ติ่งเนื้อที่คอ ติ่งเนื้อที่หน้า หรือบนผิวหนังบริเวณอื่น ๆ อันตรายไหม มาเช็กว่าติ่งเนื้อแบบไหนควรต้องเอะใจ รีบไปตรวจกับแพทย์ก่อนที่โรคจะลุกลาม
แขกไม่ได้รับเชิญอย่างติ่งเนื้อที่โผล่ขึ้นตามร่างกายเรา ไม่ว่าจะเป็นติ่งเนื้อที่หน้า ติ่งเนื้อที่ใต้ตา ติ่งเนื้อที่คอ หรือแม้กระทั่งติ่งเนื้อที่ขาหนีบ ส่วนเกินของร่างกายที่เห็นได้ชัดแบบนี้จะใช่สัญญาณอันตรายไหม สัมพันธ์กับโรคร้ายอย่างมะเร็งหรือเปล่า เราลองมาเช็กกันว่า ติ่งเนื้อแบบไหนไม่ปกติ พร้อมวิธีกำจัดติ่งเนื้อให้หายไป
ติ่งเนื้อเกิดจากอะไร ลักษณะเป็นแบบไหน
ติ่งเนื้อ (Skin tags หรือ Acrochordon) คือ เนื้องอกขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยเส้นเลือด เนื้อเยื่อผิวหนัง ทั้งหนังกำพร้า หนังแท้ เนื้อเยื่อไขมัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน รวมไปถึงพังผืด มักพบในคนอายุ 30-50 ปี ส่วนสาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อคาดว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังตามอายุ โดยติ่งเนื้ออาจมีขนาดใหญ่และมีจำนวนเพิ่มตามอายุของคนเรา ทั้งนี้อาจพบติ่งเนื้อได้ในหญิงตั้งครรภ์ด้วย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การขยายของเซลล์ในชั้นผิวหนัง รวมไปถึงพันธุกรรม
ลักษณะของติ่งเนื้อจะเป็นตุ่มนิ่ม ๆ ที่ยื่นออกมาจากผิวหนัง มีสีเดียวกับผิวหนังหรืออาจเข้มกว่านิดหน่อย ขนาดของติ่งเนื้อพบตั้งแต่ไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดที่มากกว่า 10 มิลลิเมตร โดยติ่งเนื้อมักจะเกิดในบริเวณที่ผิวหนังเสียดสีกันบ่อย และตามรอยพับ รอยย่นต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ใต้หน้าอกของผู้หญิง รักแร้ คอ เปลือกตา นอกจากนี้ยังอาจเจอติ่งเนื้อที่ผิวหนังบริเวณที่เสียดสีกับเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับได้อีกด้วย
ติ่งเนื้อ (Skin tags หรือ Acrochordon) คือ เนื้องอกขนาดเล็กชนิดหนึ่งที่ประกอบไปด้วยเส้นเลือด เนื้อเยื่อผิวหนัง ทั้งหนังกำพร้า หนังแท้ เนื้อเยื่อไขมัน เนื้อเยื่อเกี่ยวพัน รวมไปถึงพังผืด มักพบในคนอายุ 30-50 ปี ส่วนสาเหตุของการเกิดติ่งเนื้อคาดว่าเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของผิวหนังตามอายุ โดยติ่งเนื้ออาจมีขนาดใหญ่และมีจำนวนเพิ่มตามอายุของคนเรา ทั้งนี้อาจพบติ่งเนื้อได้ในหญิงตั้งครรภ์ด้วย เนื่องจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมน การขยายของเซลล์ในชั้นผิวหนัง รวมไปถึงพันธุกรรม
ลักษณะของติ่งเนื้อจะเป็นตุ่มนิ่ม ๆ ที่ยื่นออกมาจากผิวหนัง มีสีเดียวกับผิวหนังหรืออาจเข้มกว่านิดหน่อย ขนาดของติ่งเนื้อพบตั้งแต่ไม่ถึง 1 มิลลิเมตร ไปจนถึงขนาดที่มากกว่า 10 มิลลิเมตร โดยติ่งเนื้อมักจะเกิดในบริเวณที่ผิวหนังเสียดสีกันบ่อย และตามรอยพับ รอยย่นต่าง ๆ ของร่างกาย เช่น ใต้หน้าอกของผู้หญิง รักแร้ คอ เปลือกตา นอกจากนี้ยังอาจเจอติ่งเนื้อที่ผิวหนังบริเวณที่เสียดสีกับเสื้อผ้าหรือเครื่องประดับได้อีกด้วย
ติ่งเนื้ออันตรายไหม จะใช่มะเร็งหรือเปล่า
ติ่งเนื้อเป็นเนื้องอกขนาดเล็กที่ไม่ก่อให้เกิดอาการเจ็บปวดใด ๆ และติ่งเนื้อส่วนใหญ่จะไม่เปลี่ยนเป็นมะเร็งร้าย เพียงแต่การมีติ่งเนื้ออาจจะทำให้ผิวดูไม่เรียบเนียน เป็นปัญหาด้านความสวยงามซะมากกว่า โดยเฉพาะหากมีติ่งเนื้อที่หน้า หรือที่ตา หรือในบางคนอาจรู้สึกระคายเคืองเมื่อติ่งเนื้อเสียดสีกับเสื้อผ้า จนก้านที่ยึดติ่งเนื้อถูกบิดและทำให้เจ็บได้
แต่ทั้งนี้หากมีอาการเจ็บติ่งเนื้อหรือพบติ่งเนื้อมีความผิดปกติไป ก็สัมพันธ์กับการเกิดโรคในร่างกายได้เหมือนกัน
แต่ทั้งนี้หากมีอาการเจ็บติ่งเนื้อหรือพบติ่งเนื้อมีความผิดปกติไป ก็สัมพันธ์กับการเกิดโรคในร่างกายได้เหมือนกัน
ติ่งเนื้อแบบไหนผิดปกติ
โดยปกติติ่งเนื้อบนผิวหนังจะไม่เจ็บ ไม่แสดงอาการอะไร ยกเว้นติ่งเนื้อที่มีลักษณะดังต่อไปนี้จะถือว่าเป็นความผิดปกติ
1. ติ่งเนื้อมีสีเข้มกว่าสีผิวไปมาก เช่น ผิวมีสีเหลืองนวล แต่ติ่งเนื้อมีสีดำ เป็นต้น
2. ติ่งเนื้อมีจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน
3. ติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่เกิน 5 มิลลิเมตร และมีขนาดใหญ่ขึ้นเร็วผิดปกติ
4. ติ่งเนื้อที่แกว่งไปมา ไม่มีก้านยึดกับผิวหนัง หรือมีเลือดออก รู้สึกคัน
5. ติ่งเนื้อมีลักษณะแข็ง เหมือนเป็นก้อนเนื้อนูนออกมา
หากพบติ่งเนื้อลักษณะผิดปกติดังกล่าว แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าใช่ติ่งเนื้อจริง ๆ ไหม หรือเป็นความผิดปกติของผิวหนังจากโรคอื่น เช่น หูด ไฝ ซึ่งมีโอกาสกลายเป็นเนื้อร้ายได้
1. ติ่งเนื้อมีสีเข้มกว่าสีผิวไปมาก เช่น ผิวมีสีเหลืองนวล แต่ติ่งเนื้อมีสีดำ เป็นต้น
2. ติ่งเนื้อมีจำนวนมากและเพิ่มขึ้นอย่างเฉียบพลัน
3. ติ่งเนื้อมีขนาดใหญ่เกิน 5 มิลลิเมตร และมีขนาดใหญ่ขึ้นเร็วผิดปกติ
4. ติ่งเนื้อที่แกว่งไปมา ไม่มีก้านยึดกับผิวหนัง หรือมีเลือดออก รู้สึกคัน
5. ติ่งเนื้อมีลักษณะแข็ง เหมือนเป็นก้อนเนื้อนูนออกมา
หากพบติ่งเนื้อลักษณะผิดปกติดังกล่าว แนะนำให้ไปพบแพทย์เพื่อวินิจฉัยว่าใช่ติ่งเนื้อจริง ๆ ไหม หรือเป็นความผิดปกติของผิวหนังจากโรคอื่น เช่น หูด ไฝ ซึ่งมีโอกาสกลายเป็นเนื้อร้ายได้
ติ่งเนื้อผิดปกติ พบได้บ่อยในโรค ดังนี้
1. โรคอ้วน
คนที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนมาก มักจะมีติ่งเนื้อจำนวนมากขึ้นตามลำคอ ข้อพับ หรือรักแร้
2. ภาวะไขมันในเลือดสูง
คนที่มีระดับไขมันในเลือดสูง อาจพบว่ามีติ่งเนื้อที่ผิวหนังอันเกิดจากภาวะไขมันสะสมได้
3. โรคเบาหวานชนิดที่ 2
ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมานานกว่า 10 ปี ร่วมกับมีอาการไตวาย อาจพบว่ามีตุ่มนูนแข็งสีเหลืองหรือสีน้ำตาลที่ผิวหนัง มีพลัคอยู่ตรงกลาง คันมาก หรืออาจพบตุ่มนูนสีแดง ไม่คัน ตามลำตัว แขน หรือขา ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายดื้ออินซูลิน
วิธีกำจัดติ่งเนื้อ
ติ่งเนื้อไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายกับสุขภาพหรือร่างกาย หากไม่ได้ห่วงเรื่องความสวยความงามจะปล่อยติ่งเนื้อไว้อย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าหากติ่งเนื้อบนผิวหนังทำให้รำคาญ ใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับได้ไม่สวย เราก็สามารถปรึกษาแพทย์ให้ช่วยกำจัดติ่งเนื้อ โดยแพทย์อาจใช้วิธีตัดติ่งเนื้อด้วยมีดหรือกรรไกรผ่าตัด หรือจี้ติ่งเนื้อด้วยไฟฟ้า หรือการใช้เลเซอร์กำจัดติ่งเนื้อ รวมไปถึงการกำจัดติ่งเนื้อด้วยการจี้ด้วยความเย็น หรือไนโตรเจนเหลว ซึ่งหลังกำจัดติ่งเนื้อจะเหลือเพียงแผลถลอกแดง ๆ ตื้น ๆ เท่านั้น และ 1 สัปดาห์ให้หลังผิวหนังจะกลับมาเป็นปกติ
กำจัดติ่งเนื้อด้วยตัวเองได้ไหม
1. โรคอ้วน
คนที่มีภาวะน้ำหนักเกินหรืออ้วนมาก มักจะมีติ่งเนื้อจำนวนมากขึ้นตามลำคอ ข้อพับ หรือรักแร้
2. ภาวะไขมันในเลือดสูง
คนที่มีระดับไขมันในเลือดสูง อาจพบว่ามีติ่งเนื้อที่ผิวหนังอันเกิดจากภาวะไขมันสะสมได้
3. โรคเบาหวานชนิดที่ 2
ผู้ป่วยเบาหวานที่เป็นมานานกว่า 10 ปี ร่วมกับมีอาการไตวาย อาจพบว่ามีตุ่มนูนแข็งสีเหลืองหรือสีน้ำตาลที่ผิวหนัง มีพลัคอยู่ตรงกลาง คันมาก หรืออาจพบตุ่มนูนสีแดง ไม่คัน ตามลำตัว แขน หรือขา ซึ่งเกิดจากการที่ร่างกายดื้ออินซูลิน
วิธีกำจัดติ่งเนื้อ
ติ่งเนื้อไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายกับสุขภาพหรือร่างกาย หากไม่ได้ห่วงเรื่องความสวยความงามจะปล่อยติ่งเนื้อไว้อย่างนั้นก็ได้ แต่ถ้าหากติ่งเนื้อบนผิวหนังทำให้รำคาญ ใส่เสื้อผ้าหรือเครื่องประดับได้ไม่สวย เราก็สามารถปรึกษาแพทย์ให้ช่วยกำจัดติ่งเนื้อ โดยแพทย์อาจใช้วิธีตัดติ่งเนื้อด้วยมีดหรือกรรไกรผ่าตัด หรือจี้ติ่งเนื้อด้วยไฟฟ้า หรือการใช้เลเซอร์กำจัดติ่งเนื้อ รวมไปถึงการกำจัดติ่งเนื้อด้วยการจี้ด้วยความเย็น หรือไนโตรเจนเหลว ซึ่งหลังกำจัดติ่งเนื้อจะเหลือเพียงแผลถลอกแดง ๆ ตื้น ๆ เท่านั้น และ 1 สัปดาห์ให้หลังผิวหนังจะกลับมาเป็นปกติ
กำจัดติ่งเนื้อด้วยตัวเองได้ไหม
หลายคนคิดจะใช้ของใกล้ตัว อย่างขิง กระเทียม ปูนแดง น้ำมะนาว มากำจัดติ่งเนื้อด้วยตัวเอง ซึ่งรายการชัวร์ก่อนแชร์ ได้สอบถามแพทย์หญิงมิ่งขวัญ วิชัยดิษฐ ผู้อำนวยการสถาบันโรคผิวหนัง โดยคุณหมอได้อธิบายไว้ว่า ส่วนใหญ่การกำจัดติ่งเนื้อด้วยวิธีธรรมชาติใช้ไม่ได้ผลจริง เนื่องจากติ่งเนื้อประกอบไปด้วย เส้นเลือด เนื้อเยื่อ และพังผืด จึงมีความเหนียวและแข็งแรงพอสมควร แต่ความเป็นกรด-ด่าง จากธรรมชาติของกระเทียม น้ำมะนาว ขิง ปูนแดง ไม่มีฤทธิ์มากพอจะกำจัดติ่งเนื้อบนผิวหนังไปได้ อีกทั้งการตัดติ่งเนื้อหรือจี้ติ่งเนื้อด้วยตัวเองอาจมีแผลและเสี่ยงต่อการติดเชื้อได้ ดังนั้นหากต้องการกำจัดติ่งเนื้อแนะนำให้พบแพทย์ดีกว่า เพราะปัจจุบันการกำจัดติ่งเนื้อก็ทำได้ง่าย และราคาไม่แพงจนเกินไป
วิธีป้องกันการเกิดติ่งเนื้อ
เราสามารถป้องกันการเกิดติ่งเนื้อบนผิวหนังได้ ดังนี้
1. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วนขึ้น
2. ดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อไม่ให้ป่วยเป็นเบาหวาน หรือมีระดับไขมันในเลือดสูง
3. ใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดการเสียดสีกับผิวหนัง
ถ้าติ่งเนื้อที่เรามีอยู่ไม่ได้ผิดปกติก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจ แต่ถ้าอยากกำจัดติ่งเนื้อจริง ๆ ก็ขอย้ำว่าไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุดนะคะ
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 26 มีนาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก
โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก
รามา แชนแนล
ชัวร์ก่อนแชร์
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
รายการคุยกับหมออัจจิมา
Thai PBS
วิธีป้องกันการเกิดติ่งเนื้อ
เราสามารถป้องกันการเกิดติ่งเนื้อบนผิวหนังได้ ดังนี้
1. รักษาน้ำหนักตัวให้อยู่ในเกณฑ์ปกติ ไม่อ้วนขึ้น
2. ดูแลสุขภาพให้ดี เพื่อไม่ให้ป่วยเป็นเบาหวาน หรือมีระดับไขมันในเลือดสูง
3. ใส่เสื้อผ้าหลวม ๆ ไม่รัดแน่นจนเกินไป เพื่อลดการเสียดสีกับผิวหนัง
ถ้าติ่งเนื้อที่เรามีอยู่ไม่ได้ผิดปกติก็ไม่จำเป็นต้องกังวลใจ แต่ถ้าอยากกำจัดติ่งเนื้อจริง ๆ ก็ขอย้ำว่าไปปรึกษาแพทย์ผิวหนังจะดีที่สุดนะคะ
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 26 มีนาคม 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก
โรงพยาบาลผิวหนัง อโศก
รามา แชนแนล
ชัวร์ก่อนแชร์
โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
รายการคุยกับหมออัจจิมา
Thai PBS