Water Fasting คืออะไร
Water Fasting คือ การอดอาหารโดยไม่กินอะไรเลย นอกจากการดื่มน้ำเพียงอย่างเดียวตลอดระยะเวลาที่กำหนด ซึ่งส่วนใหญ่จะกำหนดไว้ที่ 24-72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน เพราะหากอดอาหารนานกว่านี้จะทำให้ร่างกายขาดสารอาหาร และส่งผลต่อสุขภาพด้านอื่น ๆ ได้
อย่างไรก็ตาม การทำ Water Fasting ไม่ใช่เทรนด์ใหม่ แต่เป็นวิธีอดอาหารที่เคยปฏิบัติมาตั้งแต่โบราณ ด้วยเหตุผลทางด้านศาสนาและจิตวิญญาณ ทว่าในช่วงไม่กี่ปีที่ผ่านมา ผู้คนเริ่มหันมาทำ Water Fasting เพื่อหวังลดน้ำหนักและส่งเสริมสุขภาพโดยรวม เพราะเชื่อว่าการอดอาหารเป็นการกระตุ้นกลไกการกินตัวเองของเซลล์ (Autophagy) ซึ่งเป็นกระบวนการฟื้นฟูร่างกายทางธรรมชาติ และมีการศึกษาที่ระบุว่า กลไกนี้จะช่วยซ่อมแซมและสร้างเซลล์ใหม่ อีกทั้งช่วยลดโอกาสในการเกิดโรคบางอย่างได้ เช่น โรคพาร์กินสัน โรคสมองเสื่อม
Water Fasting กินอะไรได้บ้าง
Water Fasting
ช่วยลดน้ำหนักได้จริงไหม
วิธีทำ Water Fasting
ก่อนทำ Water Fasting
-
ปรึกษาแพทย์ก่อนเริ่มต้นการอดอาหารด้วยวิธีใด ๆ ก็ตาม
-
กำหนดระยะเวลาที่เหมาะสม โดยอาจเริ่มต้นอดอาหารเป็นระยะเวลาสั้น ๆ เช่น 12-16 ชั่วโมง และค่อย ๆ เพิ่มระยะเวลาหากสามารถทนได้ แต่ไม่ควรเกิน 72 ชั่วโมง หรือ 3 วัน
-
เลือกทำ Water Fasting ในวันหยุด ที่ไม่ได้ทำงานหนัก
-
เลือกช่วงที่สุขภาพร่างกายแข็งแรง ไม่มีอาการเจ็บป่วย
-
รับประทานอาหารให้ครบหมู่และเพียงพอก่อนทำ Water Fasting
ระหว่างทำ Water Fasting
-
ดื่มน้ำให้เพียงพอตลอดการอดอาหาร อย่างน้อยวันละ 2-4 ลิตร โดยใช้วิธีจิบน้ำเรื่อย ๆ ตลอดทั้งวัน ไม่ดื่มรวดเดียว เพราะเสี่ยงต่อภาวะน้ำเป็นพิษจากการดื่มน้ำในปริมาณมากเกินไป
-
เน้นการออกกำลังกายแบบเบา ๆ หรือออกกำลังที่ต้องใช้สมาธิ เช่น โยคะ แต่ไม่ควรออกกำลังกายอย่างหักโหม เพราะจะยิ่งหิวมากกว่าเดิม
-
ขณะทำ Water Fasting อาจเกิดอาการปวดหัว เวียนหัว เหนื่อยล้า มึนงง ไม่สบายตัว ให้สังเกตตัวเองอยู่เสมอ ถ้ามีอาการรุนแรงควรหยุดทันที อย่าฝืนต่อ
-
ไม่ควรขับรถ หรือทำงานที่ต้องใช้เครื่องจักร ขณะทำ Water Fasting เพราะหากมีอาการเวียนหัว วูบ อ่อนเพลีย อาจเป็นอันตรายต่อชีวิต
หลังทำ Water Fasting
-
เมื่อจบกระบวนการอดอาหารแล้วให้กลับมารับประทานอาหารทีละน้อย เพื่อให้ร่างกายปรับตัวได้ โดยกินน้ำผัก น้ำผลไม้ และเลือกอาหารที่ย่อยง่าย ๆ เช่น ข้าวต้ม ซุป เนื้อปลา เนื้อไก่ ธัญพืช เป็นต้น
-
อาจแบ่งรับประทานเป็นมื้อเล็ก ๆ 5 มื้อต่อวัน คือ อาหารเช้า อาหารว่าง อาหารกลางวัน อาหารว่าง และอาหารเย็น
-
หลีกเลี่ยงการรับประทานอาหารแปรรูป เช่น ไส้กรอก แฮม อาหารที่มีน้ำตาลสูง
-
ไม่ควรรับประทานอาหารมื้อใหญ่ทันที เพราะเสี่ยงต่อภาวะ Refeeding syndrome ที่ร่างกายจะแย่งกันดูดซึมสารอาหาร จนทำให้เกลือแร่ในเลือดลดต่ำลง อาจมีภาวะสมดุลน้ำและโซเดียมผิดปกติ จนส่งผลต่อทั้งระบบสมอง ประสาท กล้ามเนื้อ
ข้อดีของการทำ Water Fasting
-
ช่วยลดน้ำหนักได้อย่างรวดเร็ว เนื่องจากเป็นการลดปริมาณแคลอรีที่เข้าสู่ร่างกาย อีกทั้งช่วยลดไขมันและไตรกลีเซอไรด์ได้
-
เพิ่มความไวต่ออินซูลินและเลปตินที่ตอบสนองต่อเซลล์ในร่างกาย โดยหากร่างกายไวต่ออินซูลินมากขึ้นจะส่งผลดีต่อการควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด ส่วนร่างกายที่ไวต่อเลปตินนั้นจะทำให้ประมวลสัญญาณความหิวและความอิ่มได้ดีขึ้น ช่วยยับยั้งความอยากอาหาร ไม่หิวตลอดเวลา
-
ช่วยขจัดสารพิษต่าง ๆ ที่ตกค้างในร่างกาย
-
ลดการอักเสบในร่างกาย
-
กระตุ้นให้เกิดการกินตัวเองของเซลล์ (Autophagy) ที่ช่วยให้ร่างกายกำจัดเซลล์ที่เสียหาย และสร้างเซลล์ใหม่มาทดแทนตามธรรมชาติ โดยมีการศึกษาในสัตว์ทดลองหลายชิ้นที่พบว่า การกินตัวเองของเซลล์อาจช่วยป้องกันโรคต่าง ๆ เช่น มะเร็ง อัลไซเมอร์ โรคหัวใจ เป็นต้น อย่างไรก็ตาม ยังต้องมีการศึกษาเพิ่มเติมในมนุษย์
-
อาจช่วยลดความดันโลหิต โดยมีการศึกษาพบว่า การอดน้ำสามารถช่วยลดระดับความดันโลหิตและน้ำหนักตัวของผู้มีความดันโลหิตสูงได้อย่างมีนัยสำคัญ แต่ก็ต้องมีการวิจัยเพิ่มเติมต่อไป
-
อาจช่วยลดความเสี่ยงของโรคเรื้อรังบางชนิด เช่น โรคเบาหวาน โรคมะเร็ง โรคหัวใจ แต่ยังเป็นเพียงการศึกษาในสัตว์ทดลองเท่านั้น
อันตรายจาก Water Fasting
ระบบย่อยอาหารมีปัญหา
แม้การอดอาหารจะช่วยลดน้ำหนักได้ แต่ก็เป็นเพียงช่วงสั้น ๆ หากเรากลับมารับประทานอาหารแบบเดิม โดยไม่คุมอาหาร ไม่ออกกำลังกายเลย ก็มีโอกาสที่จะกลับมาอ้วนอีก
Water Fasting ไม่เหมาะกับใคร
คนที่ไม่ควรอดอาหารด้วยวิธี Water Fasting มีอยู่หลายกลุ่ม อาทิ
-
เด็กและวัยรุ่นที่มีอายุต่ำกว่า 18 ปี
-
ผู้สูงอายุ
-
หญิงตั้งครรภ์ หรือหญิงให้นมบุตร
-
ผู้ที่มีน้ำหนักตัวต่ำกว่าเกณฑ์มาตรฐาน
-
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับหัวใจ
-
ผู้ที่เป็นโรคเบาหวาน
-
ผู้ป่วยโรคเกาต์
-
ผู้ที่มีภาวะความดันโลหิตต่ำ
-
ผู้ที่มีความผิดปกติของการรับประทาน
-
ผู้ที่มีอาการปวดไมเกรนที่ควบคุมไม่ได้
-
ผู้ที่กำลังรับการถ่ายเลือด
-
ผู้ที่กำลังรับประทานยา
-
ผู้ที่มีโรคประจำตัวอื่น ๆ
บทความที่เกี่ยวข้องกับวิธีลดน้ำหนัก
- เข้าใจภาวะ Refeeding syndrome อดอาหารมานาน แต่ยังรีบกินไม่ได้ !
- อดอาหารได้มากสุดกี่วัน ร่างกายอดข้าว-ขาดน้ำได้นานแค่ไหนถึงเป็นอันตรายต่อชีวิต
- ทำ IF 16/8 เสี่ยงเสียชีวิตจากโรคหัวใจเพิ่มขึ้น 91% ลดน้ำหนักด้วยวิธีนี้อันตรายจริงไหม
- วิธีลดน้ำหนักคีโตวีแกน Keto Vegan Diet ดีไหม กินอะไรได้-ไม่ได้บ้าง
- Carnivore Diet คืออะไร กินเนื้อลดน้ำหนัก ผอมเร็วจริงไหม
- ลดน้ำหนักแบบคีโต ต้องกินยังไง ให้ลดความอ้วนได้จริง