
สมาร์ทโฟนกับสุขภาพ (หมอชาวบ้าน)
ฉบับนี้ขอเขียนถึงเรื่องที่กำลังฮิต นั่นคือเรื่อง สมาร์ทโฟน เนื่องจากแนวโน้มของการใช้งานโทรศัพท์เริ่มเปลี่ยนแปลงไปอย่างรวดเร็ว โทรศัพท์ที่เดิมมีการใช้งานเพียงแค่โทร.เข้า โทร.ออก มาเป็นรูปแบบของสมาร์ทโฟน ที่มีความทันสมัยมากขึ้น
ในความเป็นจริงสมาร์ทโฟนก็คือ โทรศัพท์มือถือที่มีความสามารถมากกว่าโทรศัพท์มือถือธรรมดา ถือว่าเป็นคอมพิวเตอร์ขนาดพกพาก็ได้ สามารถเชื่อมต่อ รับส่งข้อมูลได้ รองรับการใช้โปรแกรมที่ถูกออกแบบมาเฉพาะงานต่าง ๆ โดยอาศัยระบบปฏิบัติการคล้าย ๆ กับวินโดว์ที่เราคุ้นเคยกัน
ปัจจุบันนี้ ปริมาณการขายสมาร์ทโฟนเพิ่มขึ้นเรื่อย ๆ มีหลากหลายยี่ห้อและระบบปฏิบัติการ ดังเห็นได้จากยอดขาย iPhone 4 ของบริษัทแอปเปิล ซึ่งสามารถขายได้ถึง 1.7 ล้านเครื่องหลังจากเปิดขายได้เพียงแค่ 3 วัน ขณะที่สมาร์ทโฟนของบริษัทอื่นก็มียอดขายมากเช่นกัน ในปี พ.ศ.2552 พบว่ายอดขายสมาร์ทโฟนมีมากกว่า 170 ล้านเครื่อง ข้อมูลนี้เป็นตัวยืนยันว่ามีการใช้สมาร์ทโฟนกันมากจริง

การใช้งานสมาร์ทโฟนมีความจำเพาะแตกต่างจากการใช้โทรศัพท์ธรรมดา เนื่องจากต้องใช้นิ้วกดตัวอักษรมากขึ้น เช่น การตอบอีเมล์ การส่ง SMS และการแชต
การใช้นิ้วมีรูปแบบที่แตกต่างกัน ขึ้นอยู่กับออกแบบการใส่ตัวอักษรของแต่ละเครื่อง เช่น iPhone ใช้การใส่ตัวอักษรด้วยการใช้นิ้วชี้จิ้ม ต้องใช้มือข้างหนึ่งถือตัวเครื่องไว้ และใช้นิ้วชี้ของอีกข้างกดที่แป้นอักษรการกรอบใส่ตัวอักษรแบบนี้ จะทำได้ช้ากว่าเครื่องอื่นที่ใช้รูปแบบการกดแป้นพิมพ์ตัวอักษร โดยใช้นิ้วโป้งของทั้งสองมือเป็นนิ้วคอยป้อนตัวอักษร ส่วนนิ้วอื่นใช้ถือประคองเครื่อง ดังเช่นเครื่อง BlackBerry
เครื่องสมาร์ทโฟนปกติจะมีขนาดเล็ก หากต้องกดตัวอักษรด้วยนิ้วโป้ง จะต้องงอและเกร็งนิ้วโป้งทั้ง 2 ข้าง การกดลักษณะนี้บ่อย ๆ จะส่งผลทำให้เป็นโรคกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นข้อมือโคนนิ้วโป้ง (De Quervain syndrome) และการอักเสบของเอ็นที่นิ้วมือจนทำให้เกิดอาการนิ้วโป้งล็อก (Trigger thumb)
กลุ่มอาการทั้ง 2 ชนิดนี้พบได้บ่อย ถึงขนาดมีการให้ชื่อนิ้วโป้งล็อกว่าเป็น Blackberry Thumb ซึ่งหากทำการเสิร์ชในกูเกิลจะพบเว็บไซต์ที่กล่าวถึงคำนี้มากกว่า 280,000 เว็บ
นอกจากกลุ่มอาการทั้ง 2 แล้ว การถือสมาร์ทโฟนนาน ๆ ขณะใช้งาน ยังอาจส่งผลทำให้เกิดอาการปวดบ่าและคอ เนื่องจากกล้ามเนื้อบ่าจะทำงานในลักษณะเกร็งคงค้าง ทำให้มีการสะสมของเสียในกล้ามเนื้อ จนกระทั่งกล้ามเนื้อเกร็งตัวมากขึ้น
ขณะเดียวกันตัวเครื่องสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็ก ตัวอักษรก็มีขนาดเล็กด้วย ทำให้มองหน้าจอลำบาก หลายคนจึงต้องก้มคอ เพื่อให้มองดูตัวอักษรหรือหน้าจอได้ถนัดขึ้น ส่งผลทำให้กล้ามเนื้อคอและสายตาต้องทำงานหนักทำให้ปวดคอและตาได้

สมาร์ทโฟนอาจเป็นเครื่องมือที่ทำให้เกิดความสะดวกสบาย ใช้งานได้รวดเร็ว รับข่าวสารได้ทันใจหลาย ๆ คนอาจมองว่าเป็นอุปกรณ์ที่ลดภาระการทำงานของเรา โดยเฉพาะอย่างยิ่งผู้ที่ต้องติดต่อกับคนเป็นจำนวนมาก การเปิดออนไลน์ไว้ตลอดเวลา สามารถทำให้เราติดต่อกับคนอื่นที่ใช้เครื่องลักษณะเดียวกันได้ทุกเวลา และยังเป็นการลดค่าใช้จ่ายโดยรวมด้วย
อย่างไรก็ตาม ลักษณะเช่นนี้อาจเป็นดาบ 2 คมได้ เนื่องจากการที่มีข้อมูลส่งมาบ่อย ๆ อาจส่งผลต่อสมาธิในการทำงาน และทุกครั้งที่มีข้อมูลเข้ามา ย่อมสงสัยว่าข้อมูลนั้นคืออะไร เป็นเรื่องสำคัญหรือไม่ ทำให้ต้องเปิดดูและตอบสนองกับข้อมูลนั้น ถ้าไม่บ่อยครั้งนักก็คงไม่เป็นอะไร แต่ถ้าบ่อยมากขึ้น อาจเป็นการรบกวนสมาธิการทำงาน จนก่อให้เกิดความเครียดและการตึงตัวของกล้ามเนื้อ โดยเฉพาะอย่างยิ่งกล้ามเนื้อบ่าไหล่ และคอ
นอกจากกล้ามเนื้อแล้วสมาร์ทโฟนอาจส่งผลต่อการหายใจ ทำให้หายใจติดขัด เพราะเวลาเครียดคนเรามักหายใจด้วยการใช้กล้ามเนื้ออกส่วนบนและคอ มากกว่าการใช้กล้ามเนื้อกะบังลมผลจากการหายใจลักษณะนี้บ่อย ๆ อาจส่งผลต่ออาการเหนื่อยง่ายและกล้ามเนื้ออักเสบได้
และเนื่องจากสมาร์ทโฟนมีขนาดเล็ก ส่งผลให้เป็นโรคกลุ่มอาการอักเสบของเอ็นข้อมือโคนนิ้วโป้งและการอักเสบของเอ็นที่นิ้วมือได้



ถ้าผู้อ่านมีลักษณะดังกรณีที่ 1 ถือว่าค่อนข้างเครียดกับการใช้โทรศัพท์

คงเป็นเรื่องยากถ้าจะหลีกเลี่ยงการใช้สมาร์ทโฟน เพราะสังคมมีการใช้กันมากขึ้น ดังนั้น ควรรู้จักใช้เพื่อให้ได้ประโยชน์สูงสุดและห่างไกล จากการบาดเจ็บมากที่สุด ผู้เขียนขอแนะนำการใช้งานสมาร์ทโฟนอย่างปลอดภัย ดังนี้






เคล็ดลับสุขภาพ สุขภาพใกล้ตัว โรคและการป้องกัน คลิกเลย
คลิกอ่านความคิดเห็นของเพื่อนๆ ได้ที่นี่ค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
