1. แตงกวา
2. แตงโม
3. ขึ้นฉ่าย
4. ฟักเขียว
5. หน่อไม้ฝรั่ง
6. กล้วย
7. ส้ม
8. กีวี
9. สับปะรด
10. มะละกอ
11. โยเกิร์ต
12. น้ำเปล่า
- ประโยน์ของการดื่มน้ำ 15 อัศจรรย์ที่ยืนยันว่าน้ำเปล่าดีที่สุดแล้ว
1. ลดกินเค็ม ลดอาหารรสจัด โดยไม่ควรได้รับโซเดียมเกิน 2,300 มิลลิกรัมต่อวัน หรือเทียบกับน้ำปลา 6 ช้อนชา
2. ลดอาหารแปรรูป อาหารสำเร็จรูป และอาหารขยะทั้งหลาย รวมทั้งเครื่องดื่มแอลกอฮอล์
3. ทำอาหารกินเอง เราจะได้กะปริมาณโซเดียมในอาหารไม่ให้มากเกินไปได้ และควรปรุงเป็นขั้นตอนสุดท้าย ตอนที่อาหารทุกอย่างสุกเรียบร้อย เพื่อให้รสชาติของเนื้อสัตว์ และผักออกมาให้เต็มที่ เราจะได้ใส่เครื่องปรุงน้อยลง
4. ใช้รสเปรี้ยวเสริมเพื่อลดการปรุงเค็ม
5. ใช้เครื่องปรุงโซเดียมต่ำ แต่ผู้ป่วยโรคหัวใจและโรคไตควรระวัง เพราะผลิตภัณฑ์โซเดียมต่ำจะมีโพแทสเซียมสูง ส่งผลกระทบต่อโรคที่เป็นอยู่ได้
6. ลดการกินน้ำแกง น้ำผัด น้ำซุป เพราะมีสัดส่วนของโซเดียมอยู่มากในน้ำแกงเหล่านี้
7. หลีกเลี่ยงเครื่องจิ้มต่าง ๆ
8. ดูฉลากโภชนาการ เลือกกินอาหารที่มีโซเดียมไม่เกิน 140 มิลลิกรัม/ 1 หน่วยบริโภค หรือ 6%
9. ลดความถี่ในการกินอาหารแปรรูปต่าง ๆ เช่น ปลากระป๋อง แหนม หมูยอ ไส้กรอก เป็นต้น
10. ปรับสมดุลในการกินอาหาร หากมื้อไหนกินอาหารโซเดียมสูงไปแล้ว มื้อถัดไปควรกินอาหารโซเดียมต่ำ อาหารที่ปรุงน้อย ๆ เช่น ไก่อบ หมูอบ ปลาลวก ปลานึ่ง เป็นต้น
11. หมั่นออกกำลังกายเพื่อให้ร่างกายขับโซเดียมออกมาทางเหงื่อ
12. นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ
13. นอนยกเท้าขึ้นสูงกว่าศีรษะ เพื่อให้น้ำที่คั่งอยู่ที่ขาและเท้าไหลกลับสู่ไต รอการกำจัดออกได้ง่ายขึ้น
แต่หากใครไม่มั่นใจว่าอาการบวมของตัวเองเป็นภาวะบวมน้ำหรืออ้วน ลองมาเช็กกันหน่อยไหมล่ะ
ขอบคุณข้อมูลจาก
ศูนย์ศรีพัฒน์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, Thai PBS, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยเชียงใหม่, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, รามา แชนแนล






