งาดำ งาขาว ประโยชน์ต่างกันอย่างไร แคลเซียมในงาชนิดไหนเยอะกว่ากัน !

          งาดำ กับ งาขาว ธัญพืชเมล็ดเล็กที่ให้คุณประโยชน์มหาศาล แต่หลายคนอาจยังไม่รู้ว่า เขามีความต่างกันอยู่ไม่น้อย โดยเฉพาะสารอาหารบางอย่าง รวมไปถึงสารต้านอนุมูลอิสระ
งาขาว งาดำ

          ธัญพืชเพื่อสุขภาพที่เราคุ้นเคยกันมานานอย่าง งาดำ และงาขาว นอกจากคุณค่าทางโภชนาการที่มีความต่างกันอยู่เล็กน้อยแล้ว แม้แต่รูปลักษณ์ รสชาติ ก็ให้ฟีลลิ่งที่ไม่เหมือนกัน รวมไปถึงปริมาณแคลเซียมที่หลายคนข้องใจว่างาดำหรืองาขาวที่มีมากกว่า และวันนี้เราจะพาไปเจาะลึกความต่างของงาทั้งสองชนิด ว่าคู่ไหนจะตอบโจทย์สุขภาพที่คุณต้องการได้มากที่สุด

งาดำ ธัญพืชสีเข้ม 
กับสารต้านอนุมูลอิสระสุดเด่น

งาดำ ประโยชน์

          งาดำ มีลักษณะเด่นที่เห็นได้ชัดคือ เมล็ดเล็กสีดำมันวาว มีเปลือกหุ้ม ซึ่งเป็นแหล่งของสารอาหารและเม็ดสีเข้มข้น สามารถกินได้ทั้งเมล็ดโดยไม่ต้องกะเทาะเปลือกออกก่อน มีกลิ่นหอมเฉพาะตัวโดยเฉพาะหากเอาไปคั่ว ส่วนรสชาติก็หอมมัน เข้มข้น ผสมรสขมเล็กน้อย เพราะมีน้ำมันเป็นองค์ประกอบหลัก พร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการเด่น ๆ ดังนี้

งาดำ กับคุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 594 กิโลแคลอรี

  • โปรตีน 20.6 กรัม

  • ไขมัน 51.9 กรัม 

  • คาร์โบไฮเดรต 3.2 กรัม

  • ไฟเบอร์ 15.7 กรัม

  • น้ำ 2.2 กรัม

  • แคลเซียม 1,469 มิลลิกรัม

  • ฟอสฟอรัส 688 มิลลิกรัม

  • ธาตุเหล็ก 9.9 มิลลิกรัม

  • ไอโอดีน 22 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี 1 0.75 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี 2 0.27 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี 3 3.80 มิลลิกรัม

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง เช่น เซซามิน เซซาโมลิน เซซามอล ซึ่งมีส่วนช่วยบำรุงผิวพรรณและเส้นผม ช่วยเสริมสร้างภูมิคุ้มกันให้กับผิว ตับ สมอง และหัวใจ นอกจากนี้ยังมีแอนโทไซยานินที่มีฤทธิ์ต่อต้านการอักเสบ

  • มีไฟโตสเตอรอลที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือด

          ทั้งนี้ งาดำจัดเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง จึงควรบริโภคงาดำในปริมาณที่เหมาะสม คือไม่เกิน 1 ช้อนโต๊ะ หรือราว ๆ 15 กรัมต่อวัน
 

11 ประโยชน์ของงาดำ คุณค่าล้นเมล็ด ซูเปอร์ฟู้ดเพื่อสุขภาพ

งาขาว ดาวเด่นในวงการธัญพืช

งาขาว สรรพคุณ

          งาขาวมีเมล็ดสีขาวหรือครีมอ่อน เปลือกมีสีน้ำตาลหรือสีดำ แต่ส่วนใหญ่จะถูกกะเทาะเปลือกออกก่อนกิน เพื่อให้ได้งาสีขาวนวลเนียนขึ้น โดยตัวงาขาวจะให้กลิ่นหอมเบากว่างาดำ ส่วนรสชาติก็ออกหอมมันพอประมาณ มีส่วนประกอบของน้ำมัน และเป็นธัญพืชที่ให้พลังงานสูงราว ๆ 697 กิโลแคลอรี ต่อปริมาณ 100 กรัม พร้อมด้วยคุณค่าทางโภชนาการเด่น ๆ ดังนี้

งาขาว กับคุณค่าทางโภชนาการต่อ 100 กรัม

  • พลังงาน 697 กิโลแคลอรี

  • โปรตีน 26.1 กรัม

  • ไขมัน 64.2 กรัม 

  • คาร์โบไฮเดรต 3.6 กรัม

  • ไฟเบอร์ 4.1 กรัม

  • น้ำ 3 กรัม

  • แคลเซียม 90 มิลลิกรัม

  • ธาตุเหล็ก 13 มิลลิกรัม

  • เบต้าแคโรทีน 4 ไมโครกรัม

  • วิตามินบี 1 0.83 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี 2 1.54 มิลลิกรัม

  • วิตามินบี 3 5 มิลลิกรัม

  • มีสารต้านอนุมูลอิสระ เช่น เซซามิน เซซาโมลิน เซซามอล ในปริมาณที่สูงเช่นเดียวกับงาดำ  

  • มีไฟโตสเตอรอลที่ช่วยลดคอเลสเตอรอลในเลือดเช่นเดียวกับงาดำ

          ทั้งนี้ งาขาวก็มีสัดส่วนของน้ำมันค่อนข้างเยอะเหมือนกัน ดังนั้น การบริโภคงาขาวจึงควรจำกัดให้ไม่เกินวันละ 1 ช้อนโต๊ะ หรือราว ๆ 15 กรัม ไม่ต่างจากงาดำ

งาขาว งาดำ ต่างกันอย่างไร

งาขาว งาดำ ต่างกันอย่างไร

          โดยรวมแล้วทั้งงาดำและงาขาวมีคุณค่าทางโภชนาการสูงและมีประโยชน์ต่อสุขภาพคล้ายกัน แต่ก็มีความแตกต่างกันในบางจุดที่น่าสนใจ ดังนี้

  • ลักษณะ : งาดำเมล็ดเล็ก สีดำสนิท มีเปลือกหุ้ม ในขณะที่งาขาวเมล็ดเล็ก สีขาวนวล ไม่มีเปลือกหุ้ม เพราะมักจะถูกกะเทาะเปลือกก่อนรับประทาน

  • รสชาติ : งาดำมีความเข้มข้น หอมมัน ปนขมเล็กน้อย มีความกรุบกรอบกว่า แต่งาขาวจะมีรสชาติอ่อนกว่า ออกหวานมัน ความหอมก็เบากว่า แต่ไม่ติดขม

  • พลังงาน : งาดำ ให้พลังงาน 594 แคลอรี ต่อปริมาณ 100 กรัม ส่วนงาขาว ให้พลังงาน 697 กิโลแคลอรี ต่อปริมาณ 100 กรัม

  • โปรตีน : งาดำให้โปรตีน 20.60 กรัม ต่อปริมาณ 100 กรัม ในขณะที่งาขาวจะมีโปรตีนมากกว่าคือ 26.10 กรัม ต่อปริมาณ 100 กรัม

  • ไขมัน : งาดำอบจะมีไขมัน 51.90 กรัม แต่งาขาวคั่วจะให้ไขมัน 64.20 กรัม โดยมีกรดไขมันอิ่มตัว 15-20% และไขมันไม่อิ่มตัวเชิงเดี่ยวและเชิงซ้อนราว ๆ 80% เหมือนกันทั้งงาขาวและงาดำ

  • แคลเซียม : ถ้าเทียบกันแล้วในงาดำจะมีแคลเซียมมากกว่าคือ 1,469 มิลลิกรัม ในขณะที่แคลเซียมในงาขาวจะมีอยู่ราว ๆ 90 มิลลิกรัมเท่านั้น เพราะถูกกะเทาะเปลือกซึ่งเป็นแหล่งของแคลเซียมออกไป ข้อนี้จะเห็นได้ว่า งาดำมีแคลเซียมสูงกว่างาขาวอย่างเห็นได้ชัด

  • สารต้านอนุมูลอิสระ : งาดำ มีสารต้านอนุมูลอิสระ โดยเฉพาะแอนโทไซยานินค่อนข้างสูง ซึ่งจะอยู่ที่เปลือก ในขณะที่งาขาวไม่มีแอนโทไซยานิน แต่จะมีเบต้าแคโรทีนอยู่บ้าง อีกทั้งส่วนมากจะถูกกะเทาะเปลือกก่อนรับประทาน ทำให้สารต้านอนุมูลอิสระที่อยู่บนเปลือกก็อาจหายไปด้วย

  • ไฟเบอร์ : งาดำ มีปริมาณไฟเบอร์มากกว่างาขาวเล็กน้อย ซึ่งช่วยเรื่องระบบขับถ่ายได้ดีกว่า

  • ประโยชน์หลัก ๆ : งาดำและงาขาวอุดมไปด้วยวิตามินและแร่ธาตุหลากหลายชนิด เช่น วิตามินบี 1, บี 2, บี 3, แคลเซียม, ฟอสฟอรัส และธาตุเหล็ก แต่งาดำจะเด่นในเรื่องบำรุงกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน เพราะมีแคลเซียมสูงกว่างาขาวหลายเท่า ในขณะที่งาขาวจะเด่นตรงที่มีวิตามินบีสูงกว่างาดำ ดีต่อระบบประสาท

  • วิธีกินงาขาว-งาดำ : งาดำ นิยมนำไปใช้ประกอบอาหาร, ขนมหรือเครื่องดื่มที่ต้องการสีเข้ม เช่น ขนมงา กาแฟงาดำ น้ำเต้าหูงาดำ ไส้บัวลอย ซุปงาดำ เป็นต้น ส่วนงาขาวจะเหมาะกับอาหารที่ต้องการกลิ่นหอมอ่อน ๆ ของงา อย่างข้าวญี่ปุ่น โรยบนเมนูย่างต่าง ๆ หรือในขนมไทย เช่น บัวลอย หรือใช้โรยตกแต่งบนขนมปัง ซูชิ สลัด เป็นต้น

งาดำ VS งาขาว
กินอันไหนดีกว่ากัน

งาขาว งาดำ ประโยชน์

          หากให้เจาะจงว่างาดำกับงาขาว กินอะไรดีกว่ากันคงตอบได้ยาก เพราะไม่ว่าจะงาดำ หรืองาขาว ต่างก็มีประโยชน์ต่อสุขภาพในแบบของตัวเอง ขึ้นอยู่กับความต้องการเฉพาะบุคคล หากตั้งโจทย์ว่าต้องการธัญพืชแคลเซียมสูง งาดำก็โดดเด่นเรื่องนี้กว่างาขาวอย่างเห็นได้ชัด พร้อมด้วยสารต้านอนุมูลอิสระที่เข้มข้นกว่า 

          ในขณะที่งาขาวแม้จะมีแคลเซียมน้อยกว่า แต่ก็เป็นแหล่งของโปรตีนที่ดีไม่แพ้กัน มีสารอาหารหลากหลาย หอม อร่อย กินง่ายกว่า ดังนั้น การบริโภคงาทั้งสองชนิดสลับกันในปริมาณที่เหมาะสมจะช่วยให้ได้รับสารอาหารที่หลากหลายและครบถ้วนที่สุด
          เอาจริง ๆ เมนูที่มีงาหลายเมนูก็มักจะใส่มาทั้งงาดำและงาขาว เพื่อความหอมงาที่ชัดเจนยิ่งขึ้น ซึ่งก็ถือเป็นข้อได้เปรียบสำหรับผู้บริโภคอย่างเรา ๆ ที่จะได้รับประโยชน์ของงาดำและงาขาวไปพร้อมกัน

บทความที่เกี่ยวข้องกับงาดำ งาขาว

ขอบคุณข้อมูลจาก : สำนักโภชนาการ กรมอนามัย (1), (2), Food Fun Fact, ThaiPBS, timesofindia.indiatimes.com
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
งาดำ งาขาว ประโยชน์ต่างกันอย่างไร แคลเซียมในงาชนิดไหนเยอะกว่ากัน ! อัปเดตล่าสุด 4 กรกฎาคม 2568 เวลา 17:42:41
TOP
x close