เมื่อความเสื่อมไม่ได้ขึ้นอยู่กับวัย แต่พฤติกรรมที่ทำกันทุกวันก็อาจเป็นสาเหตุของกระดูกคอเสื่อมได้ งั้นลองเช็กดูหน่อยไหมว่าอาการเป็นยังไง
กระดูกคอ คือข้อกระดูกสันหลังส่วนคอของเรา และเมื่อกระดูกคอถูกใช้งานมานาน ก็จะเริ่มมีอาการสึกหรอหรือเสื่อมไปตามวัย ทว่าทุกวันนี้โรค ภัยต่าง ๆ เกิดขึ้นกับคนอายุน้อยลง อย่างกระดูกคอเสื่อมก็เป็นอีกอาการที่ไม่ได้เจอแค่ในวัยชราเท่านั้น แต่คนอายุไม่มาก หรือช่วงวัยทำงานก็พบโรคนี้ได้มากขึ้น ที่สำคัญอาการกระดูกคอเสื่อมก็ไม่ได้แสดงอาการที่คอโดยตรงซะด้วย แต่อาจส่งสัญญาณมาที่แขน ที่มือ เอาเป็นว่าเรามาลองทำความรู้จักโรคกระดูกคอเสื่อมกันดีกว่า
กระดูกคอเสื่อม เกิดจากอะไร
กระดูกคอเสื่อมเกิดได้จากหลายสาเหตุด้วยกัน ดังนี้
1. ออฟฟิศซินโดรม
โดยเฉพาะกลุ่มวัยทำงานที่นั่งหน้าจอคอมพิวเตอร์ตลอดทั้งวัน ซึ่งหากนั่งผิดท่าซ้ำ ๆ ทำเป็นระยะเวลานานเข้า ก็อาจจะมีอาการออฟฟิศซินโดรม และหากไม่รักษา ในระยะยาวก็อาจเสี่ยงกระดูกคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทได้
2. สังคมก้มหน้า
ท่าที่เราก้มหน้ามองจอมือถือนาน ๆ จะทำให้มีแรงกดทับที่กระดูกต้นคอ ยิ่งงอคอมากแรงกดทับก็จะยิ่งมาก อาจจะประมาณ 20 กิโลเลยทีเดียว ดังนั้นหากมีพฤติกรรมเช่นนี้บ่อย ๆ ก็จะมีอาการปวดคอ ปวดหลัง และเสี่ยงต่อภาวะกระดูกต้นคอเสื่อม รวมไปถึงอาการกระดูกต้นคอเสื่อมกดทับเส้นประสาทด้วย
3. อายุที่มากขึ้น
ตามปกติแล้วข้อต่อต่าง ๆ ระหว่างกระดูกคอแต่ละปล้องที่ได้รับแรงกระแทกจากการเคลื่อนไหวมานานจะมีลักษณะโครงสร้างที่เปลี่ยนไป โดยอาจมีการสึกหรอ มีน้ำในไขข้อลดลง ส่งผลให้หมอนรองกระดูกสันหลังยุบ ความยืดหยุ่นลดลง กระดูกคอส่วนอื่น ๆ ก็ต้องรับแรงกระแทกที่มากขึ้นจนค่อย ๆ เสื่อมตัวลงในที่สุด
กระดูกคอเสื่อม อาการเป็นอย่างไร
อาการหลัก ๆ ของภาวะกระดูกคอเสื่อม ส่วนมากจะมีอาการปวด โดยแบ่งอาการออกได้ตามตำแหน่งที่เสื่อม หรือมีหินปูนที่เกาะกระดูกและเอ็นไปกดเส้นประสาท ดังนี้
* กระดูกคอเสื่อม ที่ยังไม่มีการกดเส้นประสาท
หากไม่มีอาการปวดร้าวมาที่แขน แสดงว่ายังไม่มีการกดเส้นประสาท แต่จะปวดกระดูกและข้อต่าง ๆ ในกระดูกสันหลัง ซึ่งเสื่อมสภาพไป
* กระดูกคอเสื่อม ที่มีหินปูนเกาะกระดูกและเอ็นไปกดทับเส้นประสาท ซึ่งจะมีอาการ ดังนี้
- ปวดคอ อาจปวดร้าวไปที่แขน มักปวดหลังคอบริเวณ 2 ข้างของกระดูกสันหลัง
- ปวดร้าวบริเวณท้ายทอย รวมไปถึงสะบัก
- แขนชา ขาชา
- ปวดมากเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือออกแรง
- แขน ขา อ่อนแรง (ในกรณีที่อาการหนัก)
* กระดูกคอเสื่อมในข้อที่ 5-6 และข้อที่ 6-7 ซึ่งทำให้มีอาการ ดังนี้
- ปวดหลังคอร้าวไปยังแขนตรงกล้ามเนื้องอแขน หรืออาจร้าวไปถึงแขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วโป้งและนิ้วชี้
- หากเส้นประสาทคอข้อที่ 7 ถูกกด จะปวดหลังคอร้าวลงไปด้านหลังของไหล่ ตรงกล้ามเนื้อเหยียดแขน และอาจปวดร้าวไปถึงแขนท่อนล่างจนถึงนิ้วกลาง
- หากมีการกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง จะมีอาการอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
- ปวดคอ อาจปวดร้าวไปที่แขน มักปวดหลังคอบริเวณ 2 ข้างของกระดูกสันหลัง
- ปวดร้าวบริเวณท้ายทอย รวมไปถึงสะบัก
- แขนชา ขาชา
- ปวดมากเมื่อมีการเคลื่อนไหวหรือออกแรง
- แขน ขา อ่อนแรง (ในกรณีที่อาการหนัก)
* กระดูกคอเสื่อมในข้อที่ 5-6 และข้อที่ 6-7 ซึ่งทำให้มีอาการ ดังนี้
- ปวดหลังคอร้าวไปยังแขนตรงกล้ามเนื้องอแขน หรืออาจร้าวไปถึงแขนท่อนล่าง จนถึงนิ้วโป้งและนิ้วชี้
- หากเส้นประสาทคอข้อที่ 7 ถูกกด จะปวดหลังคอร้าวลงไปด้านหลังของไหล่ ตรงกล้ามเนื้อเหยียดแขน และอาจปวดร้าวไปถึงแขนท่อนล่างจนถึงนิ้วกลาง
- หากมีการกดทับเส้นประสาทไขสันหลัง จะมีอาการอ่อนแรงลงเรื่อย ๆ
ทั้งนี้อาการปวดจะเป็นเรื้อรังหลายปี และหากไม่รีบรักษา อาจมีอาการเดินไม่คล่อง มือไม้อ่อน ทำของหลุดมือบ่อย ๆ กลัดกระดุมเสื้อไม่ได้ เดินขากาง หรืออาการอาจลุกลามไปจนถึงอัมพฤกษ์ อัมพาตได้เลย
กระดูกต้นคอเสื่อม รักษายังไง
การรักษากระดูกต้นคอเสื่อมมีหลายวิธีด้วยกัน ดังนี้
* การรักษาด้วยยา ร่วมกับกายภาพบำบัด ในรายที่อาการไม่มาก
* การรักษาด้วยเครื่องมือที่ช่วยดึงคอ (Traction) เพื่อลดแรงกดต่อรากประสาท นาน 1-2 สัปดาห์
* การรักษาด้วยการผ่าตัด
* การรักษาด้วยเครื่องมือที่ช่วยดึงคอ (Traction) เพื่อลดแรงกดต่อรากประสาท นาน 1-2 สัปดาห์
* การรักษาด้วยการผ่าตัด
ทั้งนี้แพทย์จะเลือกแนวทางการรักษาที่เหมาะสมตามอาการและสภาพร่างกายของผู้ป่วยแต่ละบุคคล
กระดูกต้นคอเสื่อม ป้องกันได้
- หลีกเลี่ยงการก้มหน้าเล่นมือถือนาน ๆ แต่ควรจัดท่าให้จอมือถืออยู่ในระดับสายตา
- นั่งทำงานให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยงความเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม
- ถ้ามีอาการปวดคอ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระเทือนต่อกระดูกคอ เช่น วิ่งเหยาะ หรือโยกศีรษะแรง ๆ
- พักคอเป็นระยะระหว่างขับรถ ดูโทรทัศน์ เล่นมือถือ หรือใช้คอมพิวเตอร์
- หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต้นคอ โดยการใช้เข็มขัดนิรภัยขณะขับรถ
- ออกกำลังกายเสมอ โดยเลือกท่าที่ช่วยฝึกให้กล้ามเนื้อช่วงหลังและคอแข็งแรงขึ้น
- นั่งทำงานให้ถูกวิธี หลีกเลี่ยงความเสี่ยงออฟฟิศซินโดรม
- ถ้ามีอาการปวดคอ ควรหลีกเลี่ยงกิจกรรมที่กระเทือนต่อกระดูกคอ เช่น วิ่งเหยาะ หรือโยกศีรษะแรง ๆ
- พักคอเป็นระยะระหว่างขับรถ ดูโทรทัศน์ เล่นมือถือ หรือใช้คอมพิวเตอร์
- หลีกเลี่ยงการบาดเจ็บต้นคอ โดยการใช้เข็มขัดนิรภัยขณะขับรถ
- ออกกำลังกายเสมอ โดยเลือกท่าที่ช่วยฝึกให้กล้ามเนื้อช่วงหลังและคอแข็งแรงขึ้น
การไม่มีโรคคือลาภอันประเสริฐ ดังนั้นหากพฤติกรรมไหนที่เสี่ยงภาวะกระดูกคอเสื่อมก็เลี่ยงให้ไกลดีกว่านะคะ
หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 15 ธันวาคม 2563
ขอบคุณข้อมูลจาก