น้ำเต้าหู้ เครื่องดื่มเพื่อสุขภาพ มีประโยชน์เน้น ๆ ในตัวเอง ส่วนเครื่องในน้ำเต้าหู้ก็เด่นไม่ใช่ย่อย
เครื่องดื่มที่ได้ทั้งสุขภาพ และยังดื่มได้ในช่วงเทศกาลกินเจอย่างน้ำเต้าหู้
ใครก็รู้ว่ามีประโยชน์ช่วยเสริมโปรตีน
แต่วันนี้เราจะมาเจาะลึกทั้งประโยชน์ของน้ำเต้าหู้
และประโยชน์ของธัญพืชที่ใส่มาเป็นเครื่องน้ำเต้าหู้อย่างละเอียดกัน
ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้
ถั่วเหลืองที่คั้นออกมาและต้มจนเป็นน้ำเต้าหู้ อุดมไปด้วยโปรตีน ที่คนแพ้นมวัวก็สามารถเลี่ยงมารับโปรตีนจากน้ำเต้าหู้ได้ อีกทั้งน้ำเต้าหู้ยังย่อยง่าย ไม่มีไขมัน ดื่มแล้วรู้สึกอิ่มแบบไม่แน่นท้อง รวมทั้งประโยชน์จากน้ำเต้าหู้ที่เรากำลังจะนำเสนอนี้ ถ้าได้รู้ก็คงไม่แปลกใจที่ใคร ๆ จะยกย่องให้น้ำเต้าหู้เป็นซูเปอร์ฟู้ด ว่าแล้วก็มาดูประโยชน์ของน้ำเต้าหู้กันเลย
1. มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่
นมถั่วเหลืองหรือน้ำเต้าหู้มีสารอาหารครบทั้ง 5 หมู่ ทั้งโปรตีน ไขมัน คาร์โบไฮเดรต เกลือแร่ และวิตามิน โดยเฉพาะปริมาณสารอาหารประเภทโปรตีนในนมถั่วเหลือง ซึ่งมีอยู่สูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์เลยเชียวล่ะ
2. มีกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 10 ชนิด
โปรตีนโกลบูลิน (Globulin) ที่พบในน้ำเต้าหู้ ประกอบไปด้วยกรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกายครบทั้ง 10 ชนิด อีกทั้งยังเป็นโปรตีนชนิดที่ร่างกายดูดซึมได้ง่าย โดย 95% ของโปรตีนในน้ำเต้าหู้ ร่างกายจะสามารถดูดซึมไปใช้ประโยชน์ได้ทั้งหมด
นอกจากนี้งานวิจัยจาก Molecular Nutrition & Food Research ปี พ.ศ. 2554 ก็เผยว่า น้ำเต้าหู้ยังมีเลคซิติน (Lecithin), ไอโซฟลาโวน (Isoflavone), โอลิโก (Oligo) และไฟเบอร์ ซึ่งมีคุณสมบัติช่วยชะลอความแก่ ช่วยปรับความสมดุลของฮอร์โมน อีกทั้งยังช่วยในการขับถ่าย และป้องกันโรคเบาหวาน ลดความดันโลหิตสูง โรคอ้วน และบำรุงเส้นเลือดแดงด้วย
3. ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด
องค์การอาหารและยา พร้อมทั้งสมาคมโรคหัวใจของสหรัฐอเมริกา เผยว่า น้ำเต้าหู้มีกรดไขมันไม่อิ่มตัวในอัตราส่วนที่สูง ซึ่งกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัวจะช่วยลดคอเลสเตอรอลในเส้นเลือด ป้องกันการสะสมของไขมันในหลอดเลือดชั้นใน อันเป็นสาเหตุสำคัญของการเกิดโรคหัวใจและความดันโลหิตสูงได้
4. แหล่งรวมวิตามิน
โดยเฉพาะวิตามินบีรวม ไนอาซิน รวมทั้งวิตามินเอ วิตามินอี วิตามินดี และวิตามินซีในปริมาณเล็กน้อย แต่ก็ถือว่าเพียงดื่มน้ำเต้าหู้แค่ถุงเดียวก็กวาดเรียบทุกวิตามินเลยล่ะ อีกทั้งใครชอบดื่มน้ำเต้าหู้ทุกวัน ผิวพรรณและร่างกายจะแจ่มใส เพราะมีวิตามินเหล่านี้คอยช่วยบำรุงร่างกายอีกด้วยนะ
5. บำรุงสมอง เพิ่มความจำ
น้ำเต้าหู้ยังอุดมไปด้วยสารอาหารอื่น ๆ อีกมากมาย ไม่ว่าจะเป็นคาร์โบไฮเดรตที่ให้พลังงาน แคลเซียม ฟอสฟอรัส จึงช่วยบำรุงทั้งร่างกาย บำรุงสมอง และช่วยเพิ่มความสามารถในการจดจำได้
6. น้ำเต้าหู้ ลดความอ้วน
น้ำเต้าหู้ มีแคลอรีอยู่ราว ๆ 75-200 กิโลแคลอรี ขึ้นอยู่กับความหวานและเครื่องที่ใส่ในน้ำเต้าหู้แต่ละแก้ว รวมทั้งในน้ำเต้าหู้ยังปราศจากคอเลสเตอรอล และมีกรดไขมันชนิดไม่อิ่มตัว
ฉะนั้นใครที่สงสัยว่ากินน้ำเต้าหู้แล้วอ้วนไหมก็คงต้องตอบตรงนี้เลยค่ะว่า หากคุณดื่มน้ำเต้าหู้แบบหวานน้อย ไม่ใส่เครื่อง หรือเน้นใส่เครื่องที่ให้ประโยชน์แก่ร่างกาย รวมทั้งควบคุมอาหารและออกกำลังกายเป็นประจำ ความอ้วนก็ไม่น่าจะมาเยือนแน่ ๆ
ประโยชน์ของน้ำเต้าหู้แน่นจริงอะไรจริงเห็นไหมคะ และหากยิ่งกินน้ำเต้าหู้ทรงเครื่องด้วยสารพัดธัญพืชด้วยแล้วละก็ คุณประโยชน์ของเครื่องที่ใส่ในน้ำเต้าหู้แต่ละชนิด จะให้คุณค่าทางสารอาหารอะไรดี ๆ กับร่างกายเราได้ดังนี้เลย
1. ถั่วเหลือง
ถั่วเหลืองไม่ว่าจะอยู่ในรูปน้ำเต้าหู้ หรือนำไปต้มสุกแล้วนำมาใส่เป็นเครื่องแบบนี้ คุณประโยชน์และสารอาหารในถั่วเหลืองก็ยังครบถ้วนสมบูรณ์ดี ไม่ว่าจะเป็นโปรตีนที่สูงเทียบเท่าเนื้อสัตว์ วิตามินสารพัดชนิด เกลือแร่ กรดอะมิโนที่จำเป็นต่อร่างกาย ไฟเบอร์ แคลเซียม ฟอสฟอรัส และไขมันชนิดไม่อิ่มตัว
2. ลูกเดือย
ลูกเดือยมีฤทธิ์เป็นยาเย็นช่วยบำรุงกำลัง บำรุงปอด ตับ ไต ม้าม มีสรรพคุณทางด้านขับปัสสาวะ ขับเสมหะ แก้ไข้ แก้ท้องเสีย หล่อลื่นกระเพาะอาหารและลำไส้ แก้ปัญหาทางเดินหายใจ ไขข้อกระดูก บรรเทาอาการเหน็บชา แก้ชักกระตุก ลดอาการบวมน้ำ รักษาอาการปอดอ่อนแอและเป็นเลือด รักษาฝีที่ลำไส้ แก้ร้อนในกระหายน้ำ
3. เม็ดแมงลัก
ใครที่อยากลดความอ้วน อาจดื่มน้ำเต้าหู้ใส่เม็ดแมงลักก็ได้ เนื่องจากเม็ดแมงลักเป็นสมุนไพรที่ช่วยขับคอเลสเตอรอลไม่ดีออกจากร่างกาย ช่วยให้ร่างกายดูดซึมน้ำตาลได้ช้าลง เป็นยาระบายอ่อน ๆ ชนิดหนึ่ง อีกทั้งคุณสมบัติพองตัวได้ของเม็ดแมงลักยังช่วยให้รู้สึกอิ่ม ที่สำคัญเม็ดแมงลักยังปราศจากคอเลสเตอรอลอีกด้วยนะ
4. แปะก๊วย
สมุนไพรจากเมืองจีนชนิดนี้นิยมนำมาใส่เป็นเครื่องน้ำเต้าหู้ด้วยเช่นกัน โดยแปะก๊วยสามารถช่วยลดระดับคอเลสเตอรอล ป้องกันเซลล์จากอนุมูลอิสระ ป้องกันเซลล์ถูกทำลาย มีวิตามินและแร่ธาตุสูง แคลอรีต่ำ บำรุงสมอง เสริมสมรรถภาพทางเพศ อีกทั้งยังช่วยบรรเทาอาการ PMS ในผู้หญิงได้ด้วยล่ะค่ะสาว ๆ
5. ถั่วแดง
อุดมไปด้วยโปรตีนและคุณค่าทางอาหารสูงไม่ต่างจากถั่วชนิดอื่น ๆ มีคุณสมบัติในการช่วยชะลอการดูดซึมน้ำตาลในเลือด ดีต่อผู้ป่วยโรคเบาหวาน แถมยังช่วยลดน้ำหนักได้
6. เม็ดบัว
เม็ดบัวเป็นสมุนไพรที่ดีต่อคุณแม่ตั้งครรภ์ เป็นยาบำรุงครรภ์ได้ดี และไม่พบโทษอันตรายจากการรับประทานเม็ดบัว
7. รากบัว
ไม่ว่าจะรากบัวหรือเม็ดบัวก็มีคุณสมบัติในเรื่องช่วยบำรุงครรภ์ได้เช่นกัน อีกทั้งรากบัวยังอุดมไปด้วยไฟเบอร์ ทว่าส่วนมากแล้วรากบัวจะมาในรูปอาหารเชื่อมน้ำตาลมาแล้ว ฉะนั้นก็ควรกินรากบัวแค่นิดหน่อยพอนะคะ
8. งาดำ
งาดำเป็นธัญพืชตัวท็อป ๆ ที่บรรดาคนรักสุขภาพคุ้นเคยกันดี เพราะงาดำมีแคลเซียมสูง ช่วยป้องกันโรคกระดูกพรุนได้ มีกรดไขมันชนิดดีมาก บำรุงร่างกายได้หลายด้าน
9. แห้ว
ผลการวิจัยของมหาวิทยาลัยรัฐโคโลราโดเผยว่า การบริโภคแร่ธาตุโพแทสเซียมประมาณ 4.7 กรัมต่อวัน จะช่วยบำรุงระบบกล้ามเนื้อและระบบประสาทให้ทำงานเป็นปกติ แห้วจึงเป็นหนึ่งในตัวเลือกที่ดี เพราะแห้วเพียง 1/2 ถ้วยตวง ก็อุดมไปด้วยโพแทสเซียมสูงถึง 360 มิลลิกรัมแล้ว ซึ่งก็เป็นจำนวนโพแทสเซียมในอัตราส่วน 1/3 ของปริมาณโพแทสเซียมที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเลยทีเดียว
10. เฉาก๊วย
วุ้นดำ ๆ เคี้ยวแล้วหนึบหนับ เด้งดึ๋ง ซึ่งไม่เพียงแต่ทานแล้วจะช่วยดับกระหาย แก้ร้อนในเท่านั้นนะคะ แต่ยังมีฤทธิ์ขับเสมหะ ลดอาการกล้ามเนื้ออักเสบ ลดระดับน้ำตาลในเลือด แต่ก็ต้องเลือกกินเฉาก๊วยแท้ ๆ ไม่ผสมแป้งด้วยนะจ๊ะ
สูตรน้ำเต้าหู้
ร่ายมาซะยาวถึงประโยชน์ของน้ำเต้าหู้และบรรดาเครื่องใส่น้ำเต้าหู้สารพัดอย่าง มาถึงตรงนี้หลายคนคงนึกอยากดื่มน้ำเต้าหู้กันแล้วใช่ไหมล่ะ งั้นมาลองดูสูตรน้ำเต้าหู้เหล่านี้เลยดีกว่า
- 6 วิธีทำน้ำเต้าหู้ ศุตรโฮมเมดหลากรส ทำง่ายเพื่อสุขภาพ
- น้ำเต้าหู้งาดำ เครื่องดื่มสุขภาพอิ่มท้อง ต้อนรับเทศกาลกินเจ
- วิธีทำน้ำเต้าหู้ นมถั่วเหลือง โฮมเมดสูตรเข้มข้น ทำดื่มเองดีกว่า ไม่เสียอารมณ์
- น้ำเต้าหู้ผสมมะนาว สูตรเด็ดคูณสอง ที่เขาว่าเป็นยาอายุวัฒนะ
ทั้งนี้น้ำเต้าหู้ก็มีฮอร์โมนเอสโตรเจน หรือฮอร์โมนเพศหญิง รวมทั้งยังให้สารอาหารประเภทคาร์โบไฮเดรต ซึ่งหากดื่มเข้าไปมาก ๆ อาจทำให้เกิดความเสี่ยงต่อภาวะฮอร์โมนเพศหญิงสูงเกินไป และอาจทำให้น้ำหนักขึ้นได้ โดยเฉพาะหากเลือกดื่มน้ำเต้าหู้รสหวาน ใส่เครื่องประเภทแป้ง เช่น สาคูแถมยังมีปาท่องโก๋มันเยิ้ม หรือขนมปังทานแกล้มด้วย
ดังนั้นทางที่ดีควรดื่มน้ำเต้าหู้เพียงวันละ 2 แก้วก็พอ รวมทั้งควรกินน้ำเต้าหู้หวานน้อย และหลีกเลี่ยงการรับประทานขนมปังหรือปาท่องโก๋ตัวเพิ่มน้ำหนักจะดีกว่า
ขอบคุณข้อมูลจาก : Livestrong, FITDAY, Kcal.Memo8.com, Huffington Post, Mommy Pedia