6 เคล็ดลับกินน้ำมันปลาให้ได้ประโยชน์จริงไม่จกตา รับโอเมก้า 3 แบบเต็ม ๆ

          น้ำมันปลาเป็นอาหารเสริมสุดฮิตที่คนนิยมกินกันถ้วนหน้า แต่ไหน ๆ ก็ซื้อน้ำมันปลามากินแล้ว อยากชวนแวะมาเก็บเคล็ดลับกิน Fish oil ให้ได้ประโยชน์แบบไม่ตกหล่นกันด้วย
น้ำมันปลา

          น้ำมันปลา (Fish Oil) อุดมไปด้วยกรดไขมันโอเมก้า 3 ที่จำเป็นต่อร่างกาย โดยเฉพาะอย่างยิ่ง EPA และ DHA ซึ่งมีบทบาทสำคัญในการส่งเสริมสุขภาพในหลากหลายด้าน ทั้งช่วยมีส่วนช่วยบำรุงหัวใจ ดีต่อสมอง ข้อต่อ ดวงตา รวมไปถึงมีส่วนช่วยลดการอักเสบในร่างกาย อย่างไรก็ตาม การจะกินน้ำมันปลาให้ได้ประโยชน์สูงสุด ไม่ใช่แค่กินเป็นประจำเท่านั้น แต่ยังมีเคล็ดลับเล็ก ๆ น้อย ๆ ที่อาจช่วยให้การดูดซึมและการทำงานของน้ำมันปลามีประสิทธิภาพยิ่งขึ้น มาดูกันว่ามีอะไรบ้าง

เคล็ดลับกินน้ำมันปลาให้ได้ประโยชน์เต็ม ๆ

          ถ้ากำลังกินน้ำมันปลาอยู่ อย่าลืมทำตามเคล็ดลับเหล่านี้ด้วย เริ่มตั้งแต่การเลือกซื้อน้ำมันปลาเลย

1. เลือกน้ำมันปลาที่มีคุณภาพสูง

          ในท้องตลาดมีน้ำมันปลาให้เลือกมากมาย และหากสงสัยว่าน้ำมันปลาที่มีคุณภาพดูยังไง ด้านล่างนี้ก็คือจุดที่อยากให้พิจารณา
  • แหล่งที่มาของปลา : ควรเลือกน้ำมันปลาที่สกัดมาจากปลาทะเลที่จับจากแหล่งน้ำลึกและเย็น เช่น ปลาแซลมอน ปลาแมคเคอเรล ปลาซาร์ดีน หรือปลาแอนโชวี่ เพราะมีโอกาสปนเปื้อนสารพิษน้อยกว่า
  • ปริมาณ EPA และ DHA : ตรวจสอบฉลากผลิตภัณฑ์ให้แน่ใจว่ามีปริมาณ EPA และ DHA ที่เพียงพอต่อความต้องการ โดยทั่วไปแล้ว ผลิตภัณฑ์คุณภาพดีจะมี EPA และ DHA รวมกันอย่างน้อย 250 มิลลิกรัมต่อแคปซูล
  • มีส่วนผสมของวิตามินอี : เพราะวิตามินอีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ละลายในไขมันได้ดี มีส่วนช่วยเสริมการทำงาน และช่วยคงประสิทธิภาพของกรดไขมันโอเมก้า 3 ในน้ำมันปลาให้อยู่ได้นานขึ้นระหว่างเก็บรักษา
  • มีใบรับรองคุณภาพ : ไม่ว่าจะจาก อย. ไทย หรือได้รับมาตรฐานน้ำมันปลาสากล อย่าง IFOS (International Fish Oil Standards), GOED (Global Organization for EPA and DHA Omega-3s) หรือ FOS (Friend of the Sea) ซึ่งเป็นที่ยอมรับในระดับสากล

2. กินพร้อมอาหารที่มีไขมันดี

น้ำมันปลา กินตอนไหนดี

          น้ำมันปลา กินตอนไหนดี บอกเลยว่าควรกินพร้อมมื้ออาหาร และควรเป็นมื้อที่มีไขมันดีอย่างอะโวคาโด ถั่วต่าง ๆ หรือน้ำมันมะกอกอยู่ด้วย เพราะโอเมก้า 3 เป็นไขมันที่ละลายได้ดีในไขมัน การกินน้ำมันปลาคู่กับไขมันดีจึงจะช่วยเพิ่มการดูดซึมกรดไขมันโอเมก้า 3 เข้าสู่ร่างกายได้ดียิ่งขึ้น 
          อย่างไรก็ตาม แนะนำให้หลีกเลี่ยงการกินน้ำมันปลาคู่กับอาหารที่มีคอเลสเตอรอลสูงหรือไขมันอิ่มตัว เช่น ของทอดหรือเนื้อสัตว์ติดมัน เพราะอาจทำให้ผลดีของน้ำมันปลาถูกกลบด้วยผลเสียจากไขมันชนิดอื่น ที่สำคัญยังเสี่ยงจะเพิ่มคอเลสเตอรอลในเลือดไปด้วย

3. กินเวลาเดียวกันทุกวัน กินอย่างสม่ำเสมอ

น้ำมันปลา กินต่อเนื่องได้ไหม

          การกินน้ำมันปลาให้ได้ผลต้องอาศัยความสม่ำเสมอ เลือกเวลากินที่แน่นอน เช่น หลังอาหารกลางวันหรือเย็น ซึ่งเป็นมื้อที่คนกินไขมันมากกว่ามื้อเช้า และพยายามกินต่อเนื่องทุกวัน ไม่เว้นช่วง เพื่อให้ร่างกายได้รับโอเมก้า 3 อย่างสม่ำเสมอ ซึ่งส่งผลต่อการดูแลสุขภาพในระยะยาว

4. กินน้ำมันปลาในปริมาณที่เหมาะสม

          เพื่อความปลอดภัยและประสิทธิภาพสูงสุด ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนเริ่มรับประทานน้ำมันปลาเสมอ เนื่องจากปริมาณที่แนะนำจะแตกต่างกันไปตามวัตถุประสงค์และปัจจัยด้านสุขภาพของแต่ละบุคคล เช่น 
  • สำหรับการดูแลสุขภาพทั่วไปอาจแนะนำให้เลือกน้ำมันปลาที่ให้ EPA และ DHA รวมกันราว ๆ 250-500 มิลลิกรัมต่อวัน 
  • หากต้องการดูแลสมองและดวงตาอาจเน้นปริมาณ DHA ที่สูงขึ้น 
  • หากต้องการใช้น้ำมันปลาเพื่อดูแลหัวใจ ควบคุมระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์อาจต้องได้ปริมาณกรดไขมัน EPA ที่สูงขึ้น หรือปริมาณรวมของทั้งสองชนิดที่สูงกว่า 
  • ส่วนการใช้น้ำมันปลาเพื่อเสริมสุขภาพในผู้ที่มีโรคประจำตัว หรือกำลังป่วยอยู่ ก็ยิ่งจำเป็นต้องปรึกษาแพทย์ประจำตัวก่อนรับประทาน 

5. ไม่กินร่วมกับยาบางชนิด

น้ำมันปลา ไม่ควรกินคู่กับอะไร

          น้ำมันปลามีคุณสมบัติลดการแข็งตัวของเลือด จึงอาจเกิดปฏิกิริยากับยาในกลุ่มต้านการแข็งตัวของเลือด เช่น วาร์ฟาริน (Warfarin) หรือแอสไพริน (Aspirin) การกินน้ำมันปลาปริมาณสูงร่วมกับยาเหล่านี้อาจเพิ่มความเสี่ยงต่อภาวะเลือดออกผิดปกติได้ 
          นอกจากนี้ยังรวมไปถึงผู้ที่กินยาลดความดันโลหิต เพราะน้ำมันปลาอาจเพิ่มการขยายตัวของหลอดเลือด ทำให้ความดันโลหิตลดต่ำเกินไป หรือการกินน้ำมันปลากับยาคุมกำเนิดบางชนิดก็อาจลดประสิทธิภาพในการลดระดับไขมันไตรกลีเซอไรด์ของน้ำมันปลาได้ จึงไม่ควรกินคู่กัน

6. เก็บรักษาให้ถูกวิธี

          น้ำมันปลาไวต่อการเสื่อมสภาพเมื่อสัมผัสกับความร้อน แสงแดด และอากาศ ซึ่งอาจทำให้เกิดการออกซิเดชันและลดประสิทธิภาพลงได้ จึงควรเลือกน้ำมันปลาที่บรรจุในขวดสีเข้ม หรือบรรจุในแคปซูลทึบแสง เพื่อป้องกันการเสื่อมสภาพจากแสง และเมื่อเปิดแล้วควรปิดฝาขวดให้สนิทเพื่อป้องกันอากาศเข้า ก่อนจะเก็บน้ำมันปลาไว้ในตู้เย็น หรือในที่ที่อุณหภูมิต่ำและไม่โดนแสงแดดโดยตรง 
          การกินน้ำมันปลาอย่างถูกวิธีและการเลือกผลิตภัณฑ์ที่มีคุณภาพ จะช่วยให้เราได้รับประโยชน์จากกรดไขมันโอเมก้า 3 อย่างเต็มที่ และส่งเสริมสุขภาพที่ดีจากภายในสู่ภายนอก อย่างไรก็ตาม การดูแลสุขภาพที่ดีที่สุดคือการรักษาสมดุลในทุกด้าน ไม่ว่าจะเป็นการกินอาหารที่มีประโยชน์ การออกกำลังกายอย่างสม่ำเสมอ และการพักผ่อนให้เพียงพอ ทั้งหมดนี้ก็เป็นสิ่งที่สำคัญที่ควรทำให้ได้ในทุก ๆ วัน 

บทความที่เกี่ยวข้องกับน้ำมันปลา

ขอบคุณข้อมูลจาก : webmd.com, medicalnewstoday.com
เรื่องน่าสนใจอื่นๆ
เรื่องที่คุณอาจสนใจ
6 เคล็ดลับกินน้ำมันปลาให้ได้ประโยชน์จริงไม่จกตา รับโอเมก้า 3 แบบเต็ม ๆ อัปเดตล่าสุด 31 กรกฎาคม 2568 เวลา 16:01:50
TOP
x close