กินโยเกิร์ตตอนไหนดี ดึงประโยชน์จากโยเกิร์ตให้ตอบโจทย์ ต้องกินให้ถูกเวลา

           โยเกิร์ตเป็นทั้งขนมและของว่างเพื่อสุขภาพ และหลายคนก็กินเพื่อเติมโพรไบโอติกให้ร่างกาย หรือหวังให้โยเกิร์ตแก้ท้องผูก แต่รู้ไหมว่า การเลือกเวลากินโยเกิร์ต ส่งผลต่อประโยชน์ที่ร่างกายจะได้รับด้วยนะ
โยเกิร์ต

           กินโยเกิร์ตตอนไหนดี คำถามนี้จริง ๆ แล้วขึ้นอยู่กับว่าเราตั้งใจกินโยเกิร์ตเพื่อประโยชน์ต่อสุขภาพด้านไหน เพราะโยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์จากนมที่มีประโยชน์ต่อสุขภาพมากมาย อุดมไปด้วยสารอาหารที่จำเป็นต่อร่างกาย และเวลาในการกินโยเกิร์ตก็มีผลต่อการดูดซึมสารอาหารและประโยชน์ที่จะได้รับด้วย แต่ก่อนที่เราจะไปหาคำตอบ มาดูกันก่อนว่าโยเกิร์ตดีต่อสุขภาพยังไงบ้าง

ประโยชน์ของโยเกิร์ต ช่วยอะไร

ประโยชน์ของโยเกิร์ต

           โยเกิร์ตมีประโยชน์ต่อสุขภาพหลายประการ เช่น 

  • แก้ท้องผูก : โยเกิร์ตอุดมไปด้วยแบคทีเรียชนิดดี จึงช่วยปรับสมดุลการทำงานของระบบทางเดินอาหารและกระตุ้นระบบขับถ่ายให้ดีขึ้นได้

  • ปรับสมดุลของจุลินทรีย์ในลำไส้ : โพรไบโอติกในโยเกิร์ตมีประโยชน์ในด้านปรับสมดุลแบคทีเรียในลำไส้ ลดปัญหาท้องผูก ท้องเสีย และอาการลำไส้แปรปรวน 

  • เสริมสร้างภูมิคุ้มกัน : โพรไบโอติกในโยเกิร์ตช่วยกระตุ้นการทำงานของระบบภูมิคุ้มกัน ทำให้ร่างกายแข็งแรงและลดความเสี่ยงในการเกิดโรคต่าง ๆ

  • บำรุงกระดูกและฟัน : โยเกิร์ตมีแคลเซียมสูง ซึ่งเป็นสารอาหารสำคัญในการเสริมสร้างกระดูกและฟันให้แข็งแรง ป้องกันโรคกระดูกพรุน

  • ช่วยควบคุมน้ำหนัก : โยเกิร์ตมีโปรตีนสูง ซึ่งช่วยให้อิ่มนาน ลดความอยากอาหาร และช่วยในการเผาผลาญไขมัน หากเลือกแบบแคลต่ำ น้ำตาลต่ำ โยเกิร์ตก็จะเป็นของว่างไม่อ้วนที่กินระหว่างมื้อ ลดความโหยในมื้ออาหารถัดไปได้ด้วย

  • ดีต่อช่องคลอด : จุลินทรีย์ชนิดดีในโยเกิร์ตสามารถต่อสู้กับแบคทีเรียและเชื้อราในช่องคลอดได้ จึงช่วยกำจัดกลิ่นไม่พึงประสงค์ และลดความเสี่ยงเกิดเชื้อราในช่องคลอด

  • ลดคอเลสเตอรอลในเลือด : โพรไบโอติกในโยเกิร์ตช่วยลดระดับคอเลสเตอรอลชนิดไม่ดี (LDL) ในเลือดได้หากรับประทานเป็นประจำ แต่ต้องเลือกกินสูตรไขมันต่ำ-น้ำตาลต่ำด้วยนะคะ 

กินโยเกิร์ตตอนไหนดี

กินโยเกิร์ตตอนไหนดี

          การกินโยเกิร์ตในแต่ละช่วงเวลา ส่งผลต่อการดูดซึมสารอาหารและประโยชน์ที่จะได้รับ ดังนี้

กินโยเกิร์ตตอนเช้า

           การกินโยเกิร์ตตอนเช้าขณะท้องว่างจะช่วยกระตุ้นการทำงานของลำไส้และระบบขับถ่าย หากกินโยเกิร์ตร่วมกับอาหารมื้อเช้า ร่างกายจะได้รับโปรตีนและสารอาหารต่าง ๆ จากโยเกิร์ตมาช่วยเติมพลังงานให้พร้อมในแต่ละวัน นอกจากความอิ่มอร่อยแล้วยังจะช่วยให้ร่างกายอิ่มได้นาน ลดความอยากกินจุบจิบระหว่างวันอีกด้วย ดังนั้น หากอยากกินโยเกิร์ตแก้ท้องผูก หรือกินโยเกิร์ตลดน้ำหนัก ตอนเช้านี้แหละตอบโจทย์
 

3 ประโยชน์สุดเริด ที่ได้จากการกินโยเกิร์ตตอนเช้า

กินโยเกิร์ตระหว่างวัน

           หากต้องการเติมพลังงานคลีน ๆ และลดความอยากกินของหวานน้ำตาลสูงระหว่างวัน แนะนำให้เลือกโยเกิร์ตแคลอรีต่ำ หรือกรีกโยเกิร์ตที่มีโปรตีนเน้น ๆ มารับประทานคู่กับผลไม้สดหรือแครกเกอร์สักแผ่นก็ได้ หรือหากวันไหนอารมณ์เทา ๆ ก็ให้โพรไบโอติกในโยเกิร์ตช่วยปรับสมดุลจุลินทรีย์ในลำไส้ แล้วส่งสัญญาณไปกระตุ้นให้ร่างกายอารมณ์ดีได้เลย

กินโยเกิร์ตตอนเย็น

           โพรไบโอติกในโยเกิร์ตจะช่วยส่งเสริมการทำงานของระบบย่อยอาหารให้ทำงานได้เต็มประสิทธิภาพ ช่วยให้อิ่มเร็วขึ้น ลดการบริโภคอาหารอื่น ๆ ลง เมื่อควบคุมปริมาณอาหารมื้อเย็นได้เช่นนี้ก็จะช่วยเพิ่มประสิทธิภาพในการลดน้ำหนักไปด้วยในตัว

กินโยเกิร์ตหลังออกกำลังกาย

           การกินโยเกิร์ตหลังออกกำลังกายจะช่วยเติมพลังงานให้ร่างกายคลายความเหนื่อยล้า และโปรตีนในโยเกิร์ตยังช่วยฟื้นฟูร่างกาย ช่วยซ่อมแซมกล้ามเนื้อที่เสียหายจากการออกกำลัง ลดอาการปวดเมื่อย และเสริมสร้างกล้ามเนื้อไปด้วยในตัว

กินโยเกิร์ตก่อนนอน

          โยเกิร์ตเป็นผลิตภัณฑ์จากนม จึงมีทริปโตเฟนที่ช่วยกระตุ้นการหลั่งฮอร์โมนเซโรโทนินและเมลาโทนิน ที่ช่วยให้ผ่อนคลาย และทำให้รู้สึกง่วงจนนำไปสู่การนอนหลับง่ายและหลับสนิท
 

6 ข้อดีของการกินโยเกิร์ตก่อนนอน ช่วยดีท็อกซ์ ควบคุมน้ำหนักได้

อย่างไรก็ดี เรายังมีเคล็ดลับการกินโยเกิร์ตเพื่อให้ได้ประโยชน์ต่อสุขภาพมากที่สุดมาฝากอีกด้วย

เคล็ดลับการกินโยเกิร์ต
ให้ได้ประโยชน์มากที่สุด

          โยเกิร์ตมีหลากหลายรสชาติและหลายสูตรให้เลือก แต่เพื่อประโยชน์ด้านสุขภาพ แนะนำให้เลือกกินโยเกิร์ตตามนี้ 

  • เลือกกินกรีกโยเกิร์ต ซึ่งมีน้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ และโปรตีนสูง หรือหากกินกรีกโยเกิร์ตไม่ไหว อาจเลือกโยเกิร์ตรสธรรมชาติที่มีปริมาณน้ำตาลน้อยกว่าโยเกิร์ตปรุงแต่งรสชาติก็ได้

  • เลือกโยเกิร์ตที่มีโพรไบโอติก โดยเช็กจากฉลากก็ได้ เลือกที่ระบุชัดเจนว่ามีโพรไบโอติก หรือบางยี่ห้อจะระบุว่า Live and Active หรือ Live Probiotic หรือ Living Probiotic หรือ Active Probiotic โดยแนะนำให้เลือกสูตรที่มีโพรไบโอติกหลาย ๆ ชนิด 

  • เลือกโยเกิร์ตที่ผลิตมาใหม่ ๆ เพราะจุลินทรีย์จะลดลงไปตามวันเวลาที่ผลิต 

  • เลือกโยเกิร์ตสูตรที่มีสารอาหารอื่น ๆ มาด้วย เช่น สูตรเพิ่มใยอาหาร เพิ่มวิตามินซี หรือเพิ่มแคลเซียม เป็นต้น

  • อย่าลืมเช็กปริมาณน้ำตาลและโซเดียม โดยควรเลือกสูตรน้ำตาลต่ำ โซเดียมต่ำ เพราะโยเกิร์ตที่มีน้ำตาลและโซเดียมสูงอาจเพิ่มปัญหาสุขภาพด้านอื่น ๆ

  • รับประทานโยเกิร์ตร่วมกับผลไม้ ธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต กราโนลา เมล็ดเจีย ถั่วอัลมอนด์ เพื่อเพิ่มความหลากหลายและคุณค่าทางอาหาร

กินโยเกิร์ตทุกวัน
มีผลเสียที่ต้องระวังไหม

กินโยเกิร์ตทุกวันผลเสีย

          แม้ว่าโยเกิร์ตจะมีประโยชน์ต่อสุขภาพ แต่การกินโยเกิร์ตทุกวันก็อาจมีผลข้างเคียงบางประการ เช่น

  • เสี่ยงภาวะขาดสารอาหาร แม้โยเกิร์ตจะมีโปรตีนและแคลเซียมสูงก็จริง แต่มีสารอาหารไม่ครบถ้วน จึงไม่ควรกินโยเกิร์ตเป็นอาหารหลักทุกมื้อ 

  • การรับประทานโยเกิร์ตทุกวันในปริมาณมาก ๆ อาจเสี่ยงจะได้รับปริมาณน้ำตาลเกินได้ โดยเฉพาะหากกินโยเกิร์ตรสผลไม้หรือรสหวานเป็นประจำ ซึ่งอาจเพิ่มความเสี่ยงต่อโรคอ้วน โรคเบาหวาน และฟันผุ

  • โยเกิร์ตบางชนิดผลิตจากนมเต็มมันจึงมีปริมาณไขมันสูง ไม่เหมาะกับคนที่ต้องการควบคุมระดับไขมันในเลือด

  • โยเกิร์ตบางประเภทอาจใส่สารกันเสีย หรือมีสารปรุงแต่งอื่น ๆ เช่น สารให้ความหวาน ซึ่งไม่ดีต่อสุขภาพหากรับประทานเป็นประจำ

           การกินโยเกิร์ตย่อมให้ประโยชน์ต่อสุขภาพได้ แต่ก็อย่างที่แนะนำว่าควรเลือกโยเกิร์ตน้ำตาลต่ำ ไขมันต่ำ และบริโภคในปริมาณที่เหมาะสม ร่วมกับรับประทานอาหารหลากหลายชนิด เน้นให้ครบ 5 หมู่ และออกกำลังกายเป็นประจำ

บทความที่เกี่ยวข้องกับโยเกิร์ต

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
กินโยเกิร์ตตอนไหนดี ดึงประโยชน์จากโยเกิร์ตให้ตอบโจทย์ ต้องกินให้ถูกเวลา อัปเดตล่าสุด 10 กุมภาพันธ์ 2568 เวลา 22:16:26
TOP
x close