วิธีรักษาน้ำกัดเท้าให้หายไว ใช้ยาอะไร พร้อมแจกสูตรสมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า

           วิธีรักษาน้ำกัดเท้า โรคที่พบบ่อยในช่วงหน้าฝนและน้ำท่วม เราสามารถใช้ยาหรือสมุนไพรบางชนิดบรรเทาอาการที่เกิดขึ้นได้ด้วย
โรคที่มากับน้ำท่วม

           น้ำกัดเท้า หรือ ฮ่องกงฟุตป็นโรคผิวหนัง ที่พบได้บ่อยในสภาพอากาศที่อับชื้น อย่างในช่วงฤดูฝนหรือช่วงน้ำท่วมที่ต้องเดินลุยน้ำ ทำให้เท้าอับชื้น เหมาะกับการเจริญเติบโตของเชื้อรา หากปล่อยทิ้งไว้ไม่รักษา โรค อาจลุกลามและเกิดการติดเชื้อได้ วันนี้เลยอยากชวนมาอ่านวิธีรักษาน้ำกัดเท้า ใช้ยาอะไร หรือใช้สมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า ชนิดใดได้บ้าง พร้อมการป้องกันไม่ให้กลับมาเป็นซ้ำ

น้ำกัดเท้า สาเหตุเกิดจากอะไร

น้ํากัดเท้า

          น้ำกัดเท้า ภาษาอังกฤษ คือ Athlete's foot หรือบางคนเรียกว่า ฮ่องกงฟุต คือภาวะที่ผิวหนังบริเวณเท้าเปื่อยลอก เพราะมีความอับชื้น ทำให้เชื้อราเจริญเติบโต ส่วนใหญ่มักขึ้นตามซอกนิ้วเท้า ซึ่งเป็นจุดที่สะสมสิ่งสกปรกไว้มากที่สุด โดยมีปัจจัยดังนี้

  • สภาพแวดล้อมที่ชื้น เช่น การใส่รองเท้าที่อับชื้น ใส่ถุงเท้าที่เปียกชื้น เท้าสัมผัสน้ำเป็นประจำ รวมทั้งการเดินลุยน้ำท่วมขัง

  • ติดเชื้อราจากที่สาธารณะ เช่น ห้องอาบน้ำ สระว่ายน้ำ หรือพื้นที่ที่เปียกชื้น

  • การเสียดสีของเท้ากับรองเท้า หรือการเดินบ่อย ๆ อาจทำให้ผิวหนังบริเวณเท้าเกิดรอยร้าว ซึ่งเป็นทางเข้าของเชื้อรา

  • ภาวะเหงื่อออกง่ายบริเวณฝ่าเท้า ทำให้เท้าอับชื้นอยู่ตลอดเวลา

น้ำกัดเท้า อาการเป็นแบบไหน

           อาการของน้ำกัดเท้าแบ่งเป็น 2 ระยะ คือ

อาการระยะแรก

           เป็นระยะที่เพิ่งเป็นมาไม่นาน 1-3 วัน จะมีอาการเท้าเปื่อย คันเท้า ระคายเคือง แสบ ผิวแดงและลอก โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า แต่ยังไม่มีการติดเชื้อแบคทีเรียหรือเชื้อราแทรกซ้อน สาเหตุเกิดจากผิวหนังสัมผัสกับน้ำเป็นเวลานาน

อาการระยะติดเชื้อ

          ในกรณีที่เป็นมานานเกิน 3 วัน อาจมีอาการติดเชื้อร่วมด้วย โดยอาการจะแตกต่างกันตามชนิดของเชื้อที่เข้าสู่บาดแผล

  • เชื้อแบคทีเรีย : มีรอยแผลเปื่อยที่ผิวหนัง ผื่นที่เท้าจะบวมแดง ร้อน มีหนอง ปวด กดเจ็บ อาจมีไข้ร่วมด้วย 

  • เชื้อรา : มักเกิดกับคนที่แช่น้ำมาเป็นเวลานาน ผิวหนังจะมีขุยขาวเปียก ลอกเป็นวง ๆ มีกลิ่นเหม็น และมีอาการคัน อาจมีตุ่มน้ำเล็ก ๆ ขึ้นด้วย ร่วมกับมีประวัติเป็นมานานเกิน 2 สัปดาห์

วิธีรักษาน้ำกัดเท้า ใช้ยาอะไร

น้ํากัดเท้า ใช้ยาอะไร

           วิธีรักษาน้ำกัดเท้าขึ้นอยู่กับระยะของอาการที่เป็น คือ

วิธีรักษาน้ำกัดเท้าระยะแรก

          ในช่วง 1-3 วันแรกเป็นระยะที่ยังไม่ติดเชื้อ ยังเป็นไม่นาน สามารถรักษาได้ด้วยวิธีนี้

  • ล้างเท้าให้สะอาดด้วยสบู่ แล้วเช็ดเท้าให้แห้งสนิท โดยเฉพาะบริเวณซอกเท้า

  • ใช้ยาทาสเตียรอยด์อ่อน ๆ เช่น ไตรแอมซิโนโลน ชนิดครีม, เบตาเมทาโซน ชนิดครีม ทาบาง ๆ บริเวณที่เป็น วันละ 2-3 ครั้ง ใช้ระยะเวลารักษาประมาณ 1-2 สัปดาห์

  • หากต้องออกไปนอกบ้านให้เลือกสวมรองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี

วิธีรักษาน้ำกัดเท้าที่ติดเชื้อแบคทีเรีย

กรณีที่ยังเป็นไม่มาก

  • ล้างทำความสะอาดแผลด้วยน้ำเกลือ โดยผสมเกลือ 1 ช้อนโต๊ะ กับน้ำอุ่น 1 ลิตร แช่เท้าประมาณ 15-20 นาที วันละ 2 ครั้ง 

  • หลังจากแช่น้ำเกลือควรเช็ดเท้าให้แห้งสนิท แล้วทาแผลด้วยยาฆ่าเชื้อ เช่น เบตาดีน, โพวิโดน, ไอโอดีน หรือขี้ผึ้งวิทฟิลด์ วันละ 2-3 ครั้ง

  • ห้ามใช้ยาสเตียรอยด์ทาบริเวณที่มีการติดเชื้อแบคทีเรีย เพราะจะยิ่งทําให้เชื้อลุกลาม 

กรณีที่เป็นมาก

          โรคน้ำกัดเท้าที่ติดเชื้อแบคทีเรียรุนแรง จนมีอาการบวมและปวดมาก มีไข้ ควรไปพบแพทย์ ซึ่งแพทย์จะให้ยาฆ่าเชื้อคลอกซาซิลลิน หรือไดคลอกซาซิลลิน มารับประทาน และอาจฉีดยาปฏิชีวนะให้เพื่อฆ่าเชื้อแบคทีเรีย

วิธีรักษาน้ำกัดเท้าที่ติดเชื้อรา

ยาทาน้ํากัดเท้า ยี่ห้อไหนดี

กรณีที่ยังเป็นไม่มาก

  • ล้างเท้าด้วยสบู่ เช็ดเท้าให้แห้งสนิท

  • ทายาต้านเชื้อรา เช่น ขี้ผึ้งวิทฟิลด์, คีโตโคนาโซล ชนิดครีม, โคลไตรมาโซล ชนิดครีม ในบริเวณที่เป็น วันละ 2-3 ครั้ง ทาติดต่อกันประมาณ 1-2 เดือน  

  • ห้ามใช้ยาสเตียรอยด์ทาบริเวณที่มีการติดเชื้อรา เพราะจะยิ่งทําให้เชื้อลุกลาม 

กรณีที่เป็นมาก

          ในคนที่ทายาแล้วอาการไม่ดีขึ้น หรือมีการติดเชื้อที่เล็บร่วมด้วย ควรไปพบแพทย์เพื่อให้แพทย์จ่ายยารักษาที่เหมาะสมต่อไป โดยแพทย์อาจพิจารณาให้ยารักษาเชื้อราชนิดรับประทานร่วมด้วย ได้แก่ กริซีโอฟูลวิน, ไอทราโคนาโซล และฟลูโคนาโซล
 

ยาทาเชื้อรา ครีมทาเชื้อราแก้น้ำกัดเท้า มีแบบไหนบ้าง ยี่ห้อไหนดี

สมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า
มีอะไรบ้าง

           หากต้องการใช้สมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า ทางกรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก กระทรวงสาธารณสุข ก็ได้แนะนำให้ใช้ 5 สมุนไพรที่มีสรรพคุณรักษาโรคผิวหนังและน้ำกัดเท้าตามศาสตร์ภูมิปัญญาการแพทย์แผนไทย ดังนี้

1. ขมิ้นชัน

ขมิ้น

          มีสรรพคุณแก้คัน บรรเทาอาการผดผื่นคัน ยับยั้งเชื้อโรคและเชื้อราได้ดี

วิธีใช้ขมิ้นชันรักษาน้ำกัดเท้า

  • ขมิ้นชันสด : นำเหง้าขมิ้นชันสดฝนกับน้ำต้มสุกแล้วทาบริเวณที่มีอาการ หรือตำกับน้ำแล้วนำมาชโลมแผลน้ำกัดเท้าก็ได้

  • ขมิ้นชันผง : นำผงขมิ้นชันผสมกับน้ำเล็กน้อย ทาบริเวณที่มีอาการ

           เมื่อหายเป็นปกติแล้วให้ใช้ต่อเนื่องอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้อาการหายขาด

2. ข่าแก่

ข่า

          ข่ามีฤทธิ์รักษาโรคผิวหนังติดเชื้อแบคทีเรียและเชื้อรา ซึ่งอาจเป็นสาเหตุของโรคน้ำกัดเท้าได้ รวมทั้งรักษากลาก เกลื้อน และแก้ลมพิษได้ด้วย

วิธีใช้ข่ารักษาน้ำกัดเท้า

  • เหง้าข่าสด : นำเหง้าข่าแก่สดเท่าหัวแม่มือมาทุบหรือตำให้ละเอียด ผสมเหล้าโรงจนเข้ากันดี แล้วนำน้ำข่ามาทาบริเวณที่มีอาการหลาย ๆ ครั้งจนกว่าอาการจะทุเลาลง

  • ทิงเจอร์ข่า : นำเหง้าข่าแก่สดทุบพอหยาบ ใส่ลงในโหลแก้วที่สะอาด เติมแอลกอฮอล์ล้างแผลพอท่วม หมักไว้ 7 วัน หมั่นคนเช้า-เย็น จากนั้นกรองเอาแต่น้ำมาทาบริเวณที่มีอาการ

          เมื่อหายเป็นปกติแล้วให้ใช้ต่อเนื่องอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้อาการหายขาด

3. ใบพลู

ใบพลู

          ใบพลูมีสารสำคัญหลายชนิดที่ช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อราและแบคทีเรีย โดยเฉพาะน้ำมันหอมระเหย Betel oil ที่มีสรรพคุณยับยั้งเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราบนผิวหนัง ซึ่งเป็นสาเหตุหลักของโรคน้ำกัดเท้า

วิธีใช้ใบพลูรักษาน้ำกัดเท้า

  • นำใบพลูมาล้างสะอาด แล้วตำใบพลูผสมกับเหล้าขาวหรือแอลกอฮอล์ 

  • ทาติดต่อกันจนกว่าแผลจะดีขึ้น

4. เปลือกมังคุดแห้ง

เปลือกมังคุดแห้ง

          เปลือกมังคุดแห้งมีสารแทนนินที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบและมีฤทธิ์ช่วยรักษาแผลน้ำกัดเท้าได้ 

วิธีใช้เปลือกมังคุดแห้งรักษาน้ำกัดเท้า

  • นำเปลือกมังคุดแห้งมาฝนกับน้ำหรือน้ำปูนใสให้ข้นพอควร 

  • ทาแผลน้ำกัดเท้า วันละ 2-3 ครั้ง

5. ทองพันชั่ง

ทองพันชั่ง

          ในทองพันชั่งมีสาร Diospyrol ที่มีฤทธิ์รักษาเชื้อรา กลาก เกลื้อน และต้านอาการผิวหนังอักเสบ จึงใช้รักษาน้ำกัดเท้าได้

วิธีใช้ทองพันชั่งรักษาน้ำกัดเท้า

  • ใบทองพันชั่ง : ใช้ใบทองพันชั่งประมาณ 1 กำมือ ตำให้ละเอียด แล้วนำมาพอกหรือทาบริเวณที่เป็น วันละ 3-4 ครั้ง ติดต่อกันทุกวัน จนกว่าแผลจะหาย  

  • ยาทิงเจอร์ทองพันชั่ง : นำใบทองพันชั่ง 1 กำมือ ล้างน้ำให้สะอาด หั่นเป็นชิ้นเล็ก ๆ แล้วโขลกพอหยาบ ใส่ลงในโหลแก้วที่สะอาด เติมแอลกอฮอล์ล้างแผลพอท่วม ปิดฝาให้สนิท หมักไว้ 7 วัน หมั่นคนเช้า-เย็น เมื่อครบกำหนดกรองเอาแต่น้ำมาทาบริเวณที่มีอาการ

           เมื่อหายเป็นปกติแล้วให้ใช้ต่อเนื่องอีก 1-2 สัปดาห์ เพื่อให้อาการหายขาด

เป็นน้ำกัดเท้า ดูแลตัวเองอย่างไร

          สำหรับคนที่มีอาการน้ำกัดเท้า ควรดูแลตัวเองดังนี้

  • ทายาเป็นประจำตามคำแนะนำบนฉลากยาหรือตามที่แพทย์สั่ง

  • ไม่เกาบริเวณที่เป็นโรค เพราะอาจติดเชื้อซ้ำเติม ใช้เวลารักษานานขึ้นไปอีก

  • ไม่แช่เท้าในน้ำเป็นเวลานาน ยกเว้นว่าเลี่ยงไม่ได้ควรใส่รองเท้าบูตก่อนลงน้ำ และต้องล้างเท้าด้วยน้ำสบู่ทันทีหลังขึ้นจากน้ำแล้วเช็ดให้แห้ง

  • หากเท้ามีบาดแผลควรทำแผลและทายาฆ่าเชื้อโรค เช่น เบตาดีน, โพวิโดน, ไอโอดีน เป็นต้น

  • ระวังการตัดเล็บเท้าที่อาจเกิดบาดแผลและเป็นทางเข้าของเชื้อโรค

วิธีป้องกันโรคน้ำกัดเท้า

น้ํากัดเท้า วิธีป้องกัน

  • ล้างเท้าด้วยน้ำสะอาดหลังลุยน้ำ สัมผัสน้ำสกปรก โดยเฉพาะบริเวณซอกนิ้วเท้า ควรใช้สบู่ฟอกให้สะอาดและเช็ดให้แห้งสนิท

  • เปลี่ยนถุงเท้าทุกวัน โดยใส่ถุงเท้าที่ซักสะอาดและแห้งสนิท ระบายอากาศได้ดี

  • เลือกใส่รองเท้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่ใส่รองเท้าที่อับชื้น

  • พยายามไม่สัมผัสน้ำสกปรก และหลีกเลี่ยงการเดินลุยน้ำที่ท่วมขัง

  • ไม่ใช้ของส่วนตัวร่วมกับผู้อื่น เช่น รองเท้า ถุงเท้า ผ้าเช็ดตัว เพราะโรคนี้สามารถติดต่อกันได้

  • ทำความสะอาดพื้นที่เปียกชื้นเป็นประจำ เช่น ห้องครัว ห้องน้ำ สระว่ายน้ำ 

  • หากมีเหงื่อออกมากบริเวณเท้า สามารถใช้แป้งฝุ่นทาเพื่อช่วยดูดซับเหงื่อ

           น้ำกัดเท้า หรือฮ่องกงฟุต เป็นโรคที่สามารถรักษาให้หายได้หากใช้ยาอย่างถูกวิธี แต่ก็กลับมาเป็นซ้ำได้เช่นกันถ้ายังคงเดินย่ำน้ำหรือสัมผัสน้ำที่สกปรกแล้วไม่ดูแลรักษาความสะอาดเท้าให้ดี ดังนั้น จึงควรรักษาสุขอนามัยอย่างเคร่งครัด โรคผิวหนังที่น่ารำคาญนี้จะได้ไม่กลับมากวนใจ

บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคหน้าฝนและน้ำท่วม

ขอบคุณข้อมูลจาก : โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ สภากาชาดไทย, โรงพยาบาลบางปะกอก 3, สสส., กรมการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก (1), (2)
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิธีรักษาน้ำกัดเท้าให้หายไว ใช้ยาอะไร พร้อมแจกสูตรสมุนไพรรักษาน้ำกัดเท้า อัปเดตล่าสุด 16 กันยายน 2567 เวลา 14:15:38 9,734 อ่าน
TOP
x close