ทำ IF 16/8 เสี่ยงเสียชีวิต
ด้วยโรคหัวใจเพิ่มขึ้นจริงไหม
สมาคมโรคหัวใจแห่งสหรัฐอเมริกา ได้เผยแพร่ข้อมูลดังกล่าวผ่านเว็บไซต์ของสมาคม เมื่อวันที่ 18 มีนาคม 2024 โดยสรุปประเด็นสำคัญได้ดังนี้
-
ข้อมูลดังกล่าวเป็นการรวบรวมข้อมูลจากแบบสอบถามที่เก็บไว้ระหว่างปี 2003-2018 ในกลุ่มตัวอย่างชาวอเมริกัน 20,000 คน โดยมีอายุเฉลี่ย 49 ปี และส่วนใหญ่เป็นผู้ที่มีค่าดัชนีมวลกาย (BMI) อยู่ระหว่าง 28-29 รวมถึงเป็นคนที่ดื่มเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
-
ผู้ที่ทำ IF สูตร 16/8 หรือกินอาหารในช่วงเวลา 8 ชั่วโมง และอดอาหารในช่วงเวลา 16 ชั่วโมง มีความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจเพิ่มสูงขึ้น 91% โดยเฉพาะในคนที่ป่วยเป็นโรคหัวใจหรือโรคมะเร็ง
-
คนที่เป็นโรคหัวใจและทำ IF โดยรับประทานอาหาร 8-10 ชั่วโมงต่อวัน มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตด้วยโรคหัวใจหรือโรคหลอดเลือดสมองเพิ่มขึ้น 66%
-
การทำ IF หรือรับประทานอาหารที่จำกัดเวลาเช่นนี้ ไม่ได้ช่วยลดความเสี่ยงของการเสียชีวิตทุกกรณี
-
กลุ่มผู้ป่วยมะเร็งที่รับประทานอาหารมากกว่า 16 ชั่วโมงต่อวัน มีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงที่ลดลงของการเสียชีวิตด้วยโรคมะเร็ง
-
แม้การทำ IF ด้วยกินอาหารน้อยกว่า 8 ชั่วโมงต่อวันจะมีความสัมพันธ์กับความเสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากโรคหลอดเลือดหัวใจ แต่ไม่ได้สะท้อนว่าการทำ IF เป็นสาเหตุของการเสียชีวิตจากโรคนี้
ขณะที่ ศ. นพ.มานพ พิทักษ์ภากร หัวหน้าศูนย์วิจัยการแพทย์แม่นยำ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ได้ทวีตข้อความแสดงความคิดเห็นถึงงานวิจัยฉบับนี้ผ่านบัญชี @manopsi บนแพลตฟอร์ม X โดยวิเคราะห์ข้อมูลที่น่าสนใจไว้ดังนี้
1. การศึกษานี้เก็บข้อมูลจาก NHANES ซึ่งเป็น dataset ขนาดใหญ่และใช้กันมานาน ข้อมูลจาก dataset นี้ใช้ตอบคำถามวิจัยมากมายมายาวนาน ทีมเก็บข้อมูลและวิเคราะห์มีประสบการณ์และฝีมือดี
2. ข้อมูลนี้มีจุดด้อยคือเป็นการสำรวจวิธีการทำ IF 16:8 แบบ self assessment ด้วย questionnaire ของปีแรกที่เก็บข้อมูล ไม่สามารถยืนยันว่าทุกคนทำ IF 16:8 สูตรนี้สม่ำเสมอหรือไม่
3. จุดแข็งของการศึกษานี้คือ dataset ขนาดใหญ่เกือบ 2 หมื่นคน และตามข้อมูลนานเฉลี่ย 8 ปี และตามนานสุดถึง 17 ปี ในขณะที่ผลดีรายงานก่อนหน้านี้ล้วนเป็นผลระยะสั้น ไม่เคยมีข้อมูลยาวขนาดนี้
4. ข้อสังเกตอีกอันคืออายุเฉลี่ย 49 ปี (วัยกลางคน)
5. มีข้อมูลกลุ่มที่อดอาหารน้อยกว่านี้ด้วย คือมีระยะเวลากิน 8-10 ชั่วโมง และมีโรคหัวใจร่วมด้วย พบว่าเสี่ยงเสียชีวิตเพิ่ม 66% ตรงกันข้ามในคนไข้มะเร็ง การไม่ทำ IF อัตราตายก็น้อยกว่า สอดคล้องกับข้อมูลข้างต้นไปในทางเดียวกันหมด
6. ภาพรวมการทำ IF ไม่ช่วยลดความเสี่ยงต่อการเสียชีวิต
7. การศึกษานี้เป็นระบาดวิทยา พบว่ามันสัมพันธ์กันแบบนี้จริง แต่การจะหาคำอธิบายหรือกลไกก็ต้องศึกษาใหม่ เก็บข้อมูลและวิเคราะห์แบบอื่น
ดังนั้น โดยสรุป ขอให้ aware ในข้อมูล และระมัดระวังในกลุ่มวัยกลางคนขึ้นไปและมีโรคร่วม อย่าไปเหมาหมดว่า IF แย่ และอย่าไปอวยแบบเหมาเช่นกันว่าดีเลิศ พิจารณากันรายคน
ทำ IF 16/8 ไม่เหมาะกับคนกลุ่มไหน
อย่างที่ทราบว่า การลดน้ำหนักแบบ IF คือการจำกัดเวลารับประทานอาหาร แน่นอนว่าย่อมไม่เหมาะกับทุกคน โดยเฉพาะคนกลุ่มนี้ที่ไม่จำเป็นต้องรอดูผลการศึกษาข้างต้น แต่ควรหลีกเลี่ยงการทำ IF เพื่อความปลอดภัยจะดีกว่า
-
ผู้เป็นโรคกระเพาะอาหาร
-
ผู้ป่วยโรคลำไส้แปรปรวน
-
ผู้ป่วยที่เข้ารับผ่าตัดกระเพาะอาหารหรือทางเดินอาหารอื่น ๆ มาก่อน
-
ผู้ป่วยเบาหวาน
-
หญิงตั้งครรภ์หรือให้นมบุตร
-
เด็กและวัยรุ่น
-
ผู้สูงอายุ
-
ผู้ที่มีร่างกายไม่แข็งแรง สุขภาพไม่สมบูรณ์
-
ผู้ป่วยโรคภูมิคุ้มกันบกพร่อง (Immunodeficiencies)
-
ผู้ที่มีหรือเคยมีภาวะกินผิดปกติ (Eating disorders)
-
ผู้ป่วยโรคสมองเสื่อม
-
ผู้ที่ได้รับบาดเจ็บทางสมองมาก่อน หรือคนที่สมองได้รับการกระทบกระเทือน
-
ผู้มีโรคประจำตัว หรือคนที่กินยาเป็นประจำ
ลดน้ำหนักแบบ IF อันตรายต่อสุขภาพไหม ใครไม่เหมาะใช้วิธีนี้บ้าง