ประจำเดือนก็ยังไม่มาสักที สิ่งแรกที่ควรทำคือ เช็กเรื่องระยะเวลาการมีเพศสัมพันธ์ครั้งล่าสุดก่อนใช้ยาเลื่อนประจำเดือน ว่ามีการคุมกำเนิดใด ๆ หรือไม่ หากแน่ใจแล้วว่าไม่มีเพศสัมพันธ์ในช่วงก่อนหน้านั้น หรือมี แต่ไม่ได้ใช้ยาคุมกำเนิด ก็ควรไปปรึกษาแพทย์ เพื่อตรวจการตั้งครรภ์ และสาเหตุที่แน่ชัด รวมถึงขอคำปรึกษาแนวทางการรักษาที่เหมาะสม
อย่างไรก็ตาม รอบเดือนเป็นเรื่องปกติของผู้หญิงเรานะคะ ซึ่งการกินยาเลื่อนประจำเดือนก็เหมือนเป็นการขัดขวางกระบวนการธรรมชาติในร่างกายเรา ที่อาจทำให้เกิดผลกระทบต่อสุขภาพในด้านอื่น ๆ ตามมาด้วยเช่นกัน ทางที่ดีควรใช้ในยามจำเป็นจริง ๆ เท่านั้นดีที่สุดจ้า
บทความที่เกี่ยวข้องกับประจำเดือน
- ยาเลื่อนประจำเดือน กินตอนเมนส์มา หรือก่อนมา 1 วัน จะได้ผลไหม มีผลข้างเคียงหรือเปล่า
- ฝังยาคุม ประจำเดือนจะมาไหม มีผลยังไงกับรอบเดือนเราบ้าง
- เป็นประจำเดือน 2 ครั้งต่อเดือน ผิดปกติไหม ท้องหรือเปล่า !
- วิธีทำให้ประจำเดือนมาเร็ว เร่งให้มาไว ทำได้จริงหรือ
- ประจำเดือนมาน้อย เป็นเพราะสาเหตุนี้แหละ...
- ฝังยาคุม ประจำเดือนจะมาไหม มีผลยังไงกับรอบเดือนเราบ้าง
- เป็นประจำเดือน 2 ครั้งต่อเดือน ผิดปกติไหม ท้องหรือเปล่า !
- วิธีทำให้ประจำเดือนมาเร็ว เร่งให้มาไว ทำได้จริงหรือ
- ประจำเดือนมาน้อย เป็นเพราะสาเหตุนี้แหละ...