คันในร่มผ้า อาการคันยุบยิบที่ทำให้สาว ๆ ไม่สบายตัว เกิดจากอะไร มาดูกัน พร้อมวิธีการดูแลตัวเองและป้องกันไม่ให้เกิดอาการคันในร่มผ้าค่ะ
อาการคันในร่มผ้า หรือคันบริเวณขาหนีบที่เกิดขึ้นกับผู้หญิง ไม่ใช่เรื่องน่าอายเลย เพราะเป็นเรื่องที่เกิดขึ้นได้ตามปกติ ด้วยปัจจัยหลายอย่าง ตั้งแต่การระคายเคืองทั่วไป ผิวหนังอักเสบ การติดเชื้อต่าง ๆ ไปจนถึงโรคภัยไข้เจ็บที่กระทบต่อสุขภาพ ดังนั้นเมื่อมีอาการก็ไม่ควรปล่อยปละละเลย ต้องรีบหาทางดูแลรักษาให้ตรงจุด วันนี้เราจะพาสาว ๆ ทุกคนมารู้จักกับอาการคันยุบยิบบริเวณจุดซ่อนเร้นของผู้หญิง พร้อมวิธีดูแลตัวเองกันค่ะ
คันในร่มผ้า สาเหตุเกิดจากอะไร
อาการคันในร่มผ้าของสาว ๆ อาจเกิดขึ้นได้จากหลายสาเหตุ ดังต่อไปนี้
1. การระคายเคืองจากสารเคมีหรืออาการแพ้
มักเกิดจากการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีสารเคมี เช่น ขอบยางชุดชั้นใน ผ้าอนามัย น้ำยาซักผ้า ถุงยางอนามัย สบู่ ครีม หรือโลชั่น และผลิตภัณฑ์ระงับกลิ่นกาย เป็นต้น ทำให้เกิดการระคายเคืองกับบริเวณที่บอบบางอย่างจุดซ่อนเร้น นอกจากนี้ การเสียดสีของชุดชั้นใน รอยพับที่ผิวหนัง หรือแม้กระทั่งการมีเพศสัมพันธ์ก็อาจทำให้เกิดอาการคันในบริเวณนี้ได้
อย่างไรก็ตาม หากเกิดอาการคันในร่มผ้าจากการระคายเคือง ไม่ควรเกาหรือถู เพราะจะยิ่งทำให้คันมากขึ้นและอักเสบได้ จึงควรหยุดใช้ผลิตภัณฑ์ที่ทำให้เกิดอาการแพ้ และเลือกใช้ผลิตภัณฑ์ที่ปราศจากน้ำหอม ซึ่งจะช่วยลดการระคายเคืองลง
◆ แพ้ผ้าอนามัย แสบ คัน รักษายังไงดี
◆ คันตามขอบกางเกงใน-เสื้อใน รักษาให้หาย แก้ให้ตรงจุด
บริเวณอวัยวะเพศก็มีต่อมเหงื่อประเภทเดียวกับรักแร้ ทำให้ผลิตเหงื่อออกมามากกว่าต่อมอื่นในร่างกาย เมื่อโปรตีนจากเหงื่อทำปฏิกิริยากับแบคทีเรียบนผิวหนัง ก็อาจจะหมักหมม ทำให้เกิดความอับชื้นและอาการคันได้ โดยเฉพาะคนที่ออกกำลังกายแล้วมีเหงื่อออก รวมทั้งสาว ๆ ที่ใส่กางเกงคับ ไม่ค่อยได้เปลี่ยนผ้าอนามัย วิธีแก้ก็ง่าย ๆ ด้วยการอาบน้ำหลังทำกิจกรรมที่มีเหงื่อออก เช็ดให้ผิวแห้งสนิท และเลือกสวมใส่เสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี
3. การโกนหรือแว็กซ์ขนน้องสาว
การใช้มีดโกนหรือแว็กซ์กำจัดขนบริเวณอวัยวะเพศอาจทำให้ผิวที่บอบบางเกิดการอักเสบ บวมแดง และเป็นผื่นคัน มิหนำซ้ำเวลาที่ขนขึ้นมาใหม่ ก็จะยิ่งคันมากกว่าเดิม และมีโอกาสที่จะเกิดขนคุดได้มากขึ้นด้วย จึงไม่ควรโกนหรือแว็กซ์ขนออก แต่ควรเล็มให้สั้นเพื่อป้องกันไม่ให้อับชื้น
4. การสวนล้างช่องคลอด
สาว ๆ บางคนคันในช่องคลอดหรือตกขาวมีกลิ่น แล้วใช้น้ำสบู่สวนล้างช่องคลอด เพราะเชื่อว่าจะทำความสะอาดได้ บอกเลยว่าเป็นความเชื่อที่ไม่ค่อยดีนัก แท้จริงแล้วการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้องควรทำเฉพาะภายนอกเท่านั้น ไม่ควรใช้สบู่หรือน้ำยาที่รุนแรงสวนล้างเข้าไปในช่องคลอด เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียดีในช่องคลอดเสียสมดุลและถูกกำจัดออกไป เสี่ยงต่อการอักเสบและระคายเคืองมากขึ้นด้วย
5. ทรีตเมนต์เพื่อความงาม
ผู้หญิงหลายคนหันมาใส่ใจกับจุดซ่อนเร้นมากขึ้น ด้วยการนำทรีตเมนต์ความงามต่าง ๆ มาใช้บำรุง เช่น ทำสปา และการมาสก์บริเวณจุดซ่อนเร้น ซึ่งอาจจะทำให้เนื้อเยื่อช่องคลอดที่บอบบางและอ่อนโยนเกิดการระคายเคืองและคันได้ จึงควรใช้ครีมหรือโลชั่นที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้เพื่อปกป้องผิว รวมทั้งทำให้ผิวแห้งและสะอาด และถ้าอาการคันรุนแรงขึ้น ควรหยุดทำทรีตเมนต์นั้นทันที
6. ความเครียด
เชื่อไหมว่า ความเครียดก็เป็นสาเหตุของอาการคันในร่มผ้าเช่นกัน เพราะเมื่อรู้สึกเครียด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลงจนเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ที่อาจทำให้มีอาการคันตามมา ดังนั้นลองสังเกตตัวเองดูก็ดีค่ะว่า อาการคันมักมาพร้อมกับความเครียดหรือเปล่า แล้วพยายามหาวิธีผ่อนคลายให้ตัวเอง
◆ 10 วิธีคลายเครียดให้หมดไป ภายในไม่กี่นาที
4. การสวนล้างช่องคลอด
สาว ๆ บางคนคันในช่องคลอดหรือตกขาวมีกลิ่น แล้วใช้น้ำสบู่สวนล้างช่องคลอด เพราะเชื่อว่าจะทำความสะอาดได้ บอกเลยว่าเป็นความเชื่อที่ไม่ค่อยดีนัก แท้จริงแล้วการทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นที่ถูกต้องควรทำเฉพาะภายนอกเท่านั้น ไม่ควรใช้สบู่หรือน้ำยาที่รุนแรงสวนล้างเข้าไปในช่องคลอด เพราะจะทำให้เชื้อแบคทีเรียดีในช่องคลอดเสียสมดุลและถูกกำจัดออกไป เสี่ยงต่อการอักเสบและระคายเคืองมากขึ้นด้วย
5. ทรีตเมนต์เพื่อความงาม
ผู้หญิงหลายคนหันมาใส่ใจกับจุดซ่อนเร้นมากขึ้น ด้วยการนำทรีตเมนต์ความงามต่าง ๆ มาใช้บำรุง เช่น ทำสปา และการมาสก์บริเวณจุดซ่อนเร้น ซึ่งอาจจะทำให้เนื้อเยื่อช่องคลอดที่บอบบางและอ่อนโยนเกิดการระคายเคืองและคันได้ จึงควรใช้ครีมหรือโลชั่นที่ไม่ก่อให้เกิดการแพ้เพื่อปกป้องผิว รวมทั้งทำให้ผิวแห้งและสะอาด และถ้าอาการคันรุนแรงขึ้น ควรหยุดทำทรีตเมนต์นั้นทันที
6. ความเครียด
เชื่อไหมว่า ความเครียดก็เป็นสาเหตุของอาการคันในร่มผ้าเช่นกัน เพราะเมื่อรู้สึกเครียด ระบบภูมิคุ้มกันของร่างกายจะอ่อนแอลงจนเพิ่มความเสี่ยงต่อการติดเชื้อต่าง ๆ ที่อาจทำให้มีอาการคันตามมา ดังนั้นลองสังเกตตัวเองดูก็ดีค่ะว่า อาการคันมักมาพร้อมกับความเครียดหรือเปล่า แล้วพยายามหาวิธีผ่อนคลายให้ตัวเอง
◆ 10 วิธีคลายเครียดให้หมดไป ภายในไม่กี่นาที
◆ 10 สมุนไพรคลายเครียด ช่วยผ่อนคลาย แก้เครียดง่าย ๆ ด้วยของใกล้ตัว
7. วัยทอง หรือวัยหมดประจำเดือน
ร่างกายของผู้หญิงในวัยทองจะผลิตฮอร์โมนเอสโตรเจนลดลง ส่งผลให้ผนังช่องคลอดบางและแห้ง จนเกิดการระคายเคืองและคันได้ หากเกิดจากสาเหตุนี้ สามารถใช้ครีมเอสโตรเจน หรือมอยเจอร์ไรเซอร์ในช่องคลอดเพิ่มความชุ่มชื้น รวมถึงการรักษาด้วยวิธีธรรมชาติ เช่น กินสมุนไพรหรืออาหารเสริมที่ช่วยเพิ่มฮอร์โมน
◆ วัยทองก่อนวัย อายุ 30 กว่า ๆ ก็เป็นได้ เหวี่ยงวีนง่าย รีบเช็กสัญญาณเตือน !
◆ 18 อาการทางกายของผู้หญิงวัยทอง พร้อมวิธีทำให้สตรองเหมือนเคย
8. โรคผิวหนังอักเสบหรือภูมิแพ้
โรคผิวหนังบางชนิดหรือภูมิแพ้เฉพาะบุคคล เช่น โรคผื่นแพ้อักเสบ โรคสะเก็ดเงิน ผื่นแพ้ผิวหนังเดอร์มาโทกราเฟีย (Dermographism) หรือโรคไลเคน พลานัส (Lichen Planus) ซึ่งเป็นอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง ก็ทำให้ผิวหนังเกิดผื่นแดงและคันได้ ถ้าสงสัยว่าอาการคันในร่มผ้าเกิดจากโรคต่าง ๆ เหล่านี้ ควรรีบพบแพทย์เพื่อแจ้งอาการและรักษาโดยเร็ว
◆ โรคสะเก็ดเงิน ผื่นเล็ก ๆ ขึ้นตามร่างกาย ที่หลายคนไม่รู้ว่าแค่เครียดก็เป็นได้
◆ โรคผื่นภูมิแพ้ผิวหนัง คัน ผิวแพ้ง่าย ดูแลอย่างไรไม่ให้ผื่นเห่อ
◆ โรคผิวหนังอักเสบติดเชื้อ มีอะไรบ้าง ผื่นคันแบบนี้ป่วยโรคอะไร
9. เชื้อรา
โดยปกติ ในช่องคลอดของผู้หญิงนั้นจะมีแบคทีเรียที่เป็นประโยชน์ และเชื้อราหรือยีสต์อยู่ในระดับที่สมดุลอยู่แล้ว จึงไม่ก่อให้เกิดอาการผิดปกติใด ๆ เพราะแบคทีเรียจะช่วยควบคุมเชื้อราไม่ให้เจริญเติบโตมากเกินไป แต่ถ้าเมื่อไรที่เกิดความไม่สมดุลกันของเชื้อแบคทีเรียและเชื้อราในช่องคลอด ซึ่งอาจเกิดจากการเปลี่ยนแปลงของฮอร์โมนตอนตั้งครรภ์หรือใช้ยาคุมกำเนิด การสวนล้างที่จุดซ่อนเร้น การใช้ยาปฏิชีวนะ การใช้ยารักษาโรคเบาหวาน หรือช่วงที่ภูมิคุ้มกันร่างกายอ่อนแอ จะทำให้เชื้อราเพิ่มจำนวนขึ้นจนมีอาการติดเชื้อได้
ทั้งนี้ สาเหตุที่ทำให้เกิดเชื้อราช่องคลอดที่พบบ่อยที่สุด คือ การติดเชื้อราชนิดแคนดิดา อัลบิแคนส์ (Candida Albicans) แม้จะมีอาการไม่รุนแรงนัก แต่ก็สร้างความรำคาญ เช่น แสบร้อนภายในหรือรอบ ๆ ช่องคลอด ตกขาวข้นขุ่น จับตัวเป็นก้อน ไม่มีกลิ่น ระคายเคือง รู้สึกแสบร้อนระหว่างมีเพศสัมพันธ์หรือขณะปัสสาวะได้
สำหรับใครที่มีอาการคันในร่มผ้าที่เกิดจากเชื้อรา สามารถรักษาได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ได้แก่ การใช้ครีมทารักษาเชื้อรา ยาเหน็บช่องคลอดที่มีส่วนผสมของน้ำมันทีทรีเจือจาง หรือยาเม็ดสำหรับรับประทาน รวมถึงเลือกกินอาหารเสริมโพรไบโอติกเป็นประจำเพื่อคืนสมดุลของแบคทีเรียและเชื้อราในช่องคลอด เช่น โยเกิร์ตรสธรรมชาติ เป็นต้น
◆ เชื้อราในช่องคลอด ยังไงก็ไม่รอดถ้ายังทำ 12 พฤติกรรมนี้ !
10. เชื้อแบคทีเรีย
เมื่อแบคทีเรียชนิดดีในช่องคลอดลดลง จะทำให้แบคทีเรียก่อโรคเพิ่มจำนวนขึ้น จนเกิดการระคายเคืองและอักเสบได้ เรียกอีกชื่อว่า ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (BV) โดยสาเหตุที่ทำให้แบคทีเรียชนิดดีลดลงยังไม่แน่ชัด แต่พฤติกรรมบางอย่าง เช่น สวนล้างช่องคลอด การใส่ห่วงอนามัย รวมทั้งกินของหมักดอง การสูบบุหรี่ ดื่มสุรา จะเพิ่มความเสี่ยงต่อการเกิดโรค
ภาวะช่องคลอดอักเสบจากเชื้อแบคทีเรีย (BV) จะทำให้คุณสาว ๆ มีอาการคัน ปวด และแสบร้อนเมื่อปัสสาวะ ตกขาวสีขุ่นคล้ำและมีกลิ่นคาวคล้ายปลาเค็ม โดยเฉพาะหลังมีเพศสัมพันธ์ สามารถรักษาได้ด้วยการใช้ยาปฏิชีวนะ กินอาหารเสริมโพรไบโอติก และควรรีบปรึกษาแพทย์ทันทีเมื่อมีอาการรุนแรงขึ้น
11. ตัวโลน
แมลงขนาดเล็กที่อยู่ในกลุ่มของปรสิต และอาศัยอยู่กับร่างกายมนุษย์ พบได้มากที่สุดบริเวณอวัยวะเพศ และสามารถติดต่อกันได้ผ่านการมีเพศสัมพันธ์ หรือการใช้สิ่งของร่วมกัน เมื่อโลนดูดเลือดของเราก็จะปล่อยน้ำลายที่มีสารก่อให้เกิดความระคายเคืองต่อผิวหนัง จึงเกิดตุ่มขึ้นตรงรอยกัด และจะมีอาการคันมาก ๆ ยิ่งเกาก็จะยิ่งติดเชื้อ สามารถรักษาได้ด้วยวิธีง่าย ๆ คือการกำจัดขนบริเวณที่โลนอยู่ออกให้หมด และทายาหรือครีมที่มีส่วนประกอบของสารเคมีที่มีฤทธิ์ในการกำจัดแมลงจำพวกโลนหรือเหา
◆ ตัวโลนคืออะไร คันตา คันที่ลับจนทนไม่ไหว ต้องตรวจดูแล้วล่ะ !
12. โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
เช่น หนองใน หนองในเทียม โรคเริมที่อวัยวะเพศ การติดเชื้อทริโคโมแนส (Trichomoniasis) และหูดที่อวัยวะเพศ จะทำให้เกิดอาการคันและระคายเคืองภายในหรือรอบ ๆ ช่องคลอดได้ หากปล่อยไว้ไม่รีบรักษาอาจเกิดปัญหาระยะยาวตามมา เช่น โรคเกี่ยวกับกระดูกเชิงกรานอักเสบ ภาวะการมีบุตรยาก หรือภาวะแทรกซ้อนระหว่างตั้งครรภ์ นอกจากนี้ โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์บางโรคยังสามารถถ่ายทอดถึงทารกที่อยู่ในครรภ์ได้
◆ โรคหนองในแท้ หนองในเทียม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิต
◆ เริมที่อวัยวะเพศ เกิดจากอะไร อาการเป็นแบบไหน รักษายังไงได้บ้าง
◆ หูดหงอนไก่...ของฝากตัวร้ายที่ติดต่อได้จากเพศสัมพันธ์
13. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะ ไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปวดกระดูกเชิงกราน รู้สึกแสบร้อนเวลาปัสสาวะ และปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น ซึ่งถ้าบริเวณที่ติดเชื้ออยู่ใกล้ท่อปัสสาวะจะทำให้มีอาการคันในร่มผ้าร่วมด้วย หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและหาแบคทีเรีย รวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะในการรักษา
14. โรคเบาหวาน
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมักจะมีผิวที่แห้ง ทำให้เกิดความผิดปกติทางผิวหนังต่าง ๆ เช่น ตุ่มนูนแข็ง ผิวหนังหนาเป็นปื้น รวมถึงอาการคันในร่มผ้าบริเวณก้นและอวัยวะเพศ สามารถรักษาด้วยการใช้โลชั่นหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้น และควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติอยู่เสมอ
15. โรคมะเร็งปากช่องคลอด
ถ้ามีอาการคัน เลือดออกผิดปกติ หรือปวดบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปากช่องคลอด ซึ่งแม้โรคนี้จะพบได้ยาก แต่ถ้าเกิดอาการขึ้นมาก็ไม่ควรเพิกเฉย เพราะถ้าตรวจเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถรักษาให้หายขาดได้นะคะ
◆ โรคหนองในแท้ หนองในเทียม โรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ยอดฮิต
◆ เริมที่อวัยวะเพศ เกิดจากอะไร อาการเป็นแบบไหน รักษายังไงได้บ้าง
◆ หูดหงอนไก่...ของฝากตัวร้ายที่ติดต่อได้จากเพศสัมพันธ์
13. การติดเชื้อทางเดินปัสสาวะ
เป็นการติดเชื้อแบคทีเรียที่เกิดขึ้นในระบบทางเดินปัสสาวะ เช่น ท่อปัสสาวะ ไต ท่อไต และกระเพาะปัสสาวะ ทำให้เกิดอาการปวดกระดูกเชิงกราน รู้สึกแสบร้อนเวลาปัสสาวะ และปัสสาวะขุ่นหรือมีกลิ่นเหม็น ซึ่งถ้าบริเวณที่ติดเชื้ออยู่ใกล้ท่อปัสสาวะจะทำให้มีอาการคันในร่มผ้าร่วมด้วย หากมีอาการดังกล่าว ควรรีบพบแพทย์เพื่อตรวจปัสสาวะและหาแบคทีเรีย รวมถึงการให้ยาปฏิชีวนะในการรักษา
14. โรคเบาหวาน
ผู้ป่วยที่เป็นโรคเบาหวานมักจะมีผิวที่แห้ง ทำให้เกิดความผิดปกติทางผิวหนังต่าง ๆ เช่น ตุ่มนูนแข็ง ผิวหนังหนาเป็นปื้น รวมถึงอาการคันในร่มผ้าบริเวณก้นและอวัยวะเพศ สามารถรักษาด้วยการใช้โลชั่นหรือมอยส์เจอร์ไรเซอร์ให้ความชุ่มชื้น และควบคุมระดับน้ำตาลให้เป็นปกติอยู่เสมอ
15. โรคมะเร็งปากช่องคลอด
ถ้ามีอาการคัน เลือดออกผิดปกติ หรือปวดบริเวณปากช่องคลอดร่วมด้วย อาจเป็นสัญญาณของมะเร็งปากช่องคลอด ซึ่งแม้โรคนี้จะพบได้ยาก แต่ถ้าเกิดอาการขึ้นมาก็ไม่ควรเพิกเฉย เพราะถ้าตรวจเจอตั้งแต่เนิ่น ๆ จะสามารถรักษาให้หายขาดได้นะคะ
คันในร่มผ้า รุนแรงแค่ไหนถึงควรไปพบแพทย์
เมื่อสาว ๆ เกิดอาการคันในร่มผ้า อย่าปล่อยปละละเลย ควรสังเกตตัวเองว่าอาการคันที่เป็นผิดปกติหรือไม่ และรีบไปหาหมอ เมื่อเกิดอาการต่าง ๆ ดังนี้
- อาการคันรุนแรง และเริ่มรบกวนชีวิตประจำวันหรือการนอนหลับ
- คันติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์
- มีแผลพุพองบริเวณช่องคลอด
- ปวดหรือเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ
- ปัสสาวะขัด
- ตกขาวผิดปกติ เช่น เป็นมูก สีคล้ำ หรือมีกลิ่นเหม็น
- เจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศในระหว่างมีเพศสัมพันธ์
โดยแพทย์อาจทำการตรวจบริเวณอวัยวะเพศ และซักถามอาการ จึงสามารถวินิจฉัยโรคที่เป็น พร้อมให้การรักษาที่ถูกวิธีต่อไป ซึ่งอาจแนะนำให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือใช้ยารักษาร่วมด้วย
วิธีรักษาอาการคันในร่มผ้า สามารถทำได้ทั้งใช้ยาทาและยากิน ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาให้ละเอียดว่า อาการคันนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร หรือควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์และเภสัชกร เพื่อให้ได้ยาในกลุ่มที่ถูกต้องและรักษาได้ตรงจุดที่สุด โดยยาทาและยากินที่นิยมใช้บรรเทาและรักษาอาการคันในร่มผ้า มีกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
• กลุ่ม Corticosteroid เช่น Hydrocortisone หรือ Clobetasol เป็นยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สำหรับรักษาอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หรือโรค Lichen Sclerosus
• กลุ่ม Metronidazole (Flagyl), Metronidazole (MetroGel) gel หรือครีม Clindamycin (Cleocin) สำหรับรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย
• ยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาอาการคันที่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในเทียม โรคหนองใน และ Trichomoniasis
• กลุ่มครีมหรือยาเหน็บต้านเชื้อรา เช่น Miconazole (Monistat 1), Clotrimazole, Butoconazole หรือ Tioconazole (Vagistat-1) หรือยาต้านเชื้อรา เช่น Fluconazole (Diflucan) สำหรับรักษาอาการคันที่เกิดจากการติดเชื้อรา
• ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน สำหรับอาการคันที่เกิดจากภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
• กลุ่มยาแก้แพ้ (Antihistamine) บรรเทาอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้
นอกจากนี้อาจมียากลุ่มอื่น ๆ ที่แพทย์จะสั่งให้ ในกรณีที่อาการคันเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วด้วย
- อาการคันรุนแรง และเริ่มรบกวนชีวิตประจำวันหรือการนอนหลับ
- คันติดต่อกันนานกว่า 1 สัปดาห์
- มีแผลพุพองบริเวณช่องคลอด
- ปวดหรือเจ็บบริเวณอวัยวะเพศ
- ปัสสาวะขัด
- ตกขาวผิดปกติ เช่น เป็นมูก สีคล้ำ หรือมีกลิ่นเหม็น
- เจ็บหรือแสบที่อวัยวะเพศในระหว่างมีเพศสัมพันธ์
โดยแพทย์อาจทำการตรวจบริเวณอวัยวะเพศ และซักถามอาการ จึงสามารถวินิจฉัยโรคที่เป็น พร้อมให้การรักษาที่ถูกวิธีต่อไป ซึ่งอาจแนะนำให้เราปรับเปลี่ยนพฤติกรรม หรือใช้ยารักษาร่วมด้วย
คันในร่มผ้า ใช้ยาทาแบบไหน ต้องกินยาอะไร ?
วิธีรักษาอาการคันในร่มผ้า สามารถทำได้ทั้งใช้ยาทาและยากิน ซึ่งจำเป็นต้องพิจารณาให้ละเอียดว่า อาการคันนั้นเกิดจากสาเหตุอะไร หรือควรได้รับคำแนะนำจากแพทย์และเภสัชกร เพื่อให้ได้ยาในกลุ่มที่ถูกต้องและรักษาได้ตรงจุดที่สุด โดยยาทาและยากินที่นิยมใช้บรรเทาและรักษาอาการคันในร่มผ้า มีกลุ่มต่าง ๆ ดังนี้
• กลุ่ม Corticosteroid เช่น Hydrocortisone หรือ Clobetasol เป็นยาสเตียรอยด์ที่มีฤทธิ์ต้านการอักเสบ สำหรับรักษาอาการผิวหนังอักเสบเรื้อรัง หรือโรค Lichen Sclerosus
• กลุ่ม Metronidazole (Flagyl), Metronidazole (MetroGel) gel หรือครีม Clindamycin (Cleocin) สำหรับรักษาอาการติดเชื้อที่เกิดจากแบคทีเรีย
• ยาปฏิชีวนะสำหรับรักษาอาการคันที่เกิดจากโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์ เช่น หนองในเทียม โรคหนองใน และ Trichomoniasis
• กลุ่มครีมหรือยาเหน็บต้านเชื้อรา เช่น Miconazole (Monistat 1), Clotrimazole, Butoconazole หรือ Tioconazole (Vagistat-1) หรือยาต้านเชื้อรา เช่น Fluconazole (Diflucan) สำหรับรักษาอาการคันที่เกิดจากการติดเชื้อรา
• ยาฮอร์โมนเอสโตรเจน สำหรับอาการคันที่เกิดจากภาวะขาดฮอร์โมนเอสโตรเจน
• กลุ่มยาแก้แพ้ (Antihistamine) บรรเทาอาการระคายเคืองหรืออาการแพ้
นอกจากนี้อาจมียากลุ่มอื่น ๆ ที่แพทย์จะสั่งให้ ในกรณีที่อาการคันเกิดจากสาเหตุอื่น ๆ นอกเหนือจากที่กล่าวมาแล้วด้วย
คันในร่มผ้า ดูแลและป้องกันอย่างไร ?
สาว ๆ สามารถปรับเปลี่ยนพฤติกรรมและดูแลตัวเองง่าย ๆ เพื่อลดความเสี่ยงและหลีกเลี่ยงอาการคันในร่มผ้าได้ด้วยวิธีต่าง ๆ ดังนี้
• ไม่ควรเกาหรือถูบริเวณจุดซ่อนเร้น เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรงและอักเสบได้
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม ๆ เช่น กระดาษชำระ ครีมอาบน้ำ สบู่ แป้งฝุ่น หรือสเปรย์ กับบริเวณช่องคลอด รวมทั้งผ้าอนามัยแบบสอดหรือผ้าอนามัยที่มีกลิ่นหอมด้วย
• ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้สารเคมีในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง และเสี่ยงต่ออาการอักเสบอื่น ๆ อีกด้วย
• ล้างช่องคลอดด้วยน้ำเท่านั้น และไม่ควรใช้สบู่ล้างเข้าไปในช่องคลอด แต่สามารถใช้สบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะที่ไร้กลิ่นได้
• สวมใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น เช่น ผ้าฝ้าย แต่ควรเลี่ยงชุดชั้นในที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์และไนลอน เพราะระบายอากาศไม่ดี จะยิ่งกักเก็บความชื้นทำให้คัน
• ไม่สวมเสื้อผ้าที่คับแน่นจนเกินไป
• เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกหรือชื้นทันทีหลังจากว่ายน้ำหรือออกกำลังกาย
• เปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน ไม่ใส่ซ้ำ
• ซับที่ช่องคลอดให้แห้งสนิทก่อนสวมชุดชั้นใน
• เช็ดทำความสะอาดหลังปัสสาวะและอุจจาระ จากด้านหน้าไปด้านหลัง
• ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสช่องคลอดในการใส่ผ้าอนามัยทั้งแบบแผ่นและแบบสอด
• เมื่อมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง เพื่อลดการอับชื้น
• ถ้ามีอาการคันช่องคลอด ครรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
• ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
• กินอาหารหรืออาหารเสริมที่มีโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ตธรรมชาติ เพื่อปรับสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ
• ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากเป็นโรคเบาหวาน
อาการคันในร่มผ้า หรือคันบริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอด เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย เมื่อรู้สาเหตุแล้ว ก็จะรักษาและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องคันอีกต่อไป !
• ไม่ควรเกาหรือถูบริเวณจุดซ่อนเร้น เพราะจะทำให้เกิดการระคายเคืองรุนแรงและอักเสบได้
• หลีกเลี่ยงการใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีกลิ่นหอม ๆ เช่น กระดาษชำระ ครีมอาบน้ำ สบู่ แป้งฝุ่น หรือสเปรย์ กับบริเวณช่องคลอด รวมทั้งผ้าอนามัยแบบสอดหรือผ้าอนามัยที่มีกลิ่นหอมด้วย
• ไม่ควรสวนล้างช่องคลอด เพราะจะทำให้สารเคมีในช่องคลอดเปลี่ยนแปลง และเสี่ยงต่ออาการอักเสบอื่น ๆ อีกด้วย
• ล้างช่องคลอดด้วยน้ำเท่านั้น และไม่ควรใช้สบู่ล้างเข้าไปในช่องคลอด แต่สามารถใช้สบู่หรือน้ำยาทำความสะอาดจุดซ่อนเร้นโดยเฉพาะที่ไร้กลิ่นได้
• สวมใส่ชุดชั้นในหรือเสื้อผ้าที่ระบายอากาศได้ดี ไม่อับชื้น เช่น ผ้าฝ้าย แต่ควรเลี่ยงชุดชั้นในที่ทำจากผ้าใยสังเคราะห์และไนลอน เพราะระบายอากาศไม่ดี จะยิ่งกักเก็บความชื้นทำให้คัน
• ไม่สวมเสื้อผ้าที่คับแน่นจนเกินไป
• เปลี่ยนเสื้อผ้าที่เปียกหรือชื้นทันทีหลังจากว่ายน้ำหรือออกกำลังกาย
• เปลี่ยนชุดชั้นในทุกวัน ไม่ใส่ซ้ำ
• ซับที่ช่องคลอดให้แห้งสนิทก่อนสวมชุดชั้นใน
• เช็ดทำความสะอาดหลังปัสสาวะและอุจจาระ จากด้านหน้าไปด้านหลัง
• ล้างมือให้สะอาดก่อนสัมผัสช่องคลอดในการใส่ผ้าอนามัยทั้งแบบแผ่นและแบบสอด
• เมื่อมีประจำเดือน ควรเปลี่ยนผ้าอนามัยทุก 4 ชั่วโมง เพื่อลดการอับชื้น
• ถ้ามีอาการคันช่องคลอด ครรหลีกเลี่ยงการมีเพศสัมพันธ์
• ใช้ถุงยางอนามัยระหว่างการมีเพศสัมพันธ์ เพื่อป้องกันโรคติดต่อทางเพศสัมพันธ์
• กินอาหารหรืออาหารเสริมที่มีโพรไบโอติก เช่น โยเกิร์ตธรรมชาติ เพื่อปรับสมดุลของแบคทีเรียในช่องคลอด ช่วยลดโอกาสในการติดเชื้อ
• ควบคุมระดับน้ำตาลในเลือด หากเป็นโรคเบาหวาน
อาการคันในร่มผ้า หรือคันบริเวณอวัยวะเพศและช่องคลอด เป็นเรื่องปกติ ไม่ใช่สิ่งที่น่าอาย เมื่อรู้สาเหตุแล้ว ก็จะรักษาและดูแลตัวเองได้อย่างถูกต้อง ไม่ต้องคันอีกต่อไป !
หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 17 พฤศจิกายน 2564
ขอบคุณข้อมูลจาก
medicalnewstoday.com (1), (2), (3)
healthline.com (1), (2)
womenshealthmag.com
verywellhealth.com
everydayhealth.com
webmd.com
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
คลินิกโรคระบบต่อมไร้ท่อและเบาหวาน โรงพยาบาลวิชัยยุทธ
ขอบคุณข้อมูลจาก
medicalnewstoday.com (1), (2), (3)
healthline.com (1), (2)
womenshealthmag.com
verywellhealth.com
everydayhealth.com
webmd.com
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
คลินิกโรคระบบต่อมไร้ท่อและเบาหวาน โรงพยาบาลวิชัยยุทธ