
วิตามินและอาหารบำรุงดวงตามีอะไรบ้าง

ในอาหารหลายชนิดก็มีวิตามินบำรุงดวงตาเช่นกัน แต่เราอาจรับประทานได้น้อยหรือไม่ชอบอาหารชนิดนั้น ดังนั้น การรับประทานวิตามินที่มีสารอาหารเพื่อช่วยดูแลดวงตาจึงเป็นอีกทางเลือก แต่ก่อนที่จะไปดูว่ามีวิตามินตัวไหนที่น่าสนใจบ้าง เรามาดูสารอาหารที่น่าสนใจกัน
-
วิตามินเอ ช่วยบำรุงดวงตา ช่วยในการมองในที่มืด พบในผักใบเขียว เช่น ตำลึง, ผักโขม, ผักบุ้ง, ชะอม, คะน้า, ยอดกระถิน, พริกหยวกเขียว, บรอกโคลี เป็นต้น ผักหรือผลไม้ที่มีสีเหลืองหรือสีส้ม เช่น ฟักทอง, แครอต, มะละกอ, มะม่วงสุก, เสาวรส รวมทั้งเครื่องในสัตว์และไข่แดง
-
ลูทีนและซีแซนทิน เป็นสารกลุ่มแคโรทีนอยด์ ช่วยชะลอและลดโอกาสของการเกิดต้อกระจก ป้องกันหรือชะลอโรคจอประสาทตาเสื่อม พบมากในไข่แดง ผักและผลไม้สีเขียวและเหลือง เช่น ผักคะน้า, ปวยเล้ง, บรอกโคลี, ผักโขม, ข้าวโพด, ฟักทอง, แครอต เป็นต้น
-
แอสตาแซนธิน เป็นสารในกลุ่มแคโรทีนอยด์ช่วยในการต่อต้านอนุมูลอิสระ ช่วยบำรุงและลดอาการเมื่อยล้าของสายตา พบในกุ้ง, ปลาแซลมอน, ปู, ไข่ปลาคาเวียร์, สาหร่ายสีแดง เป็นต้น
-
วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน) ช่วยบำรุงดวงตา ลดอาการตาล้า ตาไม่สู้แสง พบมากในผลิตภัณฑ์นม, ผักใบเขียว, เนื้อสัตว์, เห็ด, ไข่, ธัญพืช เป็นต้น
-
วิตามินซี ช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อม พบมากในผักและผลไม้ เช่น ส้ม, องุ่น, สตรอว์เบอร์รี, กีวี, แคนตาลูป, มะละกอ, มะเขือเทศ, พริกหยวก, บรอกโคลี, กะหล่ำปลี เป็นต้น
-
วิตามินอี เป็นวิตามินที่อยู่ในเซลล์รับแสงจอประสาทตา ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด ช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก พบในอาหารต่าง ๆ เช่น ไข่, เนื้อสัตว์, ผลไม้, ธัญพืช, น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันมะกอก น้ำมันดอกทานตะวัน เป็นต้น
-
สังกะสี ช่วยลดความเสี่ยงของโรคจอตาในผู้สูงอายุ หรือชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาในผู้ที่มีอาการอยู่แล้ว พบในอาหารทะเล เช่น หอยนางรม, ปู, กุ้ง รวมทั้งเนื้อสัตว์ ตับ ธัญพืช ผักใบเขียว และผลไม้ เช่น แอปเปิล สับปะรด มะม่วง เป็นต้น
-
โอเมก้า 3 ช่วยรักษาภาวะตาแห้ง ช่วยผลิตน้ำตาทำให้ตาชุ่มชื้น พบมากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน, ปลาทูน่า, ปลาซาร์ดีน รวมทั้งปลาน้ำจืด เช่น ปลาทู, ปลาน้ำดอกไม้, ปลากะพง, ปลาช่อน และยังมีหอยนางรม ธัญพืช เป็นต้น
- บิลเบอร์รี มีสารต้านอนุมูลอิสระสูงที่เรียกว่า แอนโทไซยานิน ช่วยลดอาการตาเมื่อยล้า ตาแห้ง ช่วยป้องกันโรคต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม และโรคทางตาอื่น ๆ
วิตามินดูแลดวงตา ยี่ห้อไหนดี
1. ไอไอ แคร์ เดลี่ (ii CARE DAILY)

ภาพจาก : megawecare.co.th
ไอไอ แคร์ เดลี่ (ii CARE DAILY) ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารจากแบรนด์ดัง MEGA We care ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย แอสตาแซนธิน คอมเพล็กซ์ 120 มิลลิกรัม ที่ให้ แอสตาแซนธินธรรมชาติ 6 มิลลิกรัม มาพร้อมกับสารสกัดจากดอกดาวเรือง 50 มิลลิกรัม ที่ให้ลูทีน 10 มิลลิกรัม และซีแซนทิน 2 มิลลิกรัม ซึ่งมีส่วนช่วยดูแลสุขภาพของดวงตา เช่น ป้องกันและลดอาการทางตาจากโรค Computer Vision Syndrome (CVS) ที่เกิดจากการใช้คอมพิวเตอร์ แท็บเล็ต หรือสมาร์ตโฟน เป็นเวลานานจนรู้สึกไม่สบายตา และยังมีส่วนช่วยป้องกันจอประสาทตาเสื่อม ดังนั้น ไอไอ แคร์ เดลี่ กล่องนี้จึงเหมาะสำหรับนักเรียน นักศึกษา หรือวัยทำงาน ที่ต้องจ้องจอทั้งวัน รวมทั้งคนที่เริ่มมีสัญญาณของอาการตาล้า ตาพร่าเบลอ ปวดกระบอกตาจากการเพ่งหน้าจออย่างต่อเนื่อง ก็สามารถรับประทานเพื่อเสริมการดูแลสุขภาพดวงตาได้ทุกวัน
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด หลังมื้ออาหาร
-
ขนาด : 1 กล่อง (บรรจุ 30 ซอฟต์เจล)
-
ราคาปกติ : 620 บาท
2. Real Elixir Yes Care

ภาพจาก : realelixir.com
Real Elixir Yes Care ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่ใน 1 เม็ด อุดมด้วยสารสกัดจากดอกดาวเรือง 160 มิลลิกรัม, สารสกัดจากบิลเบอร์รี 100 มิลลิกรัม, ซิงก์, เบต้าแคโรทีน, วิตามินบี 2, วิตามินอี และวิตามินเอ ซึ่งล้วนเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยลดความเสื่อมของดวงตา ลดอาการตาแห้ง ตาพร่า มีส่วนช่วยให้การมองเห็นตอนกลางคืนชัดเจนขึ้น และช่วยลดความเสี่ยงต้อกระจก อีกทั้งยังมีแคลเซียม แพนโทธีเนต หรือวิตามินบี 5 ที่มีส่วนช่วยดูแลสุขภาพเส้นผมและผิวอีกด้วย
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด หลังมื้ออาหาร
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 30 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 599 บาท
3. Blackmores Bilberry 2500

ภาพจาก : blackmores.co.th
แบลคมอร์ส บิลเบอร์รี 2500 ขวดนี้ผสมสารสกัดจากผลบิลเบอร์รี 25 มิลลิกรัม ที่ให้สารสำคัญแอนโทไซยาโนไซด์ 9 มิลลิกรัมต่อเม็ด โดยบิลเบอร์รีมีส่วนช่วยเพิ่มสมรรถภาพการมองในที่มืด ทำให้เห็นภาพคมชัดขึ้น และลดอาการเมื่อยล้าของดวงตา
-
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 เม็ด วันละ 2-4 ครั้ง
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 60 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 565 บาท
4. VISTRA TEERLUB

ภาพจาก : vistra.co.th
วิสทร้า เทียร์ลูบ ใน 1 แคปซูล ประกอบด้วย ลูทีน 19 มิลลิกรัม, ซีแซนทิน 0.95 มิลลิกรัม, ซิงก์ 15 มิลลิกรัม และยังมีวิตามินอี วิตามินเอ ไรโบฟลาวิน หรือวิตามินบี 2 จุดเด่นของขวดนี้ก็คือ มีสารสกัดจากมากิเบอร์รี ที่มีสารเดลฟินิดินช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำตา จึงทำให้ดวงตามีความชุ่มชื้นมากยิ่งขึ้น ช่วยให้อาการตาแห้งดีขึ้น อย่างไรก็ตาม สำหรับคนที่แพ้ผลิตภัณฑ์จากถั่วและซัลไฟต์ กลูเตนและหอย ไม่ควรรับประทาน
-
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้า-เย็น
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 30 แคปซูล)
-
ราคาปกติ : 510 บาท
5. Medira Viscare

ภาพจาก : 4care.co.th
เมดิร่า วิสแคร์ มาในรูปแบบซอฟต์เจล รับประทานง่าย โดยใน 1 เม็ด ประกอบด้วย สารสกัดจากมากิเบอร์รี, บิลเบอร์รี, ลูทีน, ซีแซนทิน, วิตามินเอ และวิตามินอี ซึ่งเป็นสารอาหารที่มีส่วนช่วยให้ดวงตาชุ่มชื้น ลดอาการตาพร่า ตาสู้แสงไม่ได้ ช่วยปรับการมองเห็นในที่มืด พร้อมปกป้องดวงตาจากแสงสีฟ้าและแสงแดด
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล ก่อนนอน
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 30 แคปซูล)
-
ราคาปกติ : 499 บาท
6. i Focus

ภาพจาก : ceofactorythailand.com
ไอ โฟกัส ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดวงตา จาก ซีอีโอ แฟคตอรี่ มีส่วนผสมของสารอาหารที่ดีต่อดวงตาหลายชนิด ทั้งลูทีน ซีแซนทิน และส่วนประกอบของเบอร์รี 4 ชนิด ได้แก่ ผงอาซาอิ ผงบลูเบอร์รี ผงราสป์เบอร์รีแดง และผงมัลเบอร์รี ผ่านการรับรองมาตรฐานสากลจากประเทศอังกฤษ และได้รับการรับรองมาตรฐานฮาลาล ชาวอิสลามสามารถรับประทานได้
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมมื้ออาหารหรือหลังอาหารทันที
-
ขนาด : 1 ขวด (บรรจุ 40 แคปซูล)
-
ราคาปกติ : 490 บาท
7. Viboosta สูตร Lutein Plus

ภาพจาก : Viboosta Thailand
ใครไม่สะดวกกลืนวิตามินแบบเม็ด เดี๋ยวนี้ก็มีทางเลือกเป็นวิตามินเม็ดฟู่ จาก VIBOOSTA หลอดสีส้ม ที่อัดแน่นลูทีนมาให้เต็มแม็กซ์ 20 มิลลิกรัม พร้อมด้วยสารสกัดกลุ่มแคโรทีนอยด์ 3 สีจากธรรมชาติ ทั้งสีเหลืองจากฟักทอง สีส้มจากแครอต และสีแดงจากมะเขือเทศ ซึ่งมีส่วนช่วยบรรเทาภาวะตาล้าจากการจ้องจอนาน ๆ
-
วิธีรับประทาน : ใส่วิตามิน 1 เม็ดลงในน้ำอุณหภูมิห้อง ประมาณ 200 มิลลิลิตร ใช้ช้อนคนให้ละลาย และรับประทาน
-
ขนาด : 1 หลอด (บรรจุ 20 เม็ด)
-
ราคาปกติ : 159 บาท
วิตามินดูแลดวงตา เหมาะกับใคร
-
คนที่ใช้คอมพิวเตอร์และสมาร์ตโฟนติดต่อกันหลายชั่วโมง
-
คนที่มีปัญหาตาแห้ง แสบตา ระคายเคืองตาเป็นประจำ
-
คนที่มีอาการตาล้า ตาพร่ามัว มองเห็นไม่ชัด หรือสู้แสงไม่ค่อยได้
-
คนที่ทำเลสิกหรือผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์
-
คนที่ต้องทำงานหรือทำกิจกรรมกลางแจ้ง เจอทั้งแสงแดด ฝุ่นละออง และฝุ่น PM2.5 เป็นประจำ
-
คนที่ทำงานในสถานที่ที่มีแสงจ้า หรือต้องเจอแสงแฟลช แสงไฟ เป็นเวลานาน
วิธีเลือกซื้อวิตามินดูแลดวงตา

- พิจารณาชนิดของวิตามินที่เป็นส่วนผสม โดยบางยี่ห้ออาจใส่วิตามินมาเพียง 1-2 ชนิด แต่บางยี่ห้อมีวิตามินหลายชนิดก็จะรวมสารอาหารที่หลากหลายไว้มากกว่า
- เลือกวิตามินให้ตรงกับปัญหาดวงตา เช่น หากมีอาการตาแห้งควรเลือกวิตามินที่มีส่วนผสมของน้ำมันปลา บิลเบอร์รี มากิเบอร์รี ซึ่งช่วยกระตุ้นการสร้างน้ำตา เพิ่มความชุ่มชื้นในดวงตา หรือคนที่จ้องหน้าจอทั้งวันก็ควรเลือกวิตามินที่มีส่วนผสมของลูทีนและซีแซนทิน ที่ช่วยดูดซับแสงสีฟ้า เป็นต้น
- เลือกจากรูปแบบของเม็ดยาที่สะดวกในการรับประทาน เช่น บางคนชอบแบบเม็ดกลม แบบเม็ดรี แบบแคปซูล แบบเม็ดฟู่ แบบซอฟต์เจล ซึ่งถ้าเป็นแบบซอฟต์เจลก็จะกลืนง่ายและดูดซึมได้ดีกว่าเม็ดแข็ง
- เลือกยี่ห้อที่มีฉลากผลิตภัณฑ์ให้ข้อมูลทั้งส่วนผสม ปริมาณสารอาหารแต่ละชนิด วิธีและขนาดที่ควรรับประทาน และวันเดือนปีที่ผลิตและหมดอายุ
- เลือกผลิตภัณฑ์ที่ได้รับมาตรฐาน จากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.)
- ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ประจำตัวทุกครั้ง หากอยากรับประทานวิตามินเสริม
ข้อควรระวังในการรับประทาน
- วิตามินดูแลดวงตาเป็นเพียงผลิตภัณฑ์เสริมอาหาร ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค
- ควรเก็บให้พ้นแสงแดด เพราะอาจทำให้วิตามินเสื่อมคุณภาพ
- ไม่ควรรับประทานวิตามินเสริมเกินขนาดที่ฉลากกำหนด เนื่องจากอาจมีผลข้างเคียง
- ควรอ่านส่วนผสมของฉลากอย่างละเอียด เพื่อหลีกเลี่ยงส่วนผสมที่ก่อให้เกิดอาการแพ้
- เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทาน
- ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัว และผู้สูงอายุ ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนรับประทาน
- ควรกินอาหารหลากหลายครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
บทความที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพดวงตา
- 10 วิตามินบำรุงดวงตา ตาพร่า ตามัว ดูแลด้วยอาหารใกล้ตัวตามนี้ !
- 10 ซูเปอร์ฟู้ดบำรุงดวงตา คนติดหน้าจอ ติดโซเชียล กินให้ไว
- 15 ผักบำรุงดวงตา หาง่ายใกล้ตัว ไม่อยากสายตาพร่ามัวต้องรีบกิน !
- อาการตาพร่ามัว สาเหตุเกิดจากอะไร ปัญหาสายตาที่ต้องใส่ใจและควรรู้วิธีแก้
- ขยี้ตาบ่อย ๆ ไม่ใช่แค่ดูแก่กว่าวัย แต่ยังพ่วงผลร้ายต่อสุขภาพอีกเพียบ !