Fart walk เดินไปตดไป จนเป็นไวรัลการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ !

          Fart Walk หรือ เดินไปตดไป ฟังดูตลกและแปลกใช่ไหม แต่เทรนด์สุขภาพนี้กำลังได้รับความสนใจ และมีผู้เชี่ยวชาญบางท่านแนะนำว่าแบบนี้ดีต่อสุขภาพจริง ๆ ไม่จกตา !
Fart Walk

          เดินออกกำลังกายอาจจะไม่ใช่เรื่องใหม่ แต่ Fart Walk เดินผายลม หรือตดไปเดินไป กำลังเป็นเทรนด์สุขภาพที่ค่อนข้างใหม่และกำลังฮิตในต่างประเทศ โดยเฉพาะในโซเชียลที่เดินแล้วตดจนเป็นไวรัล จากนั้นก็ค่อย ๆ ขยับมาเป็นเทรนด์สุขภาพที่ว่ากันว่าใครยังไม่เคยลองถือว่าพลาด !

Fart Walk เดินแล้วตด ! 
เทรนด์ใหม่ดีต่อสุขภาพที่คุณอาจไม่เคยรู้

ออกกำลังกาย

          Fart Walk คือ การเดินออกกำลังกายไปพร้อม ๆ กับการผายลมออกมาโดยไม่ต้องกลั้น โดยเทรนด์นี้เริ่มมาจากแมร์ลิน สมิธ นักโภชนาการชาวแคนาดา วัย 70 ปี ผู้ที่มักจะโพสต์ไลฟ์สไตล์การกินและการออกกำลังกาย โดยเฉพาะการเดินหลังกินข้าวพร้อมกับสามีตลอดระยะเวลาเป็นสิบปี และระหว่างเดินก็มีการผายลมออกมาอย่างเป็นธรรมชาติ 

          โดยเธอได้อธิบายถึงประโยชน์ของการเดินว่าช่วยกระตุ้นการเคลื่อนไหวของลำไส้ ส่วนการตดจะช่วยลดความรู้สึกไม่สบายท้อง ท้องอืด และอาการปวดท้อง หลังกินอาหารที่มีไฟเบอร์สูง ซึ่งส่งผลดีต่อสุขภาพในระบบทางเดินอาหารของเราไปในตัว และนี่ก็เป็นจุดเริ่มต้นให้คนรักสุขภาพทั้งหลายเดินไปตดไปจนเป็นไวรัลนั่นเอง !

Fart Walk ดีต่อสุขภาพอย่างไรบ้าง

          แม้จะดูเป็นเรื่องตลกขบขัน แต่ Fart Walk มีประโยชน์ต่อสุขภาพที่น่าสนใจหลายประการ เช่น

1. ช่วยลดอาการท้องอืดและแน่นท้อง

ท้องอืด

          เมื่อใดที่เราอดทนอดกลั้นไม่ผายลมออกมา แก๊สก็จะสะสมอยู่ในระบบทางเดินอาหาร ทำให้รู้สึกอึดอัด แน่นท้อง หรือปวดท้องได้ ดังนั้น การปล่อยลมออกมาอย่างอิสระในขณะที่เดินจะช่วยระบายแก๊สส่วนเกินออกไป ทำให้คุณรู้สึกสบายท้องขึ้นอย่างเห็นได้ชัด

2. ส่งเสริมระบบทางเดินอาหารให้ทำงานดีขึ้น

          การเดินเบา ๆ หลังอาหารช่วยกระตุ้นให้ระบบทางเดินอาหารทำงานดีขึ้น ลำไส้เคลื่อนไหวมากขึ้น แก๊สที่สะสมก็ถูกขับออกมาได้ง่าย และช่วยให้ระบบขับถ่ายทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น ซึ่งอาจช่วยป้องกันอาการท้องผูกได้ด้วย

3. ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือด

ลดระดับน้ำตาลในเลือด

          มีการศึกษาวิจัยหลายชิ้นที่พบว่า การเดินหลังมื้ออาหารจะช่วยให้กล้ามเนื้อดึงน้ำตาลจากกระแสเลือดไปใช้เป็นพลังงาน และช่วยดักน้ำตาลส่วนเกินไม่ให้ถูกกักเก็บเป็นไขมัน ซึ่งช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดไปในตัว โดยเฉพาะในผู้ป่วยเบาหวานทั้งชนิดที่ 1 และชนิดที่ 2 หากเดินหลังมื้ออาหารสัก 10-30 นาที หรือเดินให้มากกว่านั้นก็ยิ่งดีต่อสุขภาพโดยรวม

4. อาจช่วยสนับสนุนการลดน้ำหนักได้

          ไม่เพียงแต่ช่วยลดระดับน้ำตาลในเลือดเท่านั้น แต่การเดินไปตดไปซึ่งมักจะเกิดระหว่างการเดินเล่นเบา ๆ หลังมื้ออาหารจะช่วยลดทอนแคลอรีที่ได้จากอาหารที่เรากินเข้าไป เพราะเราได้ย่อยและเผาผลาญพลังงานบางส่วนไปแล้วจากการเดินเบา ๆ ยิ่งเดินทุกวันอย่างสม่ำเสมอ ยิ่งช่วยควบคุมน้ำหนักได้ในระยะยาว แต่ยังไงก็ขอให้เดินครบ 30 นาทีเป็นต้นไปด้วยนะ

5. ช่วยลดกรดไหลย้อน

กรดไหลย้อน

          แพทย์ผู้เชี่ยวชาญด้านระบบทางเดินอาหารให้ความเห็นว่า การเดินไปตดไปหลังรับประทานอาหารอาจช่วยลดโอกาสที่แก๊สในกระเพาะอาหารจะย้อนมาเล่นงานเราได้ เพราะการเดินช่วยเพิ่มการหดตัวของกล้ามเนื้อในกระเพาะอาหาร และระบายแก๊สออกอย่างรวดเร็ว ซึ่งช่วยลดระยะเวลาที่กรดอาจไหลย้อนเข้าไปในกระเพาะอาหารและทำให้เกิดอาการแสบร้อนกลางอกได้ แต่ทั้งนี้การเดินหลังมื้ออาหารหรือ Fart Walk ก็อาจไม่ได้ช่วยบรรเทาอาการกรดไหลย้อนได้เท่าไรในบางคน ซึ่งก็ต้องลองเดินด้วยตัวเองถึงจะรู้ว่าดีหรือไม่ดีกันแน่

6. ลดความเครียดและเพิ่มความผ่อนคลาย

          การอั้นตดไว้อาจทำให้ร่างกายเกิดความตึงเครียดและรู้สึกอึดอัด ดังนั้น ลองไปเดินเล่นเบา ๆ ขยับร่างกายสักหน่อยเพื่อขับลมออกจากกระเพาะและลำไส้ พอได้ตดออกมาแล้วก็จะรู้สึกโล่งสบาย อีกทั้งการเคลื่อนไหวร่างกายยังช่วยเพิ่มการหลั่งสารเอนดอร์ฟินที่ช่วยให้รู้สึกผ่อนคลายและลดความตึงเครียดไปในตัว ทำให้นอนหลับได้ง่ายขึ้นด้วย

Fart Walk
เทรนด์สุขภาพที่แพทย์สนับสนุน

          จะว่าไปประโยชน์ของการตดก็ไม่ใช่เรื่องเล่น ๆ เลยนะคะ แพทย์หลายคนก็สนับสนุนให้ Fart Walk โดยเฉพาะหลังมื้ออาหาร เพราะเป็นวิธีการดูแลสุขภาพที่คนทั่วไปทำได้ง่าย ไม่จำเป็นต้องเสียเงินก็สามารถออกกำลังกายเบา ๆ ได้ นับเป็นกิจกรรมดูแลสุขภาพที่ทำได้ในระยะยาว และอาจส่งผลดีต่อสุขภาพอย่างยั่งยืน

          อีกทั้งไม่ว่าจะเพศไหนวัยไหนก็สามารถมาเดินหลังมื้ออาหารและผายลมลดแก๊สในท้องกันได้ และถ้าเดินเป็นคู่หรือเดินร่วมกันกับครอบครัวก็จะยิ่งดีต่อใจ ได้ใช้เวลาสานสัมพันธ์ไปพร้อมกันด้วยนะ

Fart Walk กับข้อควรระวัง

การเดินผายลม

          แม้การเดินออกกำลังจะให้ประโยชน์ด้านสุขภาพหลายประการ แต่ก็มีข้อควรระวังที่อยากให้ปฏิบัติตามเพื่อความปลอดภัย เช่น

  • เลือกสถานที่เดินออกกำลังกายที่ค่อนข้างเป็นส่วนตัว หรือเป็นพื้นที่โล่งไม่มีคนแออัดจนเดินตามติด ๆ กัน เพราะอาจทำให้รู้สึกอายไม่กล้าตดออกมา จนเลือกที่จะอั้นตดไว้ ทำให้ไม่สบายท้องยิ่งกว่าเดิม

  • ควรเดินภายใน 1 ชั่วโมงหลังจากรับประทานอาหาร โดยเริ่มเดินช้า ๆ ไม่ต้องรีบร้อนเดินเร็ว เน้นเดินย่อยอาหารให้ร่างกายได้ออกกำลังกายเบา ๆ ก็พอ ในวันแรก ๆ อาจใช้เวลาสัก 10-15 นาที แล้วค่อยเพิ่มเวลาเดินให้ได้สัก 30-60 นาที ทุกวัน

  • สังเกตร่างกายของตัวเองให้ดีว่ามีปฏิกิริยาแบบไหนในระหว่างการเดิน เพราะบางครั้งหากกินอาหารที่มีแก๊สเยอะ ๆ แล้วไปเดินออกกำลังกายอาจรู้สึกปั่นป่วนในท้องได้ ดังนั้น เมื่อไรที่เริ่มรู้สึกไม่ดีก็ควรหยุดเดินแล้วกลับไปพัก

  • หากลองเดินหลังกินข้าวและเดินไปตดไปตามเทรนด์แล้วยังพบว่าอาการท้องอืด มีลมในท้อง ไม่เบาบางลงเลย และมีอาการแบบนี้มาสักระยะ อาจเป็นสัญญาณบ่งชี้ว่ามีอาการผิดปกติของระบบทางเดินอาหาร เช่น มีภาวะลำไส้แปรปรวน มีแบคทีเรียในลำไส้เล็กมากเกินไป หรือเป็นโรคภูมิแพ้อาหารแฝง เป็นต้น ดังนั้น แนะนำให้พบแพทย์เพื่อตรวจสุขภาพอย่างละเอียดจะดีกว่า

          Fart Walk อาจเป็นเทรนด์สุขภาพที่ชวนให้เขินอยู่หน่อย ๆ แต่จากประโยชน์ของการเดินไปตดไปที่ได้กล่าวมาแล้วก็ทำให้อยากลองเปิดใจและลอง Fart Walk ดูบ้าง ไม่แน่ว่าการเดินแล้วตดอาจเป็นกุญแจสำคัญสู่สุขภาพที่ดีขึ้นของเราก็ได้นะ

บทความที่เกี่ยวข้องกับการเดินออกกำลังกาย

ขอบคุณข้อมูลจาก : economictimes.indiatimes.comhealthline.com
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
Fart walk เดินไปตดไป จนเป็นไวรัลการออกกำลังกายเพื่อสุขภาพ ! อัปเดตล่าสุด 23 กรกฎาคม 2568 เวลา 16:58:16
TOP
x close