
จี้ สุวรรณภูมิ ไร้บุหรี่ 100% (ไทยโพสต์)
"หมอหทัย" เผยงานวิจัยระดับนิโคตินใกล้ห้องสูบบุหรี่ในสนามบินสูง อันตรายต่อสุขภาพคนอื่น จี้ สธ.ออกประกาศให้สุวรรณภูมิเป็นเขตปลอดบุหรี่ร้อยเปอร์เซ็นต์
นพ.หทัย ชิตานนท์ ประธานสถาบันส่งเสริมสุขภาพไทย เปิดเผยว่า มีงานวิจัยที่ตีพิมพ์ในวารสารควบคุมการสูบบุหรี่ ตรวจสอบคุณภาพอากาศที่สนามบินในประเทศสหรัฐอเมริกา พบว่าอากาศในบริเวณใกล้ห้องสูบบุหรี่ของสนามบินนานาชาติมีระดับนิโคตินสูงมากพอที่จะเป็นอันตรายต่อสุขภาพ โดยตั้งแต่เดือนกรกฎาคม พ.ศ.2510 ในกลุ่มสนามบินที่ใหญ่ที่สุดของสหรัฐอเมริกา 30 แห่ง มีถึง 23 แห่ง ที่กำหนดให้พื้นที่ภายในอาคารปลอดบุหรี่ 100% ส่วนในประเทศไทย ปัจจุบันสนามบินในต่างจังหวัดได้กำหนดให้เป็นพื้นที่ปลอดบุหรี่ 100% เหลือเพียงสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเท่านั้นที่ยังมีห้องสูบบุหรี่อยู่ภายในอาคาร แม้จะมีห้องสูบบุหรี่เป็นการเฉพาะ แต่มีการเปิดประตูเข้า-ออก ทำให้สารพิษออกมาภายนอกห้องได้
"ถึงเวลาแล้วที่กระทรวงสาธารณสุขควรออกประกาศกระทรวง กำหนดให้สนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิเป็นสถานที่ปลอดบุหรี่ 100% ซึ่งที่ผ่านมาที่ไม่สามารถดำเนินการได้ เพราะการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยเกรงว่าสนามบินสุวรรณภูมิเป็นสนามบินที่ผู้โดยสารต้องเดินทางไกลเป็น 10 ชั่วโมง อาจอยากจะสูบบุหรี่ ซึ่งเป็นเหตุผลที่ใช้ไม่ได้ เพราะสนามบินอื่นที่ใหญ่กว่าสุวรรณภูมิยังสามารถทำให้เป็นสนามบินปลอดบุหรี่ 100% ได้ ทั้งนี้ หากจะจัดบริการห้องสูบบุหรี่ควรเป็นห้องพิเศษที่มีทางเดินออกมานอกอาคารผู้โดยสารแยกเป็นสัดส่วนต่างหาก" นพ.หทัยกล่าว
นพ.หทัยกล่าวว่า การได้อากาศบริสุทธิ์ปราศจากพิษควันบุหรี่เป็นปัจจัยสำคัญอย่างหนึ่ง จาก 39 คำถาม-คำตอบที่ทำให้สนามบินสุวรรณภูมิของไทยได้รับรางวัล Skytrax World Airport Awards ประจำปี 2010 โดยอยู่ในอันดับ 10 ของท่าอากาศยานนานาชาติทั่วโลกจากการตอบแบบสอบถามของผู้โดยสาร 9.8 ล้านคน มากกว่า 100 สัญชาติที่ท่าอากาศยาน 210 แห่งทั่วโลก ขยับจากที่ 16 ในปี 2552 ทั้งนี้ หากสนามบินนานาชาติสุวรรณภูมิกลายเป็นสนามบินปลอดบุหรี่ 100% จะทำให้การจัดอันดับในปีต่อไปขยับดีขึ้น
สำหรับสนามบินที่ได้รางวัล Skytrax World Airport Awards อันดับที่ 1-10 ได้แก่ ท่าอากาศยานนานาชาติของประเทศสิงคโปร์ (Changi), เกาหลี (Incheon), ฮ่องกง, เยอรมนี (มิวนิก), มาเลเซีย (กัวลาลัมเปอร์), สวิตเซอร์แลนด์ (ซูริก), ฮอลแลนด์ (อัมสเตอร์ดัม), จีน (ปักกิ่ง), นิวซีแลนด์ (อ็อกแลนด์) และไทย (สุวรรณภูมิ)
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
