โรคหัด ผู้ใหญ่ก็ป่วยได้ เช็กอาการเป็นยังไง กี่วันหาย ผื่นมีลักษณะแบบไหน

           โรคหัดในผู้ใหญ่ก็เป็นได้ ไม่ใช่แค่เด็ก ลองมาสังเกตอาการผื่นที่เกิดขึ้น พร้อมศึกษาวิธีรักษาและป้องกัน
โรคหัดในผู้ใหญ่ อาการเป็นยังไง

           โรคหัด หรือไข้ออกผื่น เป็นหนึ่งในโรคติดต่อ ที่เราได้ยินชื่อกันบ่อย ๆ จนฟังดูแล้วเหมือนไม่น่ากลัว แต่ทราบไหมว่า โรคนี้ติดต่อกันง่ายมาก และปัจจุบันยังพบผู้ป่วยโรคหัดทั่วโลกเสียชีวิตถึงปีละนับแสนรายทั้งเด็กและผู้ใหญ่ ดังนั้น หากได้ยินข่าวโรคหัดระบาดที่ใด แล้วเรากำลังจะเดินทางไปบริเวณนั้นหรือประเทศนั้นพอดี ก็ควรศึกษาถึงอาการและวิธีป้องกันไว้เซฟตัวเอง

โรคหัด คืออะไร

           โรคหัด ภาษาอังกฤษคือ Measles เป็นโรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจที่พบได้ทั้งเด็กและผู้ใหญ่ แต่ส่วนใหญ่มักเกิดในเด็กเล็ก ถือเป็นโรคติดต่อจากคนสู่คน แม้จะระบาดมากในหน้าหนาว แต่จริง ๆ แล้วพบผู้ป่วยโรคหัดได้ทุกฤดูกาล

โรคหัด เกิดจากสาเหตุอะไร

           โรคหัด เกิดจากเชื้อไวรัสในกลุ่ม Measles Virus ในตระกูลพารามิกโซไวรัส (Paramyxovirus) ซึ่งเป็น RNA ไวรัส โดยเชื้อตัวนี้จะอยู่ในน้ำมูก น้ำลาย และเสมหะของผู้ป่วย

โรคหัด ติดต่อได้ทางไหน

โรคหัดติดต่อยังไง

          โรคหัด ติดต่อกันผ่านทางอากาศ เช่น การไอ จาม หรือแม้แต่การพูดคุยในระยะใกล้ชิด รวมทั้งการสัมผัสละอองน้ำลาย น้ำมูก เสมหะของผู้ป่วยโรคหัดโดยตรง เนื่องจากไวรัสที่อาศัยอยู่ในลำคอของผู้ป่วยยังสามารถแพร่เชื้อไปสู่คนอื่นได้นานถึง 4 วัน หลังมีอาการผื่นขึ้น ทำให้ผู้ป่วยอาจไม่ทราบว่าตัวเองมีเชื้อโรคหัดอยู่ในตัว เลยไม่ได้ระวังในการพูดคุย ไอ จาม

          ที่สำคัญก็คือ ไวรัสที่ลอยออกมาสามารถอยู่ในอากาศได้นานถึง 2 ชั่วโมง ทำให้ติดต่อกันง่ายมาก หากอยู่ในพื้นที่ปิดหรืออยู่ในบ้านเดียวกัน มีโอกาสติดเชื้อได้มากถึง 90% สูงกว่าไข้หวัดใหญ่ที่มีอัตราการติดต่ออยู่ที่ 15-30%

โรคหัด ระยะฟักตัวกี่วัน

           หากเรารับเชื้อโรคหัดมาจากผู้ป่วยแล้ว เชื้อไวรัสจะเข้ามาทางระบบทางเดินหายใจก่อนแพร่กระจายไปทั่วร่างกาย โดยมีระยะฟักตัวประมาณ 8-14 วัน ก่อนมีผื่นขึ้น

โรคหัด อาการเป็นยังไง
ผื่นลักษณะแบบไหน

ผื่นออกหัด

           โรคหัดในผู้ใหญ่และเด็ก จะมีอาการเกิดขึ้นภายใน 14 วัน หลังจากได้รับเชื้อไวรัส แบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

ระยะเริ่มต้น หรือช่วงเป็นไข้

           มีอาการคล้ายไข้หวัด คือ ตัวร้อน มีไข้สูงอาจถึง 40 องศาเซลเซียส ไอแห้ง ไอบ่อย เจ็บคอ มีอาการตาแดง ตาแฉะ แสบตาเวลาโดนแสง พบจุดขาว ๆ บนพื้นแดงบริเวณกลางกระพุ้งแก้ม เรียกว่า ตุ่มคอพลิค (Koplik Spots) โดยอาการเหล่านี้จะเป็นอยู่ประมาณ 2-4 วัน

ระยะออกผื่นหัด

          หลังจากมีอาการไข้ 2-4 วัน จะเกิดผื่นขึ้นบริเวณศีรษะ หน้าผาก ไรผม ตีนผม จากนั้นจะลามไปตามใบหน้า ลำคอ แขน ขา มือ เท้า ภายใน 72 ชั่วโมง ลักษณะเป็นจุดแดง ๆ ที่มารวมตัวกัน บางคนมีต่อมน้ำเหลืองโตร่วมด้วย เมื่อผื่นใกล้หายจะเปลี่ยนเป็นสีคล้ำ ๆ ออกน้ำตาลแดง โดยอาการผื่นคันจะปรากฏอยู่ประมาณ 3-5 วัน แล้วจะค่อย ๆ หายไปเองภายใน 7-10 วัน แต่อาการไออาจอยู่ได้นานถึง 2 สัปดาห์

ออกหัดรักษายังไง

ออกหัดรักษายังไง

          เนื่องจากยังไม่มียารักษาโรคหัดโดยตรง จึงใช้วิธีรักษาตามอาการทั้งเด็กและผู้ใหญ่ เช่น เช็ดตัวลดไข้ ให้ยาลดไข้ ยาแก้ไอขับเสมหะ ดื่มน้ำมาก ๆ นอนพักผ่อนให้เพียงพอ นอกจากนี้แพทย์อาจให้วิตามินเอเสริมกับผู้ป่วยด้วย โดยทั่วไปอาการจะดีขึ้นภายใน 2 สัปดาห์

          ในกรณีที่มีอาการท้องเสียเป็นภาวะแทรกซ้อน สามารถรับประทานน้ำเกลือแร่โออาร์เอส เพื่อบรรเทาอาการได้

          อย่างไรก็ตาม การรักษาโรคนี้โดยปกติไม่จำเป็นต้องใช้ยาปฏิชีวนะแต่อย่างใด เพราะเป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัส ไม่ใช่โรคที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย ยกเว้นว่ามีภาวะแทรกซ้อนบางอย่างที่แพทย์อาจต้องสั่งจ่ายยาปฏิชีวนะ

โรคหัด กี่วันหาย

           หากไม่มีโรคแทรกซ้อนใด ๆ โรคจะหายได้ภายใน 10-14 วัน นับจากวันแรกที่มีอาการ แต่สำหรับคนที่มีโรคแทรกซ้อนต้องใช้ระยะเวลารักษาตัวนานกว่านั้น

โรคหัด อันตรายไหม

ออกหัดรักษายังไง กี่วันหาย

          โรคหัด ค่อนข้างเป็นอันตรายต่อเด็กเล็ก อายุ 0-3 ขวบ ที่ยังไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรค และเด็กที่ขาดสารอาหาร เพราะมีโอกาสเกิดภาวะแทรกซ้อนรุนแรงที่ส่งผลให้เสียชีวิตได้ โดยอัตราการเสียชีวิตทั่วโลกส่วนใหญ่จะอยู่ในกลุ่มนี้

          สำหรับโรคหัดในผู้ใหญ่ หากเคยฉีดวัคซีนป้องกันโรคหัด มีภูมิคุ้มกันที่แข็งแรง มักหายจากโรคได้เอง แต่ถ้าเป็นผู้ที่มีภูมิคุ้มกันอ่อนแอ เช่น ผู้สูงอายุ ผู้ที่ขาดสารอาหาร คนที่ป่วยด้วยโรคระบบภูมิคุ้มกันบกพร่อง จะมีโอกาสเกิดโรคแทรกซ้อนได้สูงกว่าคนทั่วไป

          ส่วนผู้หญิงที่ตั้งครรภ์ หากไม่เคยฉีดวัคซีนโรคหัดมาก่อน จะมีโอกาสเสี่ยงต่อการแท้งบุตร หรือคลอดก่อนกำหนด คือก่อนสัปดาห์ที่ 37 ของอายุครรภ์ ซึ่งทารกที่คลอดออกมาจะมีน้ำหนักตัวน้อย

โรคหัด ภาวะแทรกซ้อนมีอะไรบ้าง

          ภาวะแทรกซ้อนของโรคหัดพบได้ประมาณ 30% โดยอาการที่มักพบได้ก็อย่างเช่น

  • ท้องเสีย อาเจียน ทำให้ขาดน้ำ เป็นภาวะที่พบได้บ่อยที่สุด

  • ตาแดง ตาแฉะ

  • ปอดบวม หลอดลมอักเสบ โรคปอดอักเสบติดเชื้อ

  • หูชั้นกลางอักเสบ ทำให้ปวดหู

  • กล่องเสียงอักเสบ

  • สมองอักเสบ 

  • การติดเชื้อแบคทีเรียแทรกซ้อน

          นอกจากนี้ยังมีอาการแทรกซ้อนอื่น ๆ ที่พบได้บ้างแต่ไม่บ่อยนัก เช่น สมองอักเสบ ไวรัสตับอักเสบ ตาเหล่ เป็นต้น

วิธีดูแลตัวเองเมื่อป่วยโรคหัด

  1. พักผ่อนอยู่ในบ้าน ไม่ควรออกไปที่สาธารณะ หยุดเรียน หยุดงาน เป็นเวลาอย่างน้อย  4 วัน หลังจากผื่นเริ่มปรากฏ 

  2. แยกตัวเองออกจากคนในบ้าน หลีกเลี่ยงอยู่ใกล้เด็ก ผู้สูงอายุ หรือผู้ใหญ่ที่ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ หรือไม่เคยได้รับวัคซีนโรคหัด

  3. รับประทานยารักษาตามที่แพทย์สั่ง

  4. รับประทานอาหารอ่อน ย่อยง่าย

  5. หากมีอาการหนักขึ้น เช่น ไข้สูง ไอมาก เสมหะเริ่มเปลี่ยนเป็นสีเหลืองเขียว หรือหายใจเหนื่อยหอบ ซึม ชัก ควรรีบมาพบแพทย์

โรคหัด ป้องกันอย่างไร มีวัคซีนไหม

วัคซีนโรคหัด

          โรคหัดป้องกันได้ด้วยการฉีดวัคซีน Measles-Mumps-Rubella Vaccine (MMR) ซึ่งรวมมากับวัคซีนโรคคางทูมและหัดเยอรมันในเข็มเดียว ป้องกันได้ 3 โรค โดยกระทรวงสาธารณสุขกำหนดให้ฉีดวัคซีน 2 เข็มกับเด็ก ดังนี้

  • เข็มที่ 1 ฉีดตอนอายุ 9-12 เดือน
  • เข็มที่ 2 ฉีดตอนอายุ 2 ขวบครึ่ง

          สำหรับเด็กโตและผู้ใหญ่ที่ยังไม่เคยฉีดวัคซีนชนิดนี้สามารถฉีดได้ 2 เข็ม โดยแต่ละเข็มต้องห่างกันอย่างน้อย 28 วัน

ใครไม่สามารถฉีดวัคซีนโรคหัดได้

  • หญิงตั้งครรภ์ ดังนั้น หากผู้หญิงฉีดวัคซีนชนิดนี้แล้วควรต้องคุมกำเนิดอย่างน้อย 28 วัน หลังได้รับวัคซีน

  • ผู้ที่ป่วยเป็นวัณโรค ลูคีเมีย และมะเร็งชนิดอื่น ๆ แล้วยังไม่ได้รับการรักษา

  • ผู้ที่มีประวัติแพ้เจลาตินหรือกลุ่มยาปฏิชีวนะนีโอมัยซิน (Neomycin) อย่างรุนแรง

  • ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอหรือบกพร่อง เช่น ผู้ที่รับยาต้านมะเร็งเม็ดเลือดขาว และผู้ที่รับยาสเตียรอยด์ ควรปรึกษาแพทย์ก่อนฉีดวัคซีน

  • ผู้ที่เคยแพ้วัคซีนรุนแรง (Anaphylaxis)

           แม้ว่าอาการป่วยโรคหัดจะหายไปได้เอง สำหรับคนที่ร่างกายแข็งแรง ภูมิคุ้มกันทำงานได้ดี แต่ถึงกระนั้นก็คงไม่มีใครอยากป่วย เพราะเมื่อป่วยแล้วต้องพักอยู่บ้านหลายวันเพื่อไม่ให้เชื้อแพร่สู่คนอื่น ดังนั้น สิ่งสำคัญก็คือการป้องกันตัวเองด้วยสุขอนามัยที่ดี เช่น สวมหน้ากากอนามัย ล้างมือเป็นประจำ ฉีดวัคซีนป้องกัน ไม่พาเด็กเล็กที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนไปยังที่พลุกพล่าน ก็จะช่วยเป็นเกราะกำบังโรคติดต่อได้ในระดับหนึ่ง

บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคติดต่อ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
โรคหัด ผู้ใหญ่ก็ป่วยได้ เช็กอาการเป็นยังไง กี่วันหาย ผื่นมีลักษณะแบบไหน อัปเดตล่าสุด 19 มีนาคม 2567 เวลา 17:45:27 31,585 อ่าน
TOP
x close