
เช็กปัญหาสุขภาพของผู้หญิงวัยเลข 3

เมื่อก้าวเข้าสู่วัย 30+ ร่างกายของผู้หญิงก็ค่อย ๆ เสื่อมถอยลง ลองมาดูกันหน่อยว่ามีปัญหาสุขภาพไหนบ้างที่มักพบได้บ่อย ๆ
-
ผิวพรรณเสื่อมสภาพ : ผิวเริ่มไม่กระชับ แห้งกร้าน ขาดความชุ่มชื้น และมีริ้วรอยเล็ก ๆ เกิดขึ้น เนื่องจากคอลลาเจนและอีลาสตินในชั้นผิวเสื่อมสลายเร็วขึ้น
-
ผมและเล็บอ่อนแอ : เส้นผมร่วงง่ายและบางลง ส่วนเล็บเปราะแตกง่าย โดยเฉพาะผู้ที่ขาดสารอาหารจำเป็น เช่น ไบโอตินหรือสังกะสี
-
ระบบเผาผลาญทำงานช้าลง : ร่างกายเผาผลาญพลังงานได้น้อยกว่าตอนอายุ 20 ทำให้น้ำหนักขึ้นง่าย รอบเอวขยาย แม้จะกินอาหารในปริมาณใกล้เคียงเดิม
-
ภูมิคุ้มกันอ่อนแอ : สาว ๆ วัยนี้จะรู้สึกได้ว่าตัวเองไม่แข็งแรงเหมือนเดิม ป่วยง่าย ติดหวัดหรือมีอาการภูมิแพ้บ่อยขึ้น
-
อ่อนเพลียและสมาธิลดลง : รู้สึกเหนื่อยง่าย สมองล้า ขาดสมาธิ ส่งผลต่อประสิทธิภาพการทำงาน
-
กระดูกและข้อเริ่มเสื่อม : มีอาการปวดเมื่อย หรือได้ยินเสียงลั่นตามข้อ เพราะแคลเซียมในร่างกายดูดซึมได้น้อยลง ทำให้มวลกระดูกลดลงตามอายุ เสี่ยงต่อกระดูกพรุนในอนาคต
-
ฮอร์โมนไม่สมดุล : ส่งผลให้อารมณ์แปรปรวน เครียดง่าย หงุดหงิด รอบเดือนมาไม่สม่ำเสมอ และอาจมีสิวฮอร์โมนร่วมด้วย
-
ปัญหาการนอน : ความรับผิดชอบทั้งงานและครอบครัวอาจทำให้นอนไม่หลับ วิตกกังวลเรื้อรัง หรือบางคนเข้าสู่ภาวะ Burnout
เช็กลิสต์ดูซิว่าตัวเองมีปัญหาสุขภาพเหล่านี้สักกี่ข้อ แล้วเลื่อนลงไปมองหาสารอาหารที่ควรให้ความใส่ใจเป็นพิเศษกันค่ะ
ผู้หญิงอายุ 30 ควรกินวิตามินอะไร

วิตามินสำหรับผู้หญิงอายุ 30+ มีอยู่หลากหลายชนิด ยกตัวอย่างเช่น
-
วิตามินบี : พบมากในเนื้อแดง ซึ่งจะช่วยบำรุงระบบประสาทและสมอง ลดความเครียด เติมพลังงาน และบรรเทาอาการเหนื่อยล้า
-
วิตามินซี : เสริมภูมิคุ้มกัน กระตุ้นการสร้างคอลลาเจนเพื่อดูแลผิวพรรณ อีกทั้งมีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยเรื่องการชะลอวัย สามารถรับประทานได้จากผักใบเขียวและผลไม้ เช่น ส้ม กีวี สตรอว์เบอร์รี ฝรั่ง มะเขือเทศ ฯลฯ
-
วิตามินดี : เป็นวิตามินที่ช่วยดูดซึมแคลเซียมและฟอสฟอรัสที่จำเป็นต่อการเสริมความแข็งแรงให้กระดูก สาว ๆ จึงควรตากแดดอ่อน ๆ ตอนเช้าเป็นประจำเพื่อกระตุ้นการสร้างวิตามินดีตามธรรมชาติ
-
วิตามินอี : สารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยปกป้องเซลล์ ชะลอความเสื่อมของอวัยวะต่าง ๆ และมีส่วนช่วยให้ฮอร์โมนทำงานสมดุลมากขึ้น แหล่งที่พบวิตามินอีก็คือ ไข่ โฮลเกรน ถั่วและเมล็ดพืช น้ำมันจากพืช เช่น น้ำมันรำข้าว น้ำมันมะกอก เป็นต้น
-
แคลเซียม : แร่ธาตุสำคัญที่ช่วยเสริมสร้างมวลกระดูก ลดความเสี่ยงกระดูกพรุน โดยเฉพาะในวัย 30 ที่การดูดซึมแคลเซียมเริ่มน้อยลง จึงควรรับประทานอาหารที่มีแคลเซียมสูง อย่างนม ปลาเล็กปลาน้อย ผักใบเขียว งาดำ งาขาว ถั่วเหลือง เป็นต้น
-
คอลลาเจน : โปรตีนหลักของผิว เส้นผม เล็บ ข้อต่อและกระดูก จึงช่วยรักษาความยืดหยุ่นให้ผิวหนัง เสริมความแข็งแรงให้เนื้อเยื่อเกี่ยวพันและกระดูก ข้อต่อ ซึ่งแหล่งคอลลาเจนธรรมชาติอยู่ในเนื้อปลา กระดูกอ่อน ผลิตภัณฑ์จากนมวัว ไข่ขาว ถั่วเหลือง เป็นต้น
-
ธาตุเหล็ก : สารอาหารที่ช่วยเรื่องการสร้างเม็ดเลือดแดง ซึ่งจำเป็นต่อผู้หญิงที่มีประจำเดือน มักพบในอาหารประเภทเครื่องในสัตว์ อาหารทะเล ถั่วและธัญพืช
-
สังกะสี : ช่วยเสริมภูมิคุ้มกัน บำรุงผิว ผม เล็บ และสมานแผล โดยแหล่งอาหารที่พบสังกะสีมากก็อย่างเช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ เนื้อวัว เนื้อหมู ตับ ไข่แดง เมล็ดฟักทอง งาดำ อัลมอนด์ เป็นต้น
-
กรดไขมันโอเมก้า-3 : กรดไขมันไม่อิ่มตัวที่ช่วยบำรุงสมอง ลดการอักเสบ และลดความเสี่ยงโรคหัวใจ พบในปลาทะเลน้ำลึก อย่างปลาแซลมอน ปลาทูน่า หอยนางรม และอาหารเสริมน้ำมันปลา (Fish oil)
-
โคเอนไซม์คิวเทน : สารคล้ายวิตามินที่ช่วยให้เซลล์ทำงานได้อย่างมีประสิทธิภาพ โดยเฉพาะหัวใจ ตับ และไต อีกทั้งเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยลดความเสื่อมของเซลล์ ชะลอวัย พบมากในตับและหัวใจสัตว์ ปลาทะเล ถั่วเปลือกแข็ง น้ำมันถั่วเหลือง น้ำมันคาโนลา เป็นต้น
-
โพรไบโอติก : มีส่วนช่วยเรื่องภูมิคุ้มกัน ระบบขับถ่าย รวมถึงดูแลสุขภาพช่องคลอดและระบบสืบพันธุ์ โดยสามารถรับประทานได้จากโยเกิร์ต กิมจิ มิโสะ หรือผลิตภัณฑ์เสริมอาหารโพรไบโอติก
อย่างไรก็ตาม ในความเป็นจริง หลายคนอาจไม่สามารถรับประทานอาหารเหล่านี้ได้เป็นประจำทุกวัน จึงทำให้อาหารเสริมกลายเป็นอีกหนึ่งตัวช่วยที่เข้ามาเติมเต็มสิ่งที่ร่างกายอาจขาดไป แล้วถ้าจะเลือกซื้ออาหารเสริมสักตัว ควรพิจารณาเรื่องไหนบ้างนะ
วิธีเลือกซื้อวิตามิน
สำหรับผู้หญิงอายุ 30+

-
สำรวจความต้องการหลักของตัวเองเพื่อเลือกวิตามินที่ตอบโจทย์ที่สุด เช่น
-
ถ้ามีอาการอ่อนเพลีย สมองล้า คิดอะไรไม่ค่อยออก ควรเสริมด้วยวิตามินบีรวม ที่มีส่วนช่วยดูแลระบบประสาทและสมอง
-
ต้องการเน้นดูแลเรื่องผิวพรรณ เส้นผม เล็บ ควรเสริมด้วยวิตามินซี วิตามินอี คอลลาเจน หรือสังกะสี
-
อยากดูแลเรื่องสุขภาพกระดูกเป็นพิเศษ ควรเลือกอาหารเสริมที่มีส่วนผสมของแคลเซียมหรือวิตามินดี เป็นต้น
-
-
เช็กไลฟ์สไตล์ส่วนตัวว่าต้องการสารอาหารชนิดใดเป็นพิเศษหรือไม่ เช่น
-
เป็นคนนอนดึก พักผ่อนไม่เพียงพอ นอนไม่หลับ ขาดสมาธิ ควรเสริมด้วยวิตามินบีรวมหรือแมกนีเซียม
-
ไม่ค่อยได้ดื่มนม ไม่ได้ทำงานกลางแจ้ง ควรเสริมด้วยแคลเซียมหรือวิตามินดี เพื่อช่วยดูแลกระดูก
-
-
ตรวจสอบปริมาณที่ควรได้รับต่อวันและเทียบกับปริมาณที่จะได้รับจากอาหารเสริม เพื่อป้องกันการรับประทานเกินปริมาณกำหนด ซึ่งอาจส่งผลข้างเคียงได้
-
เลือกจากรูปแบบของวิตามิน เช่น แบบเม็ด แบบแคปซูล แบบเม็ดฟู่ แบบผงชง ควรเลือกรสชาติและรูปแบบที่สะดวกต่อการรับประทานได้อย่างต่อเนื่อง
-
เลือกผลิตภัณฑ์ที่ไม่มีส่วนผสมของน้ำตาล วัตถุกันเสีย สเตียรอยด์
-
ตรวจสอบส่วนผสมของอาหารเสริม เพื่อหลีกเลี่ยงส่วนประกอบที่อาจทำให้เรามีอาการแพ้ และสารต้องห้ามต่าง ๆ
-
อ่านฉลากบนผลิตภัณฑ์อย่างละเอียด เพื่อพิจารณาวิธีการรับประทาน ข้อควรระวัง คำเตือนต่าง ๆ
-
ตรวจสอบเลขทะเบียน อย. วันผลิต วันหมดอายุ ชื่อบริษัทที่ผลิต
-
เลือกยี่ห้อที่มีชื่อเสียง น่าเชื่อถือ ผ่านการรับรองจากหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง เพราะแม้ราคาอาจสูงกว่า แต่มีคุณภาพดีกว่าแบรนด์ที่มีราคาถูกผิดปกติ หรือไม่มีแหล่งผลิตชัดเจน
-
ซื้อผลิตภัณฑ์จากร้านขายยา ร้านค้าชั้นนำ หรือร้านค้าออนไลน์ของบริษัทโดยตรง เพื่อป้องกันผลิตภัณฑ์ปลอม
-
หากมีโรคประจำตัวหรือกินยาประจำอยู่ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร ก่อนเริ่มกินวิตามินเสริมเสมอ
วิตามิน-อาหารเสริมผู้หญิงวัย 30+
ยี่ห้อไหนดี ปี 2568
มาพิจารณากันว่ามีวิตามินหรืออาหารเสริมยี่ห้อไหนที่เหมาะกับผู้หญิงวัย 30+ กันบ้าง
1. Trio-C +Q

ภาพจาก : The M BRACE by BNH Hospital
สำหรับคนที่กำลังมองหาวิตามินซีหลายแหล่งแบบครบ ๆ ในเม็ดเดียว ทรีโอ้ ซี จากโรงพยาบาล BNH เป็นตัวเลือกที่น่าสนใจ เพราะรวมวิตามินซีไว้ถึง 3 รูปแบบ ได้แก่ โซเดียม แอสคอร์เบต ที่ดูดซึมง่ายและไม่ระคายเคืองกระเพาะอาหาร, กรดแอสคอร์บิก ซึ่งเป็นวิตามินซีที่ร่างกายนำไปใช้ได้ดี และสารสกัดจากอะเซโรล่า เชอร์รี ที่เป็นแหล่งวิตามินซีจากธรรมชาติ นอกจากนี้ยังมีโคเอนไซม์ คิวเทน และเควอซิทิน ที่ช่วยเสริมประสิทธิภาพการทำงานร่วมกับวิตามินซี เพื่อดูแลทั้งระบบภูมิคุ้มกันและผิวพรรณ ที่สำคัญคือขวดนี้ไม่มีน้ำตาลและสารกันเสียใด ๆ
-
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้า
-
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
-
ราคาปกติ : 390 บาท
2. Swiss Ener Vitamin B-complex

ภาพจาก : Swiss Ener and Dr.Frei Mall
สวิสเอ็นเนอร์ บี-คอมเพล็กซ์ วิตามินบีรวม 8 ชนิด (วิตามินบี 1, 2, 3, 5, 6, 7, 9 และ 12) ที่ผลิตและนำเข้าจากประเทศสวิตเซอร์แลนด์ เหมาะกับ Working Women ซึ่งต้องการดูแลระบบประสาทและสมองมากเป็นพิเศษ โดยทางแบรนด์ก็มีงานวิจัยสนับสนุนว่า วิตามินบีรวมมีส่วนช่วยลดความเครียด บรรเทาความเหนื่อยล้าทางจิตใจ และเพิ่มความสดชื่นได้ นอกจากนี้ยังเลือกใช้แคปซูลสวิสนาโนที่ค่อย ๆ ปล่อยสารออกฤทธิ์ต่อเนื่องนาน 8 ชั่วโมง สาว ๆ คนไหนที่อยากเติมพลังกายและพลังสมองให้ตัวเอง ลองพิจารณาแบรนด์นี้ดูเลย
-
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้า
-
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
-
ราคาปกติ : 1,350 บาท
3. Dr.PONG MC1 PYCNOGENOL plus Red orange extract

ภาพจาก : Dr. Pong shop
ดอกเตอร์พงศ์ เอ็มซี 1 พิคโนจีนอล พลัส เรด ออเรนจ์ เอ็กซ์แทรก ขวดนี้เหมาะสำหรับคนเป็นฝ้าหรือต้องการปกป้องผิวเมื่อต้องโดนแดดและรังสี UV เพราะมีส่วนผสมของสารสกัดจากเปลือกสนฝรั่งเศสและสารสกัดส้มแดงจากอิตาลีที่มีงานวิจัยผ่านการทดสอบในคนจริงมาแล้วว่ามีส่วนช่วยลดความแดงของผิวหนังหลังโดนแดด ลดเลือนฝ้าและความหมองคล้ำของผิว พร้อมกับเติมความชุ่มชื้นให้กับผิวได้ เมื่อรับประทานต่อเนื่องเป็นประจำ
-
วิธีรับประทาน : ครั้งละ 2 แคปซูล พร้อมอาหาร
-
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
-
ราคาปกติ : 999 บาท
4. Zenji Yuki Probiotics

ภาพจาก : Zenji Official
โพรไบโอติกสูตรเฉพาะสำหรับผู้หญิงจากแบรนด์เซนจิ ให้จุลินทรีย์ดี 10,000 CFU จาก 3 สายพันธุ์ที่ช่วยดูแลสุขภาพผู้หญิงโดยตรง โดยแต่ละสายพันธุ์ยังมีบทบาทสำคัญในการรักษาสมดุลของช่องคลอดและมีส่วนช่วยยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อก่อโรคที่เป็นอันตราย นอกจากนี้ยังเสริมด้วยสารสกัดจากธรรมชาติ อย่างตังกุย แครนเบอร์รี ถั่วเหลือง และทับทิม ที่ช่วยดูแลระบบต่าง ๆ ของผู้หญิงโดยเฉพาะ
-
วิธีรับประทาน : 1-2 แคปซูล ก่อนอาหารเช้าหรือก่อนนอน
-
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
-
ราคาปกติ : 399 บาท
5. Plantae Vitamin Plus Whole Food : One A Day Active W+

ภาพจาก : plantae
One A Day : Active W+ Multivitamin + Whole Food Complex มัลติวิตามินสูตรผู้หญิงจากแพลนท์เต้ ที่ผสานวิตามินและเกลือแร่จำเป็น 24 ชนิด ตั้งแต่ A-Zinc เข้ากับสารสกัดจากพืชและโฮลฟู้ดอีก 33 ชนิด เพิ่มประโยชน์ให้หลากหลายขึ้น จุดเด่นคือเป็นสูตร High Potency ที่วิตามินหลายชนิดมีปริมาณครอบคลุมความต้องการในหนึ่งวัน อีกทั้งเลือกใช้ฟอร์มวิตามินที่ดูดซึมได้ดี ช่วยให้ร่างกายนำสารอาหารไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพ เหมาะสำหรับสาว ๆ ที่มองหามัลติวิตามินที่ให้ทั้งความเข้มข้นและความเป็นธรรมชาติในเม็ดเดียว
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังอาหารเช้าหรือกลางวัน
-
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
-
ราคาปกติ : 590 บาท
6. Amsel Calcium L-Threonate+Collagen Type II

ภาพจาก : Amsel Official shop
สำหรับผู้หญิงที่อยากดูแลสุขภาพกระดูก ลองมาดูแคลเซียมจากแบรนด์แอมเซล ขวดนี้เขาเลือกใช้แคลเซียมแอล-ทริโอเนต 480 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นฟอร์มที่ดูดซึมได้ดี มาพร้อมกับคอลลาเจนไทพ์ ทู 20 มิลลิกรัม เพื่อช่วยดูแลข้อต่อและกระดูก เสริมด้วยวิตามินดี 3 และวิตามินเค 2 ที่ช่วยให้ร่างกายนำแคลเซียมไปใช้ได้อย่างมีประสิทธิภาพมากขึ้น เรียกได้ว่ามีสารอาหารสำคัญต่อกระดูกค่อนข้างครบในเม็ดเดียว
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1-2 แคปซูล หลังอาหาร
-
ขนาดบรรจุ : 60 แคปซูล
-
ราคาปกติ : 690 บาท
7. Bomi AstaReal Asta Concentrate 6

ภาพจาก : MizuMi&Bomi Official Shop
โบมิ แอสตาเรียล แอสตา คอนเซนเทรท 6 ในแต่ละเม็ดประกอบด้วยสารสกัดสาหร่ายสีแดงธรรมชาติจากประเทศญี่ปุ่น ที่ให้แอสต้าแซนทินธรรมชาติ 6 มิลลิกรัม และยังมีน้ำมันถั่วเหลือง กรดไขมันโอเมก้า-3 น้ำมันเมล็ดองุ่น และวิตามินอี ซึ่งทั้งหมดนี้มีส่วนช่วยดูแลผิวพรรณจากภายใน เหมาะกับสาว ๆ วัยเลข 3 ขึ้นไปที่เริ่มกังวลเรื่องผิวและริ้วรอย
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด หลังอาหาร
-
ขนาดบรรจุ : 30 เม็ด
-
ราคาปกติ : 790 บาท
8. Giffarine ZINC & COLLAGEN

ภาพจาก : giffmart.com
สาว ๆ ที่กังวลเรื่องเส้นผม สิว และผิวพรรณ อาจพิจารณาเสริมแร่ธาตุสังกะสี (ZINC) ให้ร่างกาย อย่างเช่นผลิตภัณฑ์จากแบรนด์กิฟฟารีน ขวดนี้เป็นอาหารเสริมที่รวม 5 สารอาหารสำคัญ ได้แก่ ซิงค์ กลูโคเนต, คอลลาเจนไดเปปไทด์จากปลาทะเล, แอล-อาร์จินีน (L-Arginine), แอล-ออร์นิทีน (L-Ornithine) และวิตามินซี จึงช่วยดูแลผิวพรรณ พร้อมทั้งมีส่วนช่วยกระตุ้นการสร้างโกรทฮอร์โมนที่ทำหน้าที่ซ่อมแซมและเสริมการทำงานของระบบต่าง ๆ ให้ร่างกายคงความสมดุล
-
วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
-
ขนาดบรรจุ : 30 แคปซูล
-
ราคาปกติ : 550 บาท
ข้อควรระวังในการรับประทานวิตามิน

ในการรับประทานอาหารเสริมก็มีหลายเรื่องที่คุณผู้หญิงต้องระวังเพื่อความปลอดภัย ดังนี้
-
อ่านคำเตือนในฉลากก่อนบริโภค
-
ตรวจสอบส่วนผสมอย่างละเอียดว่ามีวิตามินแร่ธาตุตรงกับที่ต้องการหรือไม่ และมีปริมาณมาก-น้อยแค่ไหน
-
หากกินวิตามินหลายตัวควรระวังการได้รับสารอาหารซ้ำซ้อนกัน ซึ่งอาจทำให้เกินปริมาณที่ร่างกายควรได้รับในแต่ละวัน
-
ไม่รับประทานเกินขนาดที่แต่ละยี่ห้อแนะนำ หรือรับประทานติดต่อกันเป็นเวลานานเกินไป
-
ไม่ควรรับประทานเพื่อหวังผลในการรักษาโรค
-
เด็กและสตรีมีครรภ์ไม่ควรรับประทานวิตามินและอาหารเสริม
-
ผู้ที่ใช้ยาต้านการแข็งตัวของเลือดไม่ควรรับประทานวิตามินเสริมโดยไม่ได้ปรึกษาแพทย์
-
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับไต หรือประวัตินิ่วในไตควรปรึกษาแพทย์ก่อนใช้
-
ปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนซื้อวิตามินมารับประทาน โดยเฉพาะคนที่มีโรคประจำตัวหรือรับประทานยาบางตัวเป็นประจำ
-
หากมีอาการผิดปกติ อาการแพ้ เช่น หน้าบวม มีผื่นขึ้น หายใจลำบาก ควรหยุดรับประทานทันที และรีบพบแพทย์
-
วิตามินและผลิตภัณฑ์เสริมอาหารต่าง ๆ ไม่มีผลในการป้องกันหรือรักษาโรค ควรกินอาหารหลากหลายให้ครบ 5 หมู่ ในสัดส่วนที่เหมาะสมเป็นประจำ
บทความที่เกี่ยวข้องกับวิตามินและอาหารเสริมสำหรับผู้หญิง
- วิตามินหรืออาหารเสริมผู้หญิงวัย 40 ปี ยี่ห้อไหนดี ช่วยเข้าสู่วัยทองอย่างเฮลธ์ตี้
- โพรไบโอติกสำหรับผู้หญิงยี่ห้อไหนดี เสริมความเฮลธ์ตี้ให้น้องสาว
- เวย์โปรตีนสำหรับผู้หญิง ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 เสริมสร้างกล้ามเนื้อ ดื่มง่าย อิ่มอยู่ท้อง
- ก่อนเป็นเมนส์ควรกินอะไร รวม 5 วิตามินตัวช่วยลดอาการ PMS ที่ผู้หญิงควรรู้
- สังกะสี หรือ Zinc ยี่ห้อไหนดี ปี 2025 วิตามินแร่ธาตุที่คนผมร่วง เป็นสิวถามหา