แพทย์ตจวิทยา คืออะไร รักษาโรคประเภทไหนบ้าง มีปัญหาผิวหนังต้องรู้จักสาขานี้ !

          แพทย์ตจวิทยา คืออะไร รักษาโรคประเภทไหนบ้าง แล้วถ้าอยากเรียนสาขาตจวิทยา ต้องเรียนคณะอะไร เรียนกี่ปีกันนะ ?
แพทย์ตจวิทยา

          เมื่อพูดถึง "แพทย์ตจวิทยา" หลายคนอาจจะสงสัยว่านี่คือแพทย์สาขาอะไรกันแน่ เพราะชื่อนี้ไม่ค่อยคุ้นหูเท่ากับแพทย์เฉพาะทางด้านอื่น ๆ แต่แท้จริงแล้ว ตจวิทยา คืออีกหนึ่งแขนงทางการแพทย์ที่ใกล้ตัวและสำคัญกับสุขภาพ ในชีวิตประจำวันของเราไม่น้อยเลย วันนี้เราเลยจะพามาทำความรู้จักแพทย์สาขานี้ให้มากขึ้น

ตจวิทยา อ่านว่าอะไร

          คำว่า "ตจ" (ตะจะ) มาจากภาษาบาลี แปลว่า ผิวหนัง เมื่อรวมกับคำว่า วิทยา ซึ่งเป็นภาษาสันสกฤต จึงสามารถอ่านได้ว่า ตัด-จะ-วิด-ทะ-ยา อย่างไรก็ตาม เราสามารถเขียนคำนี้ได้ 2 รูปแบบ คือ ตจวิทยา หรือ ตัจวิทยา ก็ได้เช่นกัน

ตจวิทยา คืออะไร

ตจวิทยา อ่านว่า

          ในเมื่อคำว่า ตจ แปลว่า ผิวหนัง ดังนั้น ตจวิทยา (Dermatology) คือ วิชาแพทยศาสตร์สาขาหนึ่งซึ่งเป็นสาขาย่อยของทั้งด้านอายุรศาสตร์และศัลยศาสตร์ที่เกี่ยวข้องกับการวินิจฉัย การรักษา และการป้องกันโรคที่เกี่ยวกับอวัยวะที่ใหญ่ที่สุดของร่างกาย นั่นคือ ผิวหนัง นั่นเอง ไม่เพียงแค่ผิวหนังเท่านั้น แต่ยังครอบคลุมไปถึงหนังศีรษะ เส้นผม และเล็บ โดยทั่วไปเราจะเรียกแพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านนี้ว่า แพทย์ผิวหนัง (Dermatologist) หรือแพทย์ตจวิทยา

แพทย์ตจวิทยา เรียนคณะอะไร
เรียนกี่ปี

          การจะเป็นแพทย์ผู้เชี่ยวชาญโรคผิวหนัง ต้องเรียนจบแพทยศาสตร์บัณฑิต 6 ปี หลังจากนั้นหากมีความสนใจเรื่องผิวหนังจะต้องศึกษาหลักสูตรการอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาตจวิทยา (Residency Training) ต่ออีก 4 ปี ซึ่งมีสถาบันฝึกอบรม ดังนี้

  1. สาขาวิชาตจวิทยา ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย

  2. สาขาวิชาโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล

  3. ภาควิชาตจวิทยา คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล

  4. แผนกผิวหนัง กองอายุรกรรม โรงพยาบาลพระมงกุฎเกล้า

  5. สถาบันโรคผิวหนัง กรมการแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข

  6. หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ 

  7. หน่วยโรคผิวหนัง ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่ 

          ดังนั้น ผู้ที่ต้องการเป็นแพทย์เฉพาะทางด้านผิวหนังจะต้องเรียนทั้งหมด 10 ปี จากนั้นเมื่อจบหลักสูตรการอบรมแพทย์ประจำบ้าน สาขาตจวิทยา และสอบผ่าน จึงจะได้รับวุฒิบัตรแสดงความรู้ความชำนาญในการประกอบวิชาชีพเวชกรรม สาขาตจวิทยา จากแพทยสภา ซึ่งในแต่ละปีมีผู้ได้รับวุฒิบัตรสาขานี้ประมาณ 20 กว่าคนเท่านั้น

แพทย์ตจวิทยา รักษาโรคอะไรบ้าง

สาขาตจวิทยา คือรักษาโรคอะไร

          ขอบเขตการดูแลของแพทย์ตจวิทยาครอบคลุมหลายด้าน ทั้งการตรวจคัดกรอง วินิจฉัย รักษา ผ่าตัด บำบัดด้วยวิธีต่าง ๆ และการป้องกันโรคต่อไปนี้

  • โรคผิวหนังทั่วไป เช่น รักษาสิว, กลาก, เกลื้อน, ลมพิษ, ผื่นผิวหนังอักเสบ (Eczema), สะเก็ดเงิน (Psoriasis), โรคด่างขาว (Vitiligo)

  • การติดเชื้อที่ผิวหนัง เช่น โรคผิวหนังที่เกิดจากแบคทีเรีย เชื้อรา ไวรัส หรือปรสิต เช่น เริม, งูสวัด, หูด, หิด, โลน, ฝี, หนอง ฯลฯ

  • มะเร็งผิวหนัง เช่น มะเร็งเซลล์ฐาน (Basal Cell Carcinoma), มะเร็งเซลล์สความัส (Squamous Cell Carcinoma), มะเร็งเมลาโนมา (Melanoma)

  • ความผิดปกติของเส้นผมและหนังศีรษะ เช่น ปัญหาผมร่วง, ผมบาง, รังแค, หนังศีรษะอักเสบ, โรคสะเก็ดเงินบนหนังศีรษะ, การปลูกผม

  • ความผิดปกติของเล็บ เช่น เล็บขบ เชื้อราที่เล็บ

  • โรคผิวหนังที่เกิดจากปฏิกิริยาแพ้ เช่น ผื่นแพ้สัมผัส ภูมิแพ้

  • โรคผิวหนังที่เกิดจากระบบภูมิคุ้มกัน เช่น โรคลูปัส (Lupus)

  • การดูแลผิวพรรณและความงาม รวมทั้งการทำหัตถกรรมที่เกี่ยวข้องกับผิวหนัง เช่น การรักษาริ้วรอย, จุดด่างดำ, การฉีดฟิลเลอร์, โบท็อกซ์, เลเซอร์, การกำจัดขน และการทำทรีตเมนต์ผิวต่าง ๆ เป็นต้น

แพทย์ที่ดูแลโรคผิวหนัง ใช่แพทย์ตจวิทยาทุกคนไหม

          แพทย์ที่ทำงานด้านโรคผิวหนังและดูแลผิวพรรณทั่วไป หรือดูแลด้านความสวยความงาม อาจจะไม่ใช่ทุกคนที่เป็นแพทย์ตจวิทยาก็ได้ หากแพทย์ท่านนั้นไม่ได้ผ่านการอบรมตามหลักเกณฑ์มาตรฐานของสมาคมแพทย์ผิวหนังแห่งประเทศไทยและแพทยสภา ซึ่งก็คือ หลักสูตรแพทย์ประจำบ้าน สาขาตจวิทยา (Residency Training) ก็จะไม่ถือว่าเป็นแพทย์ตจวิทยา

เมื่อไหร่ถึงต้องพบแพทย์ตจวิทยา

          หากเราพบอาการผิดปกติดังต่อไปนี้ ควรพิจารณาไปพบแพทย์ตจวิทยา เพื่อการวินิจฉัยอย่างตรงจุด

  • มีผื่นขึ้นที่ไม่ทราบสาเหตุ หรือมีผื่นเรื้อรัง ลุกลาม เป็นนานกว่า 2 สัปดาห์

  • มีอาการติดเชื้อที่ผิวหนัง บวม แดง เจ็บ เกิดฝี หนอง 

  • มีสิวอักเสบ สิวเห่อ หรือสิวที่ไม่ตอบสนองต่อการรักษาด้วยตนเอง

  • ไฝ กระ หรือจุดด่างดำ มีลักษณะเปลี่ยนแปลงไป เช่น มีขนาดใหญ่ขึ้น เปลี่ยนสีและรูปร่าง 

  • มีอาการคันผิวหนังอย่างรุนแรง หรือคันโดยไม่ทราบสาเหตุ

  • ผมร่วงผิดปกติ หรือมีปัญหาหนังศีรษะเรื้อรัง

  • เล็บผิดรูป สีเปลี่ยนแปลง หรือมีความผิดปกติอื่น ๆ เช่น เล็บหนาผิดปกติ เล็บมีรอยแตก เล็บคุด เล็บขบ

  • มีริ้วรอย จุดด่างดำ หรือผิวพรรณหย่อนคล้อย

  • เป็นโรคผิวหนังอื่น ๆ เช่น สะเก็ดเงิน กลาก เกลื้อน

  • ต้องการตรวจคัดกรองมะเร็งผิวหนัง

  • ต้องการคำแนะนำเกี่ยวกับการดูแลผิวพรรณเฉพาะบุคคล

          จะเห็นได้ว่า "แพทย์ตจวิทยา" หรือ "แพทย์ผิวหนัง" เป็นผู้เชี่ยวชาญที่มีความรู้ในการดูแลสุขภาพผิวหนังของเราอย่างครอบคลุม ตั้งแต่ปัญหาเล็กน้อยไปจนถึงโรคร้ายแรง การเข้าใจบทบาทของแพทย์สาขานี้จะช่วยให้เราสามารถดูแลตัวเองได้ดียิ่งขึ้น และรู้ว่าเมื่อไหร่ที่ควรขอคำปรึกษาเพื่อสุขภาพผิวที่ดีในระยะยาว

บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคผิวหนัง

เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
แพทย์ตจวิทยา คืออะไร รักษาโรคประเภทไหนบ้าง มีปัญหาผิวหนังต้องรู้จักสาขานี้ ! อัปเดตล่าสุด 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 13:49:48
TOP
x close