เป็นคนถ่ายยาก เหมือนมีอาการท้องผูกแบบเป็น ๆ หาย ๆ ต้องระวังภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ หรือโรคขี้เต็มท้อง ซึ่งอาจต้องรักษากันยาว...
อาการท้องผูกเกิดได้กับทุกเพศทุกวัย และถ้าเราไม่ใส่ใจอาการท้องผูก คิดเอาเองว่าปวดเมื่อไรก็ค่อยถ่าย บอกเลยว่าพฤติกรรมแบบนี้เสี่ยงมาก ๆ ที่จะมีภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ ซึ่งนอกจากจะทำให้ของเสียตกค้างในร่างกายแล้ว ภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ยังอาจนำมาซึ่งอาการไม่สบายท้อง เช่น อาการท้องอืด อึดอัด ท้องโต และมีความรู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุดอยู่ตลอดเวลา และหากมีอาการมาก ๆ อาจต้องทำการผ่าตัดรักษาเลยทีเดียว
อุจจาระอุดตัน คืออะไร
ภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ คือ ภาวะที่อุจจาระไม่ถูกขับถ่ายออกมา และเกิดการสะสมจนอุจจาระแห้ง แข็ง อัดแน่นกันอยู่บริเวณปลายลำไส้ตรง และร่างกายไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระที่อุดตันได้ ส่งผลให้มีอาการท้องผูกเรื้อรังเป็นเวลานาน
อุจจาระอุดตัน เกิดจากอะไร
โดยปกติแล้วร่างกายจะขับถ่ายของเสียออกได้เอง แต่ในบางคนก็มีปัญหากับการขับถ่ายจนเกิดภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ได้ ซึ่งอุจจาระอุดตันในลำไส้ สาเหตุก็มาจากสิ่งเหล่านี้
- รับประทานผัก ผลไม้น้อย
- ดื่มน้ำน้อย
- อั้นอุจจาระบ่อย
- มีอาการท้องผูก
- ไม่ออกกำลังกาย
- มีประวัติผ่าตัดในช่องท้อง
- กินยาบางอย่างที่ทำให้ท้องผูก
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคไทรอยด์ โรคที่เกี่ยวกับการทำงานของลำไส้ รวมไปถึงโรคทางจิตเวชที่อาจทำให้มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการขับถ่ายผิดปกติไป
อุจจาระอุดตัน ใครเสี่ยงบ้าง
- คนที่มีอาการท้องผูกบ่อย กล่าวคือ ไม่ถ่ายติดต่อกัน 3 วัน และเป็นอย่างนี้บ่อย ๆ
- คนที่มักจะกลั้นถ่ายบ่อย
- เด็กที่มีพฤติกรรมกลั้นอุจจาระเพราะห่วงเล่น จนไม่ยอมขับถ่ายแม้จะรู้สึกปวดก็ตาม
- ผู้สูงวัยที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว ทำให้ขับถ่ายไม่สะดวกจนต้องอั้นไว้
อุจจาระอุดตัน อาการเป็นอย่างไร
* ท้องผูก ถ่ายไม่ออกบ่อยครั้ง
* ต้องเบ่งอุจจาระทุกครั้งที่ถ่าย
* ท้องอืด อึดอัดท้อง
* เจ็บรูทวารเวลาถ่าย
* ถ่ายมีเลือดปน เนื่องจากอุจจาระแข็งมาก และอาจครูดผนังรูทวารจนเป็นแผลได้
* อุจจาระเป็นก้อนเล็ก ๆ
* รู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด
* ปวดท้องบีบ ๆ เสียด ๆ เมื่อขยับร่างกาย
* มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
หากมีอาการข้างต้นก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาก่อนจะเกิดอาการรุนแรงกว่านี้
อุจจาระอุดตัน รักษาอย่างไร
ขั้นแรกแพทย์จะทำการวินิจฉัยจากอาการที่ผู้ป่วยเป็นก่อน และอาจมีการคลำบริเวณหน้าท้องเพื่อเช็กลำไส้ว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ไหม รวมไปถึงอาจมีการเอกซเรย์เพื่อให้เห็นสิ่งที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งหากพบว่ามีอุจจาระตกค้างในส่วนปลายของลำไส้มาก แพทย์อาจใช้เครื่องมือสวนออก
หรือหากมีอาการหนัก หรือไม่สามารถนำอุจจาระออกมาจากร่างกายได้ด้วยวิธีอื่น ๆ แพทย์อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อล้างลำไส้และเคลียร์อุจจาระที่อุดตันอยู่ในลำไส้ให้หมด ซึ่งเคสที่ต้องผ่าตัดยังพบได้น้อยมาก ๆ ค่ะ ทว่าการสวนทวารหนักเพื่อให้ถ่ายอุจจาระก็เป็นสิ่งที่หลายคนไม่อยากเจอเหมือนกัน
อุจจาระอุดตัน อันตรายแค่ไหน
การที่มีของเสียสะสมอยู่ในร่างกายจำนวนมาก จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายประการ อย่างแรกก็ทำให้การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้มีอาการท้องอืด และเมื่อท้องอืด ก็ทำให้ไม่สบายตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อการนอนหลับ และเมื่อนอนไม่หลับหรือหลับได้ไม่เต็มที่บ่อย ๆ ก็อาจส่งผลให้เกิดความไม่สบายอื่น ๆ ตามมาอีกมาก
- 11 โรคที่เสี่ยงเพราะแค่อดนอน ไม่อยากล้มหมอนต้องนอนให้พอ !
อุจจาระอุดตัน ป้องกันได้ไม่ยาก
ถ้าไม่อยากโดนสวนทวารหนัก หรือมีอาการท้องผูกจนเสี่ยงภาวะอุจจาระอุดตัน เราก็สามารถป้องกันภาวะอุดจาระอุดตันด้วยวิธี ดังนี้
1. รับประทานผัก-ผลไม้มาก ๆ
2. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 1.5-2 ลิตร
3. เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ
4. พยายามฝึกร่างกายให้ถ่ายเป็นประจำทุกวัน
5. เข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สึกปวดถ่าย พยายามอย่าอั้นอุจจาระ
6. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย
7. หากมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีแก้ท้องผูก เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยงต่อภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้
เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากพบเจอภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้แน่ ๆ ดังนั้นก็พยายามดูแลตัวเองให้ดี ๆ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน รวมไปถึงการออกกำลังกายนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ภาควิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์-ศัลยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, chulauniversity
อุจจาระอุดตัน คืออะไร
ภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ คือ ภาวะที่อุจจาระไม่ถูกขับถ่ายออกมา และเกิดการสะสมจนอุจจาระแห้ง แข็ง อัดแน่นกันอยู่บริเวณปลายลำไส้ตรง และร่างกายไม่สามารถขับถ่ายอุจจาระที่อุดตันได้ ส่งผลให้มีอาการท้องผูกเรื้อรังเป็นเวลานาน
อุจจาระอุดตัน เกิดจากอะไร
โดยปกติแล้วร่างกายจะขับถ่ายของเสียออกได้เอง แต่ในบางคนก็มีปัญหากับการขับถ่ายจนเกิดภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้ได้ ซึ่งอุจจาระอุดตันในลำไส้ สาเหตุก็มาจากสิ่งเหล่านี้
- รับประทานผัก ผลไม้น้อย
- ดื่มน้ำน้อย
- อั้นอุจจาระบ่อย
- มีอาการท้องผูก
- ไม่ออกกำลังกาย
- มีประวัติผ่าตัดในช่องท้อง
- กินยาบางอย่างที่ทำให้ท้องผูก
- มีโรคประจำตัว เช่น โรคไทรอยด์ โรคที่เกี่ยวกับการทำงานของลำไส้ รวมไปถึงโรคทางจิตเวชที่อาจทำให้มีพฤติกรรมการรับประทานอาหารและการขับถ่ายผิดปกติไป
อุจจาระอุดตัน ใครเสี่ยงบ้าง
- คนที่มีอาการท้องผูกบ่อย กล่าวคือ ไม่ถ่ายติดต่อกัน 3 วัน และเป็นอย่างนี้บ่อย ๆ
- คนที่มักจะกลั้นถ่ายบ่อย
- เด็กที่มีพฤติกรรมกลั้นอุจจาระเพราะห่วงเล่น จนไม่ยอมขับถ่ายแม้จะรู้สึกปวดก็ตาม
- ผู้สูงวัยที่มีปัญหาการเคลื่อนไหว ทำให้ขับถ่ายไม่สะดวกจนต้องอั้นไว้
อุจจาระอุดตัน อาการเป็นอย่างไร
* ท้องผูก ถ่ายไม่ออกบ่อยครั้ง
* ต้องเบ่งอุจจาระทุกครั้งที่ถ่าย
* ท้องอืด อึดอัดท้อง
* เจ็บรูทวารเวลาถ่าย
* ถ่ายมีเลือดปน เนื่องจากอุจจาระแข็งมาก และอาจครูดผนังรูทวารจนเป็นแผลได้
* อุจจาระเป็นก้อนเล็ก ๆ
* รู้สึกเหมือนถ่ายไม่สุด
* ปวดท้องบีบ ๆ เสียด ๆ เมื่อขยับร่างกาย
* มีอาการคลื่นไส้และอาเจียน
หากมีอาการข้างต้นก็ควรรีบปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีรักษาก่อนจะเกิดอาการรุนแรงกว่านี้
อุจจาระอุดตัน รักษาอย่างไร
ขั้นแรกแพทย์จะทำการวินิจฉัยจากอาการที่ผู้ป่วยเป็นก่อน และอาจมีการคลำบริเวณหน้าท้องเพื่อเช็กลำไส้ว่ามีสิ่งผิดปกติอยู่ไหม รวมไปถึงอาจมีการเอกซเรย์เพื่อให้เห็นสิ่งที่ตกค้างอยู่ในลำไส้ได้ชัดเจนขึ้น ซึ่งหากพบว่ามีอุจจาระตกค้างในส่วนปลายของลำไส้มาก แพทย์อาจใช้เครื่องมือสวนออก
หรือหากมีอาการหนัก หรือไม่สามารถนำอุจจาระออกมาจากร่างกายได้ด้วยวิธีอื่น ๆ แพทย์อาจจำเป็นต้องผ่าตัดเพื่อล้างลำไส้และเคลียร์อุจจาระที่อุดตันอยู่ในลำไส้ให้หมด ซึ่งเคสที่ต้องผ่าตัดยังพบได้น้อยมาก ๆ ค่ะ ทว่าการสวนทวารหนักเพื่อให้ถ่ายอุจจาระก็เป็นสิ่งที่หลายคนไม่อยากเจอเหมือนกัน
อุจจาระอุดตัน อันตรายแค่ไหน
การที่มีของเสียสะสมอยู่ในร่างกายจำนวนมาก จะส่งผลเสียต่อร่างกายได้หลายประการ อย่างแรกก็ทำให้การย่อยอาหารไม่สมบูรณ์ ส่งผลให้มีอาการท้องอืด และเมื่อท้องอืด ก็ทำให้ไม่สบายตัว ซึ่งอาจส่งผลต่อการนอนหลับ และเมื่อนอนไม่หลับหรือหลับได้ไม่เต็มที่บ่อย ๆ ก็อาจส่งผลให้เกิดความไม่สบายอื่น ๆ ตามมาอีกมาก
- 11 โรคที่เสี่ยงเพราะแค่อดนอน ไม่อยากล้มหมอนต้องนอนให้พอ !
อุจจาระอุดตัน ป้องกันได้ไม่ยาก
ถ้าไม่อยากโดนสวนทวารหนัก หรือมีอาการท้องผูกจนเสี่ยงภาวะอุจจาระอุดตัน เราก็สามารถป้องกันภาวะอุดจาระอุดตันด้วยวิธี ดังนี้
1. รับประทานผัก-ผลไม้มาก ๆ
2. ดื่มน้ำให้ได้วันละ 1.5-2 ลิตร
3. เคลื่อนไหวร่างกายบ่อย ๆ
4. พยายามฝึกร่างกายให้ถ่ายเป็นประจำทุกวัน
5. เข้าห้องน้ำทันทีที่รู้สึกปวดถ่าย พยายามอย่าอั้นอุจจาระ
6. พยายามหลีกเลี่ยงการใช้ยาระบาย
7. หากมีอาการท้องผูกบ่อย ๆ ควรปรึกษาแพทย์เพื่อหาวิธีแก้ท้องผูก เพื่อป้องกันไม่ให้เสี่ยงต่อภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้
เชื่อว่าคงไม่มีใครอยากพบเจอภาวะอุจจาระอุดตันในลำไส้แน่ ๆ ดังนั้นก็พยายามดูแลตัวเองให้ดี ๆ โดยเฉพาะเรื่องอาหารการกิน รวมไปถึงการออกกำลังกายนะคะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
กรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข, ศูนย์ศรีพัฒน์ คณะแพทยศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, ภาควิชาการพยาบาลอายุรศาสตร์-ศัลยศาสตร์ คณะพยาบาลศาสตร์เกื้อการุณย์ มหาวิทยาลัยนวมินทราธิราช, chulauniversity