 
        
    โรค VKH คืออะไร
โรค Vogt-Koyanagi-Harada Disease หรือโวกต์–โคยานางิ–ฮาราดะ เป็นโรคอักเสบเรื้อรังที่หายาก มักพบในคนเอเชีย คนฮิสแปนิก และคนพื้นเมืองอเมริกัน มากกว่าชาวยุโรป โดยทั่วไปจะเริ่มมีอาการเมื่ออายุประมาณ 30-40 ปี แต่ก็เคยมีรายงานพบผู้ป่วยเด็กอายุ 4 ขวบเช่นกัน
สำหรับชื่อของโรคนี้ตั้งตามชื่อของแพทย์ 3 คน ที่เป็นผู้อธิบายอาการโดยรวมของโรค VKN คือ อัลเฟรด โวกต์, โยชิโซ โคยานางิ และเอโนสุเกะ ฮาราดะ
โรค VKH สาเหตุเกิดจากอะไร
โรค VKH อาการเป็นอย่างไร
 
        
    อาการทางตา
อาการทางผิวหนัง
อาการทางหู
อาการอื่น ๆ
จะรู้ได้อย่างไรว่าป่วย VKH
เนื่องจากอาการของโรค VKH มีความคล้ายคลึงกับบางโรค แพทย์จึงต้องตรวจวินิจฉัยอย่างละเอียด โดยพิจารณาจากประวัติการเจ็บป่วย อาการทางคลินิก และผลการตรวจทางห้องปฏิบัติการ เช่น
- 
	การตรวจตา : ตรวจดูการอักเสบภายในลูกตา ตรวจวิเคราะห์ขั้วประสาทตา OCT 
- 
	การตรวจผิวหนัง : ตรวจดูรอยโรคบนผิวหนัง 
- 
	การตรวจหู : ตรวจการได้ยิน 
- 
	การตรวจน้ำไขสันหลัง : ตรวจหาความผิดปกติของระบบประสาทส่วนกลาง 
- 
	การตรวจเลือด : ตรวจหาความผิดปกติของระบบภูมิคุ้มกัน 
โรค VKH รักษาอย่างไร
 
        
    การรักษาโรค VKN จะมุ่งเน้นไปที่การลดการอักเสบและป้องกันภาวะแทรกซ้อน โดยทั่วไปจะใช้ยาคอร์ติโคสเตียรอยด์ในขนาดสูงร่วมกับยากดภูมิคุ้มกันชนิดอื่น ๆ รวมทั้งการรักษาตามอาการที่เป็น
ในกรณีที่อาการรุนแรงอาจต้องได้รับการรักษาด้วยวิธีอื่น เช่น การฉายแสง หรือการผ่าตัดต้อกระจก ผ่าตัดเพื่อลดความดันลูกตา หรือการรักษารูจอประสาทตา เป็นต้น
โรค VKH อันตรายไหม
โรค VKH มีความอันตราย หากไม่ได้รับการรักษาที่ถูกต้องและทันท่วงทีอาจทำให้เกิดภาวะแทรกซ้อนที่รุนแรงได้ เช่น
- 
	ต้อกระจกและต้อหิน : โรค VKH ส่งผลกระทบต่อดวงตาโดยตรง จึงอาจทำให้มีอาการต้อกระจกหรือต้อหิน 
- 
	สูญเสียการมองเห็น : นับเป็นภาวะแทรกซ้อนที่พบบ่อยและรุนแรงที่สุด เพราะการอักเสบของเส้นประสาทตาและดวงตา ทำให้ความดันในลูกตาเพิ่มขึ้นจนเส้นประสาทตาเสียหายได้ อีกทั้งการที่ดวงตาอักเสบบ่อย ๆ เป็นเวลานาน ทำให้เกิดการทำลายเซลล์ประสาทในจอประสาทตา และนำไปสู่ความบกพร่องทางสายตาอย่างถาวร 
- 
	เยื่อหุ้มสมองอักเสบ : การอักเสบของเยื่อหุ้มสมองอาจทำให้เกิดอาการปวดหัว คอแข็ง คลื่นไส้ อาเจียน และอาการทางระบบประสาทอื่น ๆ 
- 
	การเปลี่ยนแปลงของเม็ดสีผิว : อาการผิวขาว (Vitiligo) และการเปลี่ยนสีของผมและขน อาจส่งผลกระทบต่อรูปลักษณ์และจิตใจของผู้ป่วย 
- 
	กระทบการใช้ชีวิตประจำวัน : การมองเห็นไม่ชัด เจ็บตา เวียนหัว ทำให้ผู้ป่วยไม่สามารถทำกิจวัตรประจำวันได้ตามปกติ จึงอาจส่งผลกระทบต่อคุณภาพชีวิต 
อย่างไรก็ตาม การตรวจพบได้เร็วและเริ่มการรักษาโรค VKH ในระยะเริ่มแรก จะช่วยลดความรุนแรงของโรคและป้องกันภาวะแทรกซ้อนได้
วิธีดูแลผู้ป่วยโรค VKH
 
        
    ผู้ป่วยโรค VKH ควรได้รับการติดตามอาการอย่างใกล้ชิด และปฏิบัติตามคำแนะนำของแพทย์อย่างเคร่งครัด ดังนี้
- 
	รับประทานยาตามที่แพทย์สั่งอย่างสม่ำเสมอ จะช่วยควบคุมการอักเสบและป้องกันภาวะแทรกซ้อน ไม่ควรหยุดยาเองหรือปรับเปลี่ยนขนาดยาโดยพลการ เพราะอาจทำให้โรคกำเริบได้ 
- 
	ควรไปพบแพทย์ตามนัด เพื่อตรวจติดตามอาการและปรับเปลี่ยนยาตามความเหมาะสม 
- 
	หลีกเลี่ยงแสงแดดจัด สวมแว่นกันแดดและทาครีมกันแดดเสมอเมื่อออกนอกบ้าน 
- 
	งดทำกิจกรรมที่ทำให้ตาบาดเจ็บ เช่น การขยี้ตาแรง ๆ หรือการเล่นกีฬาที่ทำให้เกิดการกระทบต่อดวงตา 
- 
	หยุดพักสายตาเป็นระยะหากต้องทำงานที่ต้องใช้สายตามาก 
- 
	พักผ่อนให้เพียงพอ 
- 
	รับประทานอาหารที่มีประโยชน์ 
- 
	หลีกเลี่ยงปัจจัยที่กระตุ้นให้เกิดอาการกำเริบ 
บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคระบบภูมิคุ้มกัน
- โรคสมองอักเสบจากภูมิคุ้มกัน anti-NMDAR ทำไมป่วยแล้วมีอาการคล้ายผีเข้า
- ผมร่วงเป็นหย่อม (Alopecia Areata) โรคที่ทำให้ขาดความมั่นใจ เช็กเลยเกิดจากอะไรได้บ้าง
- ผมร่วงเยอะมาก บอกโรคอะไร เช็กอาการที่ส่อว่าอาจป่วย
- ทำความรู้จักโรคไขกระดูกบกพร่อง-ไขกระดูกฝ่อ ต้นตอของจุดช้ำตามตัว
- โรคตุ่มน้ำพอง เพมฟิกัส เป็นแผลในปากเรื้อรังต้องระวังไว้ !
 
 
          
         
                             
                         
                            










