กินทุเรียนแบบนี้ไม่ต้องกลัวอ้วน พร้อมวิธีแก้ร้อนในจากทุเรียน
กินทุเรียนอย่างไรไม่ให้อ้วน ชอบกินทุเรียนแต่กลัวอ้วน ทำไงดี มีคำแนะนำในการกินทุเรียนมาบอกแล้ว


กินทุเรียนแค่ไหนไม่อ้วน ไม่ทำร้ายสุขภาพ
อย่างที่ทราบกันดีว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเผลอทานไม่ยั้ง มั่นใจได้ว่าความอ้วนมาเยือนแน่นอน เราจึงย้ำให้ทานทุเรียนอย่างเหมาะสมด้วยค่ะ โดยข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ทุเรียน 1 เม็ดขนาดกลาง (40 กรัม) ให้น้ำตาล 18 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี เทียบได้กับข้าวสวยเกือบทัพพี (ข้าว 1 ทัพพี = 80 กิโลแคลอรี) ดังนั้น หากทานครั้งละ 3 เม็ด จะรับพลังงานไปถึง 180 กิโลแคลอรี หรือกินข้าว 2 ทัพพีกว่า ๆ เลย แต่ถ้าเผลอทานครั้งละ 4-6 เม็ด ก็รับพลังงานไปเกือบ ๆ 400 กิโลแคลอรี เทียบเท่ากับดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง หรือทานข้าวถึง 5 ทัพพี !
เพราะฉะนั้น ในคนสุขภาพปกติทั่วไป จึงไม่ควรทานทุเรียนเกิน 2 เม็ดต่อวัน และไม่ควรทานบ่อย ๆ หรือทานทุกวัน เพราะจะทำให้เจ็บคอ ร้อนใน ที่สำคัญคือ ทุเรียนมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง ทานมากไปยังทำให้อ้วนได้ด้วย
แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องระมัดระวังการทานทุเรียนให้มาก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต ควรเลี่ยงการทานทุเรียน เพราะทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตจะไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ อาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ก็ควรระวัง เพราะทุเรียนมีแป้งและไขมันสูง หากกินมากไป อาการอาจจะทรุดได้ แนะนำให้กินไม่เกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน และไม่ควรกินต่อเนื่องทุกวัน
อย่างไรก็ตาม หากทานทุเรียน เราควรปฏิบัติตามนี้ด้วย
- ลดอาหารมื้อหลักประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ให้น้อยลง เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ควรลดข้าวให้น้อยลง
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มันจัด หวานจัด ในวันที่ทานทุเรียน
- ไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนบ่อย เนื่องจากมีความหวานมัน
- ทานมังคุดร่วมกับทุเรียนได้ เพราะในมังคุดมีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนใน และยังมีน้ำในปริมาณมาก การกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีมีใยอาหารสูง แต่ต้องระมัดระวังเรื่องน้ำตาลที่แฝงมาในผลไม้
- ระมัดระวังการกินทุเรียนแปรรูป เช่น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด ทุเรียนเผา เป็นต้น เนื่องจากมีน้ำตาลสูงมากกว่าทุเรียนสด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรีส่วนเกินที่ได้จากการทานทุเรียน

ทุเรียนกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์ อันตราย !
ข้อสำคัญที่คนชอบทานทุเรียนต้องทราบก็คือ ห้ามทานทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด เพราะทุเรียนมีสารกำมะถันอยู่มาก ซึ่งเป็นสารที่ละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ สารนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็ว ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เกิดอาการร้อนในได้ และทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ ผลที่เกิดตามมาคือการย่อยสลายทุเรียนและแอลกอฮอล์จะให้ความร้อนและเป็นกลไกที่ต้องใช้น้ำ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการขาดน้ำ นอกจากนี้ ยังมีผลทำให้เอนไซม์ตัวสำคัญลดลง ส่งผลให้สารแอลดีไฮด์เกิดการสะสมในร่างกาย และทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียนด้วย
และอย่างที่ทราบว่าทุเรียนมีกำมะถันสูง กินเข้าไปทำให้ร้อนในได้ เลยมีวิธีแก้ร้อนในจากทุเรียนมาฝากคนชอบทานกันด้วย ตามนี้เลย
- ทานอาหารธาตุเย็นลงไปเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น อาหารที่มีรสจืด เปรี้ยว และขม หรือผักผลไม้ที่มีน้ำมาก น้ำตาลต่ำ เช่น มะระ สะเดา แตงโม บวบ รากบัว มะนาว ส้ม มังคุด เป็นต้น
- ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ หรือชงน้ำเกลือเจือจางดื่มสักแก้ว
- ทานผักสดให้มากขึ้น
- ทานผลไม้ที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม แตงล้าน หรือผลไม้รสเปรี้ยวหรือหวานอมเปรี้ยว เช่น ส้ม สับปะรด มะนาวให้มากขึ้น
- ดื่มน้ำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยแก้ร้อนใน เช่น น้ำเก๊กฮวย น้ำหล่อฮั่งก้วย น้ำรากบัว น้ำมะนาว น้ำใบบัวบก น้ำใบเตย เฉาก๊วย
ถ้ารู้จักกินทุเรียนแบบพอหอมปากหอมคอให้หายอยาก ก็ไม่ต้องกลัวว่าราชาผลไม้จะทำให้เราอ้วนได้แล้ว
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 24 เมษายน 2561
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก

- กระทรวงสาธารณสุข
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
- เฟซบุ๊ก กรมอนามัย
- กรมอนามัย

เข้าสู้หน้าทุเรียนทีไร
สาวกคนรักราชาผลไม้เป็นต้องน้ำลายสอกับกลิ่นหอม ๆ ของทุเรียน
แต่พอนึกถึงตัวเลขแคลอรีในทุเรียนแล้ว ทำเอาหลายคนต้องแตะเบรก
ห้ามใจตัวเองแทบไม่ทัน เพราะถ้าเผลอทานราชาผลไม้ไทยชนิดนี้มากเกินไปละก็
ได้ความอ้วนแถมกลับมาด้วยชัวร์ ๆ
เอ้า...แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าเราทานอย่างระมัดระวัง นอกจากจะได้ฟินกับรสชาติของทุเรียนแบบไม่กลัวอ้วนแล้ว ยังได้สุขภาพดีมาด้วยนะ ตามมาเลย
ทุเรียน ราชาแห่งผลไม้กับประโยชน์ไม่ธรรมดา
เราอาจไม่เคยรู้ประโยชน์ของทุเรียนเลย เพราะกลัวแต่ว่าทานแล้วจะอ้วน แต่จริง ๆ แล้ว ทุเรียนมีประโยชน์ไม่ใช่น้อยนะคะ โดยเป็นผลไม้ที่มีเบต้า-แคโรทีนสูง จึงช่วยเรื่องบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกชะลอการเสื่อมของกระจกในผู้สูงอายุได้ และสารนี้ก็ยังช่วยบำรุงผิวพรรณได้ด้วย ขณะเดียวกัน ทุเรียนก็มีเส้นใยอาหารสูง คือ ประมาณ 3-5% (แล้วแต่สายพันธุ์) กากใยในเนื้อจึงเป็นยาระบาย ช่วยขับล้างลำไส้
นอกจากนี้ ทุเรียนยังมีประโยชน์ในด้านการฆ่าเชื้อ เพราะกำมะถันในเนื้อทุเรียนเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนองแห้ง มีฤทธิ์ขับพยาธิ เปลือกลูกที่มีรสฝาดเฝื่อน ยังช่วยสมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย พุพอง แก้ฝี ตาน ซาง คุมธาตุ แก้คางทูม
เอ้า...แต่ไม่ต้องกังวลไป เพราะถ้าเราทานอย่างระมัดระวัง นอกจากจะได้ฟินกับรสชาติของทุเรียนแบบไม่กลัวอ้วนแล้ว ยังได้สุขภาพดีมาด้วยนะ ตามมาเลย

ทุเรียน ราชาแห่งผลไม้กับประโยชน์ไม่ธรรมดา
เราอาจไม่เคยรู้ประโยชน์ของทุเรียนเลย เพราะกลัวแต่ว่าทานแล้วจะอ้วน แต่จริง ๆ แล้ว ทุเรียนมีประโยชน์ไม่ใช่น้อยนะคะ โดยเป็นผลไม้ที่มีเบต้า-แคโรทีนสูง จึงช่วยเรื่องบำรุงสายตา ป้องกันการเกิดโรคต้อกระจกชะลอการเสื่อมของกระจกในผู้สูงอายุได้ และสารนี้ก็ยังช่วยบำรุงผิวพรรณได้ด้วย ขณะเดียวกัน ทุเรียนก็มีเส้นใยอาหารสูง คือ ประมาณ 3-5% (แล้วแต่สายพันธุ์) กากใยในเนื้อจึงเป็นยาระบาย ช่วยขับล้างลำไส้
นอกจากนี้ ทุเรียนยังมีประโยชน์ในด้านการฆ่าเชื้อ เพราะกำมะถันในเนื้อทุเรียนเปรียบเสมือนยาปฏิชีวนะอ่อน ๆ แก้โรคผิวหนัง ทำให้ฝี-หนองแห้ง มีฤทธิ์ขับพยาธิ เปลือกลูกที่มีรสฝาดเฝื่อน ยังช่วยสมานแผล แก้น้ำเหลืองเสีย พุพอง แก้ฝี ตาน ซาง คุมธาตุ แก้คางทูม

อย่างที่ทราบกันดีว่า ทุเรียนเป็นผลไม้ที่มีคาร์โบไฮเดรตและไขมันไม่ใช่น้อย ๆ ถ้าเผลอทานไม่ยั้ง มั่นใจได้ว่าความอ้วนมาเยือนแน่นอน เราจึงย้ำให้ทานทุเรียนอย่างเหมาะสมด้วยค่ะ โดยข้อมูลจากกรมอนามัย กระทรวงสาธารณสุข ระบุว่า ทุเรียน 1 เม็ดขนาดกลาง (40 กรัม) ให้น้ำตาล 18 กรัม ให้พลังงานประมาณ 60 กิโลแคลอรี เทียบได้กับข้าวสวยเกือบทัพพี (ข้าว 1 ทัพพี = 80 กิโลแคลอรี) ดังนั้น หากทานครั้งละ 3 เม็ด จะรับพลังงานไปถึง 180 กิโลแคลอรี หรือกินข้าว 2 ทัพพีกว่า ๆ เลย แต่ถ้าเผลอทานครั้งละ 4-6 เม็ด ก็รับพลังงานไปเกือบ ๆ 400 กิโลแคลอรี เทียบเท่ากับดื่มน้ำอัดลม 2 กระป๋อง หรือทานข้าวถึง 5 ทัพพี !
เพราะฉะนั้น ในคนสุขภาพปกติทั่วไป จึงไม่ควรทานทุเรียนเกิน 2 เม็ดต่อวัน และไม่ควรทานบ่อย ๆ หรือทานทุกวัน เพราะจะทำให้เจ็บคอ ร้อนใน ที่สำคัญคือ ทุเรียนมีคาร์โบไฮเดรตและไขมันสูง ทานมากไปยังทำให้อ้วนได้ด้วย
แต่สำหรับผู้ที่มีโรคประจำตัวต้องระมัดระวังการทานทุเรียนให้มาก โดยเฉพาะผู้ป่วยโรคไต ควรเลี่ยงการทานทุเรียน เพราะทุเรียนมีโพแทสเซียมสูง ผู้ป่วยโรคไตจะไม่สามารถขับโพแทสเซียมส่วนเกินได้เท่าคนปกติ อาจส่งผลให้เกิดภาวะหัวใจเต้นผิดจังหวะได้
นอกจากนี้ ผู้ป่วยโรคเบาหวาน ความดันโลหิตสูง และหลอดเลือดหัวใจตีบ ก็ควรระวัง เพราะทุเรียนมีแป้งและไขมันสูง หากกินมากไป อาการอาจจะทรุดได้ แนะนำให้กินไม่เกิน 1 เม็ดเล็กต่อวัน และไม่ควรกินต่อเนื่องทุกวัน
อย่างไรก็ตาม หากทานทุเรียน เราควรปฏิบัติตามนี้ด้วย
- ลดอาหารมื้อหลักประเภทแป้ง น้ำตาล ไขมัน ให้น้อยลง เช่น กินทุเรียนแล้วก็ไม่ต้องซ้ำด้วยของหวานอื่น หรือถ้าจะกินทุเรียนมื้อนี้ควรลดข้าวให้น้อยลง
- หลีกเลี่ยงการทานอาหารที่มันจัด หวานจัด ในวันที่ทานทุเรียน
- ไม่ควรกินข้าวเหนียวทุเรียนบ่อย เนื่องจากมีความหวานมัน
- ทานมังคุดร่วมกับทุเรียนได้ เพราะในมังคุดมีสารต้านการอักเสบช่วยแก้เรื่องร้อนใน และยังมีน้ำในปริมาณมาก การกินทุเรียนกับมังคุดจึงเข้ากันดีมีใยอาหารสูง แต่ต้องระมัดระวังเรื่องน้ำตาลที่แฝงมาในผลไม้
- ระมัดระวังการกินทุเรียนแปรรูป เช่น ทุเรียนกวน ทุเรียนทอด ทุเรียนเผา เป็นต้น เนื่องจากมีน้ำตาลสูงมากกว่าทุเรียนสด
- ออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ เพื่อเผาผลาญแคลอรีส่วนเกินที่ได้จากการทานทุเรียน

ข้อสำคัญที่คนชอบทานทุเรียนต้องทราบก็คือ ห้ามทานทุเรียนร่วมกับเครื่องดื่มแอลกอฮอล์เด็ดขาด เพราะทุเรียนมีสารกำมะถันอยู่มาก ซึ่งเป็นสารที่ละลายได้ดีในแอลกอฮอล์ สารนี้จะเข้าสู่กระแสเลือดได้เร็ว ทำให้เมาเร็ว ก่อให้เกิดความผิดปกติต่อระบบหายใจ เกิดอาการร้อนในได้ และทำให้ร่างกายเกิดความร้อนสูงมากกว่าปกติ ผลที่เกิดตามมาคือการย่อยสลายทุเรียนและแอลกอฮอล์จะให้ความร้อนและเป็นกลไกที่ต้องใช้น้ำ เสี่ยงต่อการเสียชีวิตจากการขาดน้ำ นอกจากนี้ ยังมีผลทำให้เอนไซม์ตัวสำคัญลดลง ส่งผลให้สารแอลดีไฮด์เกิดการสะสมในร่างกาย และทำให้เกิดอาการหน้าแดง ชา วิงเวียน และอาเจียนด้วย

และอย่างที่ทราบว่าทุเรียนมีกำมะถันสูง กินเข้าไปทำให้ร้อนในได้ เลยมีวิธีแก้ร้อนในจากทุเรียนมาฝากคนชอบทานกันด้วย ตามนี้เลย
- ทานอาหารธาตุเย็นลงไปเพื่อรักษาสมดุลของร่างกาย เช่น อาหารที่มีรสจืด เปรี้ยว และขม หรือผักผลไม้ที่มีน้ำมาก น้ำตาลต่ำ เช่น มะระ สะเดา แตงโม บวบ รากบัว มะนาว ส้ม มังคุด เป็นต้น
- ดื่มน้ำเปล่ามาก ๆ หรือชงน้ำเกลือเจือจางดื่มสักแก้ว
- ทานผักสดให้มากขึ้น
- ทานผลไม้ที่มีน้ำเยอะ เช่น แตงโม แตงล้าน หรือผลไม้รสเปรี้ยวหรือหวานอมเปรี้ยว เช่น ส้ม สับปะรด มะนาวให้มากขึ้น
- ดื่มน้ำสมุนไพรที่มีฤทธิ์ช่วยแก้ร้อนใน เช่น น้ำเก๊กฮวย น้ำหล่อฮั่งก้วย น้ำรากบัว น้ำมะนาว น้ำใบบัวบก น้ำใบเตย เฉาก๊วย
ถ้ารู้จักกินทุเรียนแบบพอหอมปากหอมคอให้หายอยาก ก็ไม่ต้องกลัวว่าราชาผลไม้จะทำให้เราอ้วนได้แล้ว
***หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 24 เมษายน 2561
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก


- กระทรวงสาธารณสุข
- โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชอันเนื่องมาจากพระราชดำริฯ
- เฟซบุ๊ก กรมอนามัย
- กรมอนามัย