x close

ประโยชน์ของทุเรียนที่รู้แล้วจะฟิน พร้อมทริกกินยังไงไม่อ้วน


          ประโยชน์ของทุเรียน ที่ไม่ใช่แค่ความอร่อย รู้แล้วก็อาจจะยิ่งฟินไปถึงดาวอังคาร เพราะราชาผลไม้ก็มีดีไม่ใช่น้อย

          เชื่อว่าเมื่อพูดถึงทุเรียน แล้ว หลายคนก็คงจะนึกถึงกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์และรสชาติที่ติดลิ้นกันใช่ไหมล่ะ และเพราะอย่างนี้จึงทำให้ทุเรียนเป็นผลไม้สุดป็อปปูล่าร์ทั้งในไทยและต่างประเทศ ดังนั้นเพื่อเพิ่มความฟินในการกินทุเรียน เราจะพาไปดูประโยชน์ของทุเรียน พร้อมทริกกินทุเรียนแบบไม่อ้วนและไม่ร้อนใน มาดูซิว่าตำแหน่งราชาผลไม้มาจากสรรพคุณของทุเรียนด้วยหรือเปล่า

ประโยชน์ของทุเรียน

มารู้จักทุเรียนกันก่อน


          ทุเรียนเป็นผลไม้ที่อยู่ในวงศ์ฝ้าย (MALVACEAE) ในสกุลทุเรียน แต่นักอนุกรมวิธานบางท่านจัดให้ทุเรียนอยู่ในวงศ์ทุเรียน ทุเรียนมีชื่อทางวิทยาศาสตร์ว่า Durio zibethinus L. หรือในภาษาอังกฤษคือ Durian โดยมีรากศัพท์มาจากคำว่า Duri ที่แปลว่าหนามในภาษามลายู เพราะทุเรียนเป็นพืชพื้นเมืองของประเทศมาเลเซีย อินโดนีเซีย และบรูไน แต่มีการนำเข้ามาปลูกในไทยตั้งแต่สมัยกรุงศรีอยุธยา ซึ่งสมัยนั้นจะเรียกว่า ทูลเรียน โดยเชื่อว่านำเข้ามาทางภาคใต้ของไทย และขยายพันธุ์กันมาเรื่อย ๆ

          ส่วนลักษณะทางพฤกษศาสตร์ของทุเรียนจะเป็นผลขนาดใหญ่ ทรงรีถึงกลม อาจมีเส้นผ่าศูนย์กลางของผลยาวถึง 15 เซนติเมตร น้ำหนักโดยทั่วไปประมาณ 1-3 กิโลกรัม ด้านนอกมีเปลือกเป็นหนามแหลม ลักษณะแข็ง มีสีเขียวถึงสีน้ำตาล ด้านในมีเนื้อเป็นสีเหลืองซีดจนถึงสีแดง ซึ่งจะแตกต่างกันออกไปตามสายพันธุ์

          โดยทุเรียนมีมากกว่า 30 ชนิด แต่ที่กินได้มีเพียง 9 ชนิด คือ Durio zibethinus, Durio dulcis, Durio grandiflorus, Durio graveolens, Durio kutejensis, Durio lowianus, Durio macrantha, Durio oxleyanus และ Durio testudinarum แต่มีเพียงสายพันธุ์ Durio zibethinus ชนิดเดียวเท่านั้นที่ได้รับความนิยมทั่วโลก ซึ่งทุเรียนชนิดนี้ก็มีมากถึง 200 สายพันธุ์ แต่ที่นิยมปลูกคือ พันธุ์หมอนทอง ชะนีไข่ กระดุมทอง และพันธุ์ก้านยาว เป็นต้น

          ทุเรียนมีรสชาติหวาน มัน คล้ายอัลมอนด์ เนื้อเนียนเหมือนคัสตาร์ด และมีกลิ่นที่เป็นเอกลักษณ์ ซึ่งหลายคนบอกว่าหอม น่ากิน แต่บางคนก็เหม็นกลิ่นทุเรียนมากจนไม่อยากอยู่ใกล้ทุเรียนเลย

ประโยชน์ของทุเรียน

คุณค่าทางสารอาหารของทุเรียนแต่ละพันธุ์


          กองโภชนาการ กรมอนามัย แสดงคุณค่าทางโภชนาการและปริมาณน้ำตาลของเนื้อทุเรียนปริมาณ 100 กรัม ใน 4 สายพันธุ์ยอดฮิต ดังนี้

ประโยชน์ของทุเรียน

เช็กให้ชัด กินทุเรียน 1 เม็ด ได้พลังงานกี่แคลอรี


          เนื่องจากทุเรียนมีคาร์โบไฮเดรตมากถึง 30% ขององค์ประกอบทั้งหมด แบ่งเป็นแป้งและน้ำตาล อีกทั้งมีไขมันประมาณ 3.9% จัดเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานค่อนข้างสูง ซึ่งถ้าพูดถึงแคลอรีของทุเรียนในปริมาณ 100 กรัม อาจเห็นไม่ชัดเท่าไร ดังนั้นมาเช็กแคลอรีทุเรียนต่อเม็ดกันเลยดีกว่า

          โดยทุเรียน 1 เม็ดขนาดเล็ก จะให้พลังงานประมาณ 60-80 กิโลแคลอรี หรือเทียบเท่าข้าวสวย 1 ทัพพีกว่า ๆ (ปริมาณ 60 กรัม) ส่วนทุเรียนหมอนทองสุกพอดี 1 เม็ดกลาง น้ำหนักประมาณ 80 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 130 กิโลแคลอรี หากเป็นทุเรียนขณะสุกพอดี 1 เม็ดกลาง น้ำหนักประมาณ 80 กรัม จะให้พลังงานประมาณ 150 กิโลแคลอรี


ประโยชน์ของทุเรียน มีดียังไงบ้าง


          มาถึงประโยชน์ของทุเรียนที่หลาย ๆ คนอยากทราบกันแล้ว งั้นตามมาเลย

     1. กระตุ้นการขับถ่าย


          ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีใยอาหารค่อนข้างสูง โดยทุเรียนมีเส้นใยอาหารประมาณ 3-5% (แล้วแต่สายพันธุ์) อย่างไรก็ตาม ไม่แนะนำให้กินทุเรียนเพื่อหวังผลเรื่องกระตุ้นการขับถ่าย เพราะในทุเรียนมีคาร์โบไฮเดรต น้ำตาล และไขมันสูง เช่นเดียวกัน 

     2. บำรุงสายตา


          สีเหลืองของเนื้อทุเรียนอุดมไปด้วยเบต้าแคโรทีน โดยเฉพาะในพันธุ์ชะนีไข่ และพวงมณี มีเบต้าแคโรทีนสูงมาก มีส่วนช่วยในการบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจก ชะลอการเสื่อมของกระจกตาในผู้สูงอายุได้ และทุเรียนยิ่งมีสีเข้มจะพบสารชนิดนี้ในปริมาณที่มากตามไปด้วย

     3. ช่วยบำรุงสมอง


          ทุเรียนเป็นผลไม้ที่อุดมไปด้วยโฟเลต สารอาหารสำคัญที่ช่วยบำรุงสมอง ป้องกันโรคหลงลืม อัลไซเมอร์ โดยจากการศึกษาพบว่า ทุเรียนหลากหลายสายพันธุ์มีโฟเลตสูงประมาณ 120-150 ไมโครกรัม ต่อ 100 กรัม หรือประมาณ 38% ของปริมาณโฟเลตที่ร่างกายควรได้รับต่อวันเลยทีเดียว

     4. ช่วยขับพยาธิ


          สรรพคุณตามตำรับยาไทย เนื้อทุเรียนมีกำมะถันที่ให้ความร้อนแก่ร่างกาย บำรุงกำลัง ช่วยขับพยาธิไส้เดือน อีกทั้งใบทุเรียนยังมีสรรพคุณขับพยาธิได้อีกทาง แถมยังแก้ดีซ่านได้ด้วย

     5. แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนองแห้ง


          จากตำรับยาไทยก็พบสรรพคุณแก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝีแห้ง ในเนื้อทุเรียนด้วยเช่นกัน

     6. ต้านอนุมูลอิสระ บำรุงผิวพรรณ


          การศึกษาของนักวิจัยสถาบันค้นคว้าและพัฒนาผลิตภัณฑ์อาหาร มหาวิทยาลัยเกษตรศาสตร์ พบว่า ทุเรียนหมอนทองและทุเรียนก้านยาวมีฤทธิ์ในการกำจัดอนุมูลอิสระ 2 ชนิด ที่พบในร่างกายคนเรา คือ อนุมูลอิสระไฮดรอกซิล และไนตริกออกไซด์ ซึ่งทั้งคู่เป็นอนุมูลอิสระที่เป็นสาเหตุทำให้หน้าแก่เกินวัย ดังนั้นหากเราบริโภคทุเรียนตามสัดส่วนที่พอดีก็จะช่วยลดการเสื่อมสภาพของเซลล์ในร่างกายได้

     7. แก้ท้องร่วง


          ตำรับยาไทยใช้รากทุเรียนแก้ไข้และแก้ท้องร่วง

     8. รักษากลาก เกลื้อน สมานแผล


          ส่วนเปลือกทุเรียนที่เต็มไปด้วยหนามแหลมก็มีประโยชน์ทางยา โดยใช้รักษากลาก เกลื้อน สมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย รักษาแผลพุพอง แก้ฝี และตานซาง อีกทั้งยังพบสรรพคุณไล่ยุงและแมลงของเปลือกทุเรียนอีกด้วย

     9. ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด


          จากการศึกษาฤทธิ์ทางเภสัชวิทยาของทุเรียน พบว่า สารโพลีแซคคาไรด์ เจล (Polysaccharide gel) ที่ได้จากเปลือกทุเรียนมีฤทธิ์ต้านเชื้อแบคทีเรียหลายชนิด และเมื่อนำสารดังกล่าวไปพัฒนาเป็นแผ่นฟิล์มปิดแผลก็พบว่า มีสรรพคุณช่วยสมานแผลและลดการอักเสบของแผลได้เป็นอย่างดี

ประโยชน์ทุเรียนกับคนท้อง ตั้งครรภ์ กินทุเรียนได้ไหมนะ

  ประโยชน์ของทุเรียน

          ทุเรียนก็มีประโยชน์กับคนท้องด้วยเหมือนกัน โดยโฟเลตในทุเรียนจะช่วยในการสร้างเซลล์ให้ตัวอ่อนเจริญเติบโตเป็นปกติ อีกทั้งบำรุงสมอง นอกจากนี้ทุเรียนยังมีสารอาหารอื่น ๆ ทั้งโปรตีน ไขมัน วิตามิน และแร่ธาตุอีกหลายชนิด เช่น โพแทสเซียม ฟอสฟอรัส แคลเซียม แต่ทั้งนี้ก็ควรกินทุเรียนตามสัดส่วนที่พอเหมาะ เพราะทุเรียนเป็นผลไม้ที่ให้พลังงานสูง ปริมาณน้ำตาลสูง ซึ่งอาจเสี่ยงต่อภาวะน้ำหนักเกิน หรือโรคเบาหวานระหว่างตั้งครรภ์ได้

          - คนท้องกินทุเรียนได้ไหม ตอบคำถามคาใจคุณแม่ตั้งครรภ์

กินทุเรียนลดความอ้วน ลดไขมันในเลือดได้จริงหรือ ?


          บางคนบอกว่า กินทุเรียนช่วยลดความอ้วนได้ เพราะมีงานวิจัยพบว่า เนื้อทุเรียนมีฤทธิ์ลดไขมันในเลือด แต่จริง ๆ แล้วข้อมูลนี้เป็นเพียงการศึกษาในหลอดทดลองและสัตว์ทดลองเท่านั้น ปัจจุบันยังไม่มีการศึกษาในมนุษย์ จึงไม่สามารถสรุปได้ว่ากินทุเรียนแล้วจะลดไขมันในมนุษย์ได้

          อย่างไรก็ตาม ที่มั่นใจได้เลยก็คือ การกินทุเรียนในปริมาณมากเกินไปแล้วไม่ออกกำลังกาย ย่อมมีไขมันและน้ำตาลสะสม เสี่ยงต่อโรคอ้วนและเบาหวานได้แน่นอน

กินทุเรียนยังไงไม่ให้อ้วน


          ทริกในการกินทุเรียนแบบไม่อ้วน จริง ๆ ทำไม่ยากเลยสักนิดเดียว

     1. เลือกกินทุเรียนแบบที่ยังไม่สุกนิ่มหรือสุกเละ เพราะทุเรียนที่สุกเกินไปจะมีปริมาณน้ำตาลมาก อีกทั้งกลิ่นค่อนข้างแรง

     2. จำกัดปริมาณการกินทุเรียนไม่ให้เกิน 2 เม็ดขนาดกลางต่อวัน

     3. ควรกินในมื้อกลางวัน เพื่อให้พลังงานที่ได้จากการกินทุเรียนถูกเผาผลาญและนำไปใช้ในกิจกรรมประจำวัน ส่วนมื้อเช้าไม่แนะนำ เพราะจะทำให้เราอิ่มเร็ว ส่งผลให้กินอาหารมื้อสำคัญที่สุดของวันได้น้อยลง ขณะที่การกินทุเรียนในมื้อเย็นจะทำให้น้ำหนักขึ้นได้ง่าย เพราะกินไม่นานแล้วก็นอน ร่างกายไม่ได้เผาผลาญพลังงานออกไป

     4. หากจะกินทุเรียนมื้อไหนหรือวันไหน ก็ต้องลดปริมาณข้าว แป้ง ขนมหวาน น้ำหวาน น้ำอัดลม ในมื้อนั้นหรือวันนั้นลงด้วย ส่วนโปรตีนกินได้ไม่ต้องลด แนะนำให้กินโปรตีนจากเนื้อปลา เนื้อสัตว์ย่อยง่าย ไขมันต่ำ

     5. พยายามหลีกเลี่ยงข้าวเหนียวทุเรียน เค้กทุเรียน ทุเรียนกวน ทุเรียนเชื่อม ซึ่งจะมีปริมาณน้ำตาลและให้พลังงานสูงกว่าทุเรียนสุกปกติ

     6. ไม่ควรกินทุเรียนทุกวัน หากอยากกินจริง ๆ อาจกินเพียงสัปดาห์ละ 2-3 ครั้ง ครั้งละไม่เกิน 1-2 เม็ด

     7. หมั่นออกกำลังกายอย่างน้อย 15-30 นาที เพื่อเพิ่มการเผาผลาญพลังงานของร่างกาย

วิธีแก้ร้อนในทุเรียน ทำยังไง


ประโยชน์ของทุเรียน

          เนื่องจากทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีกำมะถัน ทำให้เกิดความร้อนในร่างกาย ส่งผลให้เป็นร้อนในได้ง่าย ๆ โดยเฉพาะหากกินทุเรียนในปริมาณมากท่ามกลางอากาศร้อน ๆ แบบนี้ แต่ถึงอย่างนั้นเราก็มีวิธีกินทุเรียนแบบไม่เป็นร้อนในด้วยนะคะ ตามนี้เลย

          * ดื่มน้ำเปล่าตามมาก ๆ เพื่อช่วยกำจัดกำมะถันออกจากร่างกายและดับความร้อน

          * กินผักสดให้มากขึ้น

          * กินผลไม้ที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม แตงล้าน หรือผลไม้รสเปรี้ยว หรือหวานอมเปรี้ยว เช่น ส้ม สับปะรด มะนาว มังคุด

          * กินอาหารที่มีรสจืดหรือขม เช่น มะระ สะเดา บวบ รากบัว

          * กินทุเรียนแต่พอดี อย่ากินมากจนเกินไป
 

ทุเรียนห้ามกินกับอะไร


          นอกจากจะควรจำกัดปริมาณการกินทุเรียนตามสัดส่วนที่เหมาะสมแล้ว เราควรหลีกเลี่ยงการกินทุเรียนคู่กับอาหารประเภทของหวาน ผลไม้ที่มีปริมาณน้ำตาลสูง น้ำอัดลม เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะอาจส่งผลกระทบต่อสุขภาพ ได้ และผู้ป่วยโรคเรื้อรังบางโรคก็ควรหลีกเลี่ยงทุเรียนด้วย

          - ทุเรียนไม่ควรกินกับอะไร 5 อาหารที่ควรจำไว้ว่าอย่ากินคู่กับทุเรียน

ป่วยโรคไหนไม่ควรกินทุเรียน


          สำหรับผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัว เช่น โรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง โรคหลอดเลือดหัวใจตีบ ควรจำกัดการกินทุเรียนวันละไม่เกิน 1 เม็ดเล็ก ส่วนโรคไตควรหลีกเลี่ยงการกินทุเรียนไปก่อน เพราะอาจทำให้อาการกำเริบได้ เนื่องจากร่างกายขับโพแทสเซียมจากทุเรียนไม่ทันจนทำให้มีภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะ

ประโยชน์ของทุเรียน

ชี้เป้า เมนูทุเรียน ทำอะไรกินได้บ้าง


          ทุเรียนยังสามารถนำไปทำอาหารได้หลายเมนูทั้งคาว-หวาน ดังนี้

     * เนื้อทุเรียน


ประโยชน์ของทุเรียน

          ทำขนมหวาน เบเกอรี่ เช่น ข้าวเหนียวทุเรียน ขนมไหว้พระจันทร์ไส้ทุเรียน ไอศกรีมทุเรียน ทุเรียนกวน เค้กทุเรียน ทุเรียนแช่อิ่ม ทุเรียนเชื่อม แยมทุเรียน หรือทุเรียนทอด

     * ใบอ่อนหรือหน่อของทุเรียน


          มีลักษณะคล้ายผักใบเขียว นำมาทำเมนูผัดผัก หรือเมนูผักใบเขียวทั่วไปได้

     * ดอกทุเรียน


          ดอกทุเรียนสามารถนำไปห่อขนมจีบแทนแป้งเกี๊ยว หรือจะนำมาทำห่อหมก หรือแกงส้มก็น่าสนใจ

     * เมล็ดทุเรียน


          ใครอยากกินทุเรียนให้คุ้ม ๆ ก็สามารถนำเปลือกทุเรียนมาทำให้สุกด้วยการคั่ว ย่าง ทอดในน้ำมันมะพร้าว หรือนึ่งกินก็ได้ เนื้อในเม็ดทุเรียนจะมีรสชาติมัน ๆ คล้ายเผือกหรือมันเทศ แต่มีเนื้อที่เหนียวกว่านิดหน่อย

          - 6 เมนูจากทุเรียน อร่อยง่าย ๆ จากราชาผลไม้ไทย

          นอกจากนี้เปลือกทุเรียนยังสามารถนำไปแปรรูปเป็นของใช้ได้หลายอย่าง เช่น ใช้เป็นเชื้อเพลิงรมควันปลา ไล่ยุง ไล่แมลง หรือนำมาผลิตเป็นกระดาษเยื่อธรรมชาติได้ และยังสามารถนำเปลือกทุเรียนไปทำเป็นปุ๋ยชีวภาพ หรือพลังงานธรรมชาติได้อีกด้วยนะ

บทความที่เกี่ยวข้องกับทุเรียน


     - กินทุเรียนมากเกินไป อันตรายไหม แก้ร้อนในอย่างไรดี

     - เป็นประจำเดือนกินทุเรียนได้ไหม ใช่ของแสลงหรือเปล่า

     - เช็กแคลอรีในทุเรียนพันธุ์ฮิต แต่ละชนิดให้พลังงานเท่าไร

     - กินทุเรียนลดความอ้วนได้จริงไหม

     -
กินทุเรียนแบบนี้ไม่ต้องกลัวอ้วน พร้อมวิธีแก้ร้อนในจากทุเรียน

     - ทุเรียนกินตอนไหนดี ท้องว่าง-ก่อนนอน กินทุเรียนได้ไหม

     - ทุเรียนไม่ควรกินกับอะไร 5 อาหารที่ควรจำไว้ว่าอย่ากินคู่กับทุเรียน

     -
50 สวนทุเรียนปราจีนบุรี 2564 ความอร่อยที่มีบริการส่งถึงบ้าน





ขอบคุณข้อมูลจาก : กองโภชนาการ กรมอนามัย, กองบริหารการวิจัย มหาวิทยาลัยนเรศวร, อาหารและสุขภาพ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, ศูนย์การเรียนรู้เพื่ออนุรักษ์ทุเรียนพื้นบ้านนนทบุรี, สงขลานครินทร์เวชสาร

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
ประโยชน์ของทุเรียนที่รู้แล้วจะฟิน พร้อมทริกกินยังไงไม่อ้วน อัปเดตล่าสุด 17 กรกฎาคม 2566 เวลา 08:19:04 83,850 อ่าน
TOP