มีอะไรบ้าง
1. ปวดเมื่อย ปวดข้อ ปวดศีรษะ อ่อนล้า
2. ไม่ได้กลิ่น ลิ้นไม่รับรส
3. หายใจไม่อิ่ม หายใจลำบาก ใจสั่น
4. ปอดเสียหาย
5. หย่อนสมรรถภาพทางเพศ
Emmanuele A. Jannini ศาสตราจารย์ด้านต่อมไร้ท่อและเพศวิทยาการแพทย์ มหาวิทยาลัย Rome Tor Vergata ประเทศอิตาลี พบว่า โควิด 19 กับภาวะสมรรถภาพทางเพศมีความเกี่ยวข้องกัน โดยผู้ป่วยชายที่ติดโควิด 19 มีแนวโน้มจะเสี่ยงต่อภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศมากขึ้น 5.66 เท่า เมื่อเทียบกับผู้ชายที่ไม่ติดโควิด นอกจากนี้ผู้ชายที่มีภาวะหย่อนสมรรถภาพทางเพศอยู่แล้วก็มีความเสี่ยงติดโควิดได้มากกว่าปกติถึง 5 เท่าเลยทีเดียว
ขณะที่มีรายงานข่าวว่า ผู้ป่วยชายรายหนึ่งในสหรัฐอเมริกา หลังหายจากโควิดแล้ว พบอาการหย่อนสมรรถภาพทางเพศ และขนาดองคชาตหดสั้นลง 1.5 นิ้ว ซึ่งเป็นผลจากไวรัสที่สร้างความเสียหายแก่หลอดเลือด
6. ผมร่วง
ขณะที่ นพ.มนูญ ลีเชวงวงศ์ แพทย์เฉพาะทางด้านโรคระบบการหายใจ โรงพยาบาลวิชัยยุทธ ก็ระบุเช่นกันว่า อาการผมร่วงหลังป่วยโควิดไม่ได้เกิดขึ้นจากไวรัสโดยตรง แต่เป็นผลพวงจากการเจ็บป่วยที่เกิดขึ้นกับร่างกายจากเชื้อไวรัส เช่น ไข้สูง ความเครียด ความวิตกกังวล ซึ่งเป็นอาการที่พบได้จากการติดเชื้อไวรัสโควิด 19 ซึ่งผู้ป่วยไม่ต้องวิตกกังวลอะไร เพราะอาการดังกล่าวจะหายเองได้หลังจากผ่านไป 6-9 เดือน
7. มีอาการซึมเศร้า วิตกกังวล
8. มึนงง จำอะไรไม่ค่อยได้ สมาธิสั้น
9. ภาวะ MIS-C ที่คล้ายโรคคาวาซากิ
เพจดังเตือน อาการเด็กหลังป่วยโควิด 19 อาจป่วย MIS-C เสี่ยงถึงตาย !
10. โรคประจำตัวที่เป็นอยู่มีอาการรุนแรงมากขึ้น
แม้จะรักษาโรค COVID-19 จนหายดีแล้ว แต่ในกลุ่มผู้ป่วยที่มีโรคประจำตัวอยู่เดิม เช่น โรคหัวใจ โรคไต โรคที่เกี่ยวกับระบบอวัยวะอื่น ๆ และภาวะสมองเสื่อม อาจมีอาการของโรคนั้นรุนแรงมากขึ้น
11. เพิ่มความเสี่ยงโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และโรคสมองขาดเลือด
รศ. นพ.นิธิพัฒน์ เจียรกุล หัวหน้าสาขาวิชาโรคระบบการหายใจและวัณโรค ภาควิชาอายุรศาสตร์ คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล ให้ข้อมูลการศึกษาในสวีเดนที่ได้ติดตามผู้ป่วยโควิด 86,000 กว่าคน พบอัตราเสี่ยงอุบัติการณ์เกิดโรคกล้ามเนื้อหัวใจตายเฉียบพลัน และโรคสมองขาดเลือด 3-7 เท่า เมื่อเทียบกับคนทั่วไปภายในช่วง 2 สัปดาห์ นับจากวันที่ตรวจพบเชื้อ หรือวันที่เริ่มมีอาการ แล้วจึงลดลงเหลือประมาณ 2 เท่า ในช่วงสัปดาห์ที่ 3 และ 4 ถัดมา
นั่นแสดงว่า โควิด 19 นอกจากทำให้เกิดภาวะภูมิคุ้มกันร่างกายทำงานปกป้องตัวเองมากเกินแล้ว ยังทำให้เกิดความผิดปกติหลายอย่างของเซลล์ผนังหลอดเลือด
12. ไตเสื่อมลง
พล.อ.ท. นพ.อนุตตร จิตตินันทน์ ประธานราชวิทยาลัยอายุรแพทย์แห่งประเทศไทย แนะนำให้ผู้ที่หายป่วยจากโควิดติดตามการทำงานของไตอย่างต่อเนื่อง เพราะมีผลวิจัยของต่างประเทศพบว่า ผู้ป่วยโควิดมีอัตราการกรองของไตลดลงกว่า 50% รวมทั้งบางคนมีอาการไตบาดเจ็บเฉียบพลัน, โรคไตระยะสุดท้าย และมีเหตุการณ์ไม่พึงประสงค์สำคัญต่อไต
13. เสี่ยงป่วยโรคเบาหวาน
ในงานวิจัยของต่างประเทศพบว่า ผู้ที่เคยป่วยโควิด 19 มีความเสี่ยงต่อการป่วยโรคเบาหวาน ภายใน 1 ปี หลังจากป่วยโควิด โดยในทุก ๆ 100 คนที่ติดโควิด เมื่อหายป่วยแล้วจะมีถึง 2 คนที่เป็นโรคเบาหวานภายใน 1 ปี และอาการนี้ก็ไม่ได้จำกัดว่าต้องเกิดกับผู้ป่วยโควิดที่มีอาการหนักเพียงเท่านั้น แม้แต่คนที่มีสุขภาพแข็งแรง น้ำหนักตัวอยู่ในเกณฑ์ปกติ ก็สามารถเป็นเบาหวานหลังจากติดโควิดได้
14. เสี่ยงโรคกระดูกพรุน
นักวิจัยจากมหาวิทยาลัยอินดีแอนา พบว่า หนูทดลองที่หายจากโควิดแล้วมีอัตราการสร้างมวลกระดูกลดลงมากกว่าปกติ ซึ่งมวลกระดูกที่ลดลงนี้จะทำให้กระดูกเปราะ หักง่าย และเสี่ยงต่อโรคกระดูกพรุนในผู้สูงอายุ รวมทั้งยังส่งผลต่อการเจริญเติบโตของผู้ติดเชื้อที่เป็นเด็ก
เรื่องนี้ยังไม่มีการรายงานแน่ชัด แต่จากผลการศึกษาหลายแห่งคาดว่าอาจเกิดจากปัจจัยต่อไปนี้
- ระบบภูมิคุ้มกันมีประสิทธิภาพในการต่อสู้เชื้อโรคลดลง เนื่องจากยังทำงานได้ไม่เต็มที่หลังหายป่วย
- อวัยวะเสียหายจากการติดเชื้อ
- การติดเชื้อแบคทีเรียซ้ำซ้อนหลังจากได้รับยากดภูมิเป็นเวลานาน
- การกำเริบของโรคที่อยู่ในตัว หรือเกิดการติดเชื้อซ้ำ
- มีภาวะแทรกซ้อนของการอักเสบหลายอวัยวะ (MIS)
- ผลข้างเคียงที่ได้รับจากยาที่จำเป็นต้องใช้รักษา
- ได้รับผลกระทบจากการนอนพักรักษาตัวมานาน ไม่ค่อยได้เคลื่อนไหวร่างกาย โดยเฉพาะในคนที่มีอาการหนัก ต้องใส่ท่อช่วยหายใจ หรือนอนในห้องไอซียู
- ความเครียดจากการรักษาตัวระหว่างเจ็บป่วย หรือภาวะเครียดหลังเจอเรื่องร้ายแรง (Post-Traumatic Stress)
- เป็นอาการของโรคเรื้อรังอื่น ๆ ที่เคยเป็นก่อนป่วยโควิด 19 เช่น โรคเบาหวาน โรคหัวใจ เป็นต้น
- ผู้สูงอายุ (60 ปีขึ้นไป)
- คนที่มีโรคประจำตัว
- ผู้ที่มีภาวะอ้วน น้ำหนักเกิน
- ผู้ที่ป่วยโควิด 19 แล้วมีอาการรุนแรง เช่น มีภาวะปอดอักเสบรุนแรง
- ผู้ที่มีระบบภูมิคุ้มกันต่ำ
- เพศหญิงจะมีความเสี่ยงมากกว่าเพศชาย
- คนที่ยังไม่ได้ฉีดวัคซีนโควิด 19 โดยพบว่าผู้ที่ได้รับวัคซีนแล้วมีอุบัติการณ์เกิดอาการลองโควิดน้อยกว่าคนที่ไม่ได้ฉีด
- คนกรุ๊ปเลือดโอ โดย รศ.นพ.ธีระ วรธนารัตน์ คณะแพทยศาสตร์ จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย เปิดเผยงานวิจัยจากประเทศสเปน ที่พบว่า ผู้ที่มีเลือดกรุ๊ปโอจะมีความสัมพันธ์กับการเกิดปัญหา Long COVID มากกว่ากรุ๊ปเลือดอื่น ๆ ประมาณ 6 เท่า อย่างไรก็ตาม ผลวิจัยนี้ทำการศึกษาในจำนวนกลุ่มประชากรไม่มากนัก จึงต้องติดตามว่าจะมีการศึกษาในกลุ่มประชากรจำนวนมากขึ้นในอนาคต และให้ผลพิสูจน์ที่สอดคล้องกันหรือไม่
อาการเหล่านี้เกิดจากร่างกายยังฟื้นฟูได้ไม่เต็มที่ แต่ส่วนใหญ่หายเองได้หากเราดูแลสุขภาพร่างกายให้แข็งแรง เช่น นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ เลี่ยงอาหารที่ทำร้ายสุขภาพ รวมทั้งหมั่นออกกำลังกายเป็นประจำ และหากพบความผิดปกติใดสามารถรักษาตามอาการ แต่ถ้าอาการ Long Covid กระทบกับสุขภาพมาก ๆ แนะนำให้ปรึกษาแพทย์ค่ะ
ในส่วนผู้ป่วยที่มีอาการปอดอักเสบรุนแรงในช่วงที่ป่วยโควิด หรือมีโรคประจำตัวอื่น ๆ เช่น เบาหวาน โรคหัวใจ ความดันโลหิตสูง ควรเข้าตรวจสุขภาพโดยเฉพาะการเช็กความผิดปกติที่ปอด เพราะหากพบปอดผิดปกติจะได้รักษาต่อไป
ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก เตรียมนำตำรับยาไทยมาใช้รักษาอาการลองโควิดในผู้ป่วยที่หายจากโควิดแล้ว เช่น
- ตำรับยาธาตุบรรจบ ใช้บำรุงและฟื้นฟูธาตุในร่างกายให้กลับมาปกติ เนื่องจากอาการลองโควิดทำให้อวัยวะต่าง ๆ เกิดการอักเสบ
- ตำรับยานวโกฐ ใช้รักษาอาการที่มีผลต่อระบบประสาท ซึ่งยาตัวนี้จะช่วยเรื่องการไหลเวียนโลหิตได้ดี
- น้ำมันกัญชา ตำรับอาจารย์เดชา ใช้แก้อาการปวดศีรษะ นอนไม่หลับ
อย่างไรก็ตาม แต่ละคนจะมีอาการไม่เหมือนกันจึงต้องใช้ตำรับยาที่ต่างกัน และจะใช้เวลาในการรักษาประมาณ 3 เดือนขึ้นไป
บทความเกี่ยวข้องกับโควิด 19
- เช็ก...13 กลุ่มเสี่ยงอาการหนักหากติดโควิด 19 รักษาช้าอาจถึงตาย !
- โควิดหายเองได้ไหม ดูแลตัวเองยังไงเมื่อติดเชื้อ
- อาการโควิดลงปอดเป็นยังไง สัญญาณไหนต้องรีบรักษา
- เปิดคลิปฝึกหายใจฟื้นฟูปอด-ขับเสมหะ เพิ่มความสตรองสู้โควิด
- วิธีกินฟ้าทะลายโจรเสริมภูมิคุ้มกันในช่วงโควิด 19 คนป่วย-ไม่ป่วย กินได้แค่ไหน
* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 29 สิงหาคม 2565
ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, เฟซบุ๊ก Pleasehealth Books, TNN, กรุงเทพธุรกิจ (1), (2), (3), สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย, WebMD, โรงพยาบาลไทยนครินทร์, โรงพยาบาลพญาไท, นพ.สันต์ ใจยอดศิลป์, เฟซบุ๊ก นิธิพัฒน์ เจียรกุล, โรงพยาบาลวิชัยเวช อินเตอร์เนชั่นแนล หนองแขม, เฟซบุ๊ก Ch3ThailandNews, เฟซบุ๊ก Anutra Chittinandana, cdc.gov, verywellhealth.com, กรมการแพทย์, เฟซบุ๊ก Anan Jongkaewwattana, กรุงเทพธุรกิจ, โรงพยาบาลรามคำแหง, โรงพยาบาลเปาโล, เฟซบุ๊ก Thira Woratanarat