
เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ภาพประกอบไม่เกี่ยวข้องกับข้อมูล
สาธารณสุข เตรียมนำสรรพคุณสมุนไพรพื้นบ้าน มาปรุงเป็นอาหารในโรงพยาบาลสังกัดกระทรวง เพื่อเป็นการเผยแพร่สรรพคุณทางอ้อม หลังจากผลวิจัยชี้ว่า สมุนไพรไทยมีคุณค่าอนันต์
นายต่อพงษ์ ไชยสาส์น รัฐมนตรีช่วยว่าการกระทรวงสาธารณสุข กล่าวว่า ขณะนี้ทางกระทรวงมีนโยบายให้สำนักโภชนาการ กรมอนามัย ศึกษาวิจัยคุณค่าผักพื้นบ้านของคนไทย 4 ภาคที่นิยมกินกัน เพื่อเผยแพร่สรรพคุณและส่งเสริมให้นำมาเป็นอาหารบำรุงสุขภาพ เพราะเห็นว่า สมุนไพรเหล่านี้มีประโยชน์และมีคุณพิเศษต่างจากอาหารชาติอื่น โดยให้โรงพยาบาลในสังกัดกระทรวงมาปรุงเป็นอาหารผู้ป่วยเพื่อเป็นตัวอย่าง และผู้ป่วยสามารถนำไปปรุงต่อที่บ้านได้หลังจากออกจากโรงพยาบาลแล้ว
ด้านนายแพทย์สมยศ ดีรัศมี อธิบดีกรมอนามัย เปิดเผยว่า ประเทศไทยมีผักพื้นบ้านมากกว่า 300 ชนิด มักเกิดขึ้นตามธรรมชาติที่ริมห้วย ป่าเขา และผลการศึกษาผักพื้นบ้านปี 2554 ทางกรมได้เก็บผักพื้นบ้าน 45 ชนิด จากทั้งหมด 4 ภาค พบว่า เมื่อเปรียบเทียบน้ำหนักที่ 100 กรัม ผักพื้นบ้านจะให้สารอาหารโปรตีน ไขมัน และคาร์โบไฮเดรตต่ำมาก นั่นหมายถึงกินแล้วไม่อ้วน ส่วนสารอาหารประเภทอื่น สามารถจำแนกได้ดังนี้
แคลเซียม มีสรรพคุณเป็นองค์ประกอบสำคัญของกระดูก ป้องกันโรคกระดูกพรุน อยู่มากที่สุดในผัก 5 อันดับแรก คือ





ธาตุเหล็ก มีสรรพคุณสร้างฮีโมโกลบินในเม็ดเลือดแดง นำออกซิเจนไปเลี้ยงเซลล์ต่าง ๆ ในร่างกาย อยู่มากที่สุดในผัก 5 อันดับแรก คือ





ใยอาหาร มีสรรพคุณทำให้ท้องไม่ผูก ขับถ่ายง่าย กันมะเร็งในลำไส้ อยู่มากที่สุดในผัก 5 อันดับแรกคือ





เบต้าแคโรทีน ที่มีมากที่สุดในผัก 5 อันดับแรก คือ





วิตามินซี มีมากที่สุดในผัก 5 อันดับแรก คือ





ทั้งนี้ สรรพคุณของเบต้าแคโรทีนและวิตามินซี ช่วยในการต้านอนุมูลอิสระ ป้องกันโรคมะเร็ง หัวใจ และเพิ่มภูมิต้านทานในร่างกาย
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก
