วัคซีนฝีดาษลิงมีไหม ฉีดได้ที่ไหน เราจำเป็นต้องฉีดหรือเปล่า

          ฝีดาษลิงเป็นอีกหนึ่งโรคติดต่อที่ต้องระวัง แล้วถ้าอยากฉีดวัคซีนฝีดาษหรือปลูกฝี ในไทยฉีดได้ไหมนะ
          โรคฝีดาษลิง สามารถป้องกันและลดความรุนแรงของโรคได้ด้วยการฉีดวัคซีนฝีดาษ หรือที่เรียกว่าการปลูกฝี แต่ก็อย่างที่รู้กันว่าการปลูกฝีถูกยกเลิกไปแล้วตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523  ดันนั้นคนที่เกิดหลังปีดังกล่าวจึงแทบไม่ได้รับวัคซีนป้องกันโรคฝีดาษเลย และในช่วงปี พ.ศ. 2565 ที่มีการระบาดของโรคฝีดาษลิงในหลาย ๆ ประเทศ โดยโรคนี้เกิดจากเชื้อตระกูลเดียวกันกับโรคฝีดาษหรือไข้ทรพิษ หลายคนจึงนึกถึงวัคซีนฝีดาษขึ้นมา งั้นมาดูกันว่าวัคซีนฝีดาษยังมีให้ฉีดอยู่ไหม แล้วเรามีความจำเป็นต้องฉีดหรือเปล่า

วัคซีนฝีดาษยังมีอยู่ไหม

วัคซีนฝีดาษลิง

          แม้จะไม่มีการฉีดหรือปลูกฝีมาตั้งแต่ปี พ.ศ. 2523 เนื่องจากในตอนนั้นฝีดาษในคนถูกกำจัดหมดแล้ว ทว่าวัคซีนป้องกันฝีดาษก็ยังมีการผลิตอยู่ในบางประเทศ เพื่อวิจัยทางการแพทย์ และป้องกันการใช้เชื้อฝีดาษเป็นอาวุธชีวภาพ รวมทั้งใช้ป้องกันโรคฝีดาษลิงที่ยังคงพบการระบาดในแถบแอฟริกาอยู่ประปรายด้วย 

          โดยในปัจจุบัน วัคซีนโรคฝีดาษคนที่ได้รับการอนุมัติจากสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาจากสหรัฐอเมริกา (FDA) แล้ว มีอยู่ด้วยกัน 2 ตัว  คือ

          1. วัคซีน ACAM2000 ของบริษัท Acambis เป็นวัคซีนรุ่นเก่าที่ใช้มานานแล้ว ในลักษณะการปลูกฝี สามารถสร้างภูมิคุ้มกันได้นานหลายสิบปี

          2. วัคซีน Imvamune (Imvanex หรือ Jynneos) ของบริษัท Bavarian Nordic ประเทศเดนมาร์ก เป็นวัคซีนรุ่นใหม่ซึ่งฉีดเข้าชั้นใต้ผิวหนัง ปัจจุบันได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาฝีดาษในคนในสหภาพยุโรป และยังได้รับอนุมัติให้ใช้รักษาฝีดาษลิงในสหรัฐอเมริกาและแคนาดา

วัคซีนฝีดาษลิง ต้องฉีดกี่เข็ม

          ในช่วงต้นปี 2567 ประเทศไทยได้นำเข้าวัคซีน JYNNEOS เพื่อป้องกันโรคฝีดาษวานร โดยทางศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย และสถานเสาวภา ได้เปิดบริการให้ฉีดวัคซีน JYNNEOS ในราคาเข็มละ 8,500 บาท โดยต้องฉีด 2 เข็ม ห่างกัน 28 วัน ซึ่งการศึกษาพบว่าวัคซีนมีประสิทธิภาพป้องกันได้มากกว่า 80-85% หลังจากฉีดวัคซีนครั้งที่ 2 ไปแล้ว 2 สัปดาห์ ทั้งนี้ บุคคลที่ควรฉีดจะต้องมีอายุ 18 ปีขึ้นไป และเป็นบุคคลเสี่ยงต่อโรค ดังนี้

  • คนที่มีความเสี่ยงสัมผัสกับผู้ป่วย หรืออาจเคยสัมผัสกับผู้ป่วย (ควรฉีดภายในไม่เกิน 14 วันหลังสัมผัสโรค)
  • ผู้ติดเชื้อเอชไอวี
  • กลุ่มบุคคลที่มีความหลากหลายทางเพศ โดยเฉพาะกลุ่มชายรักชาย 
  • บุคลากรทางการแพทย์และสาธารณสุขที่อาจสัมผัสกับไวรัส
วัคซีนฝีดาษ

ภาพจาก : ศูนย์วิจัยโรคเอดส์ สภากาชาดไทย

วัคซีนฝีดาษลิง

ภาพจาก : สภากาชาดไทย Thai Red Cross Society

เคยปลูกฝีดาษมาแล้ว
ป้องกันฝีดาษลิงได้แค่ไหน

วัคซีนฝีดาษลิง

          สำหรับคนที่เคยปลูกฝีป้องกันฝีดาษคนมาแล้วก็พอจะเบาใจได้ โดย นพ.ธีระวัฒน์ เหมะจุฑา หัวหน้าศูนย์วิทยาศาสตร์สุขภาพโรคอุบัติใหม่ คณะแพทยศาสตร์ โรงพยาบาลจุฬาลงกรณ์ ได้โพสต์เฟซบุ๊กเกี่ยวกับประเด็นนี้ไว้ว่า คนที่เกิดก่อนปี พ.ศ. 2523 ที่เคยปลูกฝีมาแล้ว ตัววัคซีนที่ได้ไปจะช่วยป้องกันโรคฝีดาษลิงได้ถึง 85% (ในคนที่มีภูมิคุ้มกันดี)

          ส่วนในเรื่องภูมิคุ้มกันของวัคซีนจะอยู่ได้นานแค่ไหน จากการศึกษาในวารสารนิวอิงแลนด์ ตั้งแต่ปี ค.ศ. 2007 ที่ได้ทำการเจาะเลือดเก็บตัวอย่างบุคลากรที่ทำงานในศูนย์สัตว์จำพวกลิง ที่ออริกอน สหรัฐอเมริกา จำนวน 45 คน เป็นระยะอย่างต่อเนื่องโดยเฉลี่ยประมาณ 15 ปี พบว่า ประมาณ 60% ยังคงมีภูมิคุ้มกันอยู่ ทั้งนี้ ประเมินกันว่าระยะเวลาครึ่งชีวิตจะอยู่ประมาณ 90 ปี ซึ่งก็ถือว่านานเลยทีเดียว

          แต่อย่างไรก็ตาม การฉีดวัคซีนไม่ได้หมายความว่าจะช่วยป้องกันโรคฝีดาษลิงหรือไข้ทรพิษได้ทุกคน เพราะต้องขึ้นอยู่กับระดับภูมิคุ้มกันในร่างกายของแต่ละคนด้วยนะคะ

วัคซีนฝีดาษลิง จำเป็นต้องฉีดไหม

วัคซีนฝีดาษลิง

          แม้จะเริ่มมีข่าวการระบาดของฝีดาษลิงในหลายประเทศ แต่องค์การอนามัยโลก หรือ WHO ยืนยันว่ายังไม่จำเป็นต้องฉีดวัคซีนฝีดาษในวงกว้าง เนื่องจากยังอยู่ในสถานการณ์ที่ควบคุมได้ สอดคล้องกับทางฝรั่งเศสที่เลือกฉีดวัคซีนฝีดาษให้กลุ่มผู้เสี่ยงสูงและบุคลากรทางการแพทย์ก่อน เช่นเดียวกับอังกฤษ ที่ประเมินการฉีดวัคซีนให้กับบางกลุ่มเท่านั้น เช่น เจ้าหน้าที่สาธารณสุขบางราย เนื่องจากตัววัคซีนฝีดาษเป็นเชื้อเป็น จึงมีผลข้างเคียงค่อนข้างเยอะนั่นเอง

          ขณะที่ศูนย์ควบคุมและป้องกันโรคแห่งชาติสหรัฐฯ (CDC) แนะนำว่า ถ้าใครเป็นกลุ่มเสี่ยงที่เพิ่งสัมผัสเชื้อมา สามารถฉีดวัคซีนฝีดาษได้ภายใน 4 วัน ซึ่งจะมีภูมิคุ้มกันขึ้นทันก่อนที่ไวรัสจะเริ่มแบ่งตัวเป็นจำนวนมาก แต่หากฉีดวัคซีนหลังสัมผัสเชื้อมาแล้ว 4-14 วัน วัคซีนอาจป้องกันโรคไม่ได้เท่าที่ควร ทำได้เพียงลดความรุนแรงของโรคลง

          แม้จะเริ่มพบผู้ป่วยฝีดาษลิงทั่วโลกมากขึ้น แต่ก็อย่าเพิ่งตื่นตระหนกจนเกินไป เพราะเราสามารถป้องกันตัวเองเบื้องต้นได้โดยใส่หน้ากากอนามัย ล้างมืออย่างสม่ำเสมอ รวมทั้งรับประทานอาหารที่ปรุงสุกใหม่ หลีกเลี่ยงการรับประทานเนื้อสัตว์ป่า เนื้อสัตว์ฟันแทะอย่างหนู กระรอก และพยายามอย่าไปยุ่งเกี่ยวกับสัตว์เหล่านี้ด้วย 

          นอกจากนี้ถ้าเจอใครที่เดินทางกลับมาจากประเทศที่มีการระบาดและมีอาการป่วย มีผื่น-ตุ่มขึ้นผิดปกติ ควรอยู่ให้ห่างไว้ เพราะหากสัมผัสโดนเชื้อเข้าก็เสี่ยงติดฝีดาษลิงได้นะคะ

บทความที่เกี่ยวข้องกับฝีดาษ

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วัคซีนฝีดาษลิงมีไหม ฉีดได้ที่ไหน เราจำเป็นต้องฉีดหรือเปล่า อัปเดตล่าสุด 20 สิงหาคม 2567 เวลา 19:47:29 31,505 อ่าน
TOP
x close