x close

วิตามินบำรุงสายตายี่ห้อไหนดี ปี 2022 ลดอาการตาล้า พร้อมสู้จอ !

           วิตามินบำรุงสายตา 2022 ที่หลายคนกำลังเล็งอยู่ โดยเฉพาะคนที่รู้สึกว่าสายตาเริ่มมีปัญหา พร่ามัว หรือออกไปที่แจ้งก็สู้แสงไม่ไหว มาดูกันว่าวิตามินบำรุงสายตาตัวไหนดี
            สายตาเรามีเพียงแค่คู่เดียวเท่านั้น จึงควรต้องดูแลรักษาให้ดี ๆ ทว่าการใช้ชีวิตในยุคดิจิทัลอย่างนี้ก็ต้องยอมรับว่าเราหลีกเลี่ยงการใช้สายตาไม่ค่อยได้ โดยเฉพาะเหล่าพนักงานออฟฟิศที่ต้องนั่งทำงานหน้าจอคอมพิวเตอร์ทั้งวัน หรือแม้แต่ยูทูบเบอร์ เน็ตไอดอลที่ต้องใช้โซเชียลหนัก ๆ หรือต้องนั่งเผชิญหน้ากับแสงไฟ ซึ่งหากวนลูปทำพฤติกรรมเหล่านี้บ่อย ๆ ก็แน่นอนว่าคงส่งผลกระทบกับสายตาเราไปไม่น้อย บางคนเลยรู้สึกว่าทั้งที่อายุก็ไม่ได้มาก แต่เริ่มมีสายตาพร่ามัว หรือมีปัญหาตาสู้แสงไม่ได้ งั้นมาดูกันว่าหากเราอยากเริ่มดูแลสุขภาพดวงตา มีวิตามินอะไรที่ช่วยดูแลดวงตาได้บ้าง พร้อมเช็กรีวิววิตามินบำรุงสายตาตัวไหนดี ในปี 2022
วิตามินบำรุงสายตา มีอะไรบ้าง
วิตามินบำรุงสายตา

            ถ้าพูดถึงวิตามินหรือสารอาหารที่ช่วยบำรุงสายตา จริง ๆ แล้วก็มีอยู่หลายตัวด้วยกัน โดยแต่ละชนิดก็ดีไปคนละด้าน เช่น

วิตามินเอ

           ช่วยบำรุงสายตาในส่วนการทำงานของจอประสาทตา และมีบทบาทสำคัญด้านการมองในที่มืด โดยแหล่งอาหารที่มีวิตามินเอค่อนข้างสูง จะอยู่ในผักใบเขียว เช่น ชะอม คะน้า ยอดกระถิน ตำลึง ผักโขม ผักบุ้ง เป็นต้น นอกจากนี้ยังพบวิตามินเอได้ในฟักทอง แครอต เสาวรส มะละกอ มะม่วงสุก และตับหมู

วิตามินบี 2 (ไรโบฟลาวิน)

            ช่วยบำรุงสายตา เยื่อเมือกตา และม่านตา และจากงานวิจัยก็พบว่า เราควรได้รับวิตามินบีปริมาณ 1.1-1.3 มิลลิกรัม ซึ่งเป็นขนาดที่แนะนำต่อวัน แต่หากว่าร่างกายได้รับไม่เพียงพอ อาจเสี่ยงมีอาการตาไวต่อแสง แสบตา เลือดออกในตาได้ โดยแหล่งที่มีวิตามินบี 2 อยู่มาก เช่น ผลิตภัณฑ์นม เนื้อสัตว์ ธัญพืช เป็นต้น 

วิตามินซี

            ช่วยชะลอความเสื่อมจากโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมได้ โดยมีการวิจัยพบว่า หากรับประทานวิตามินซีวันละ 490 มิลลิกรัมขึ้นไป สามารถลดความเสี่ยงต่อโรคต้อกระจกได้ถึง 45% ซึ่งอาหารที่มีวิตามินซีสูง ได้แก่ ฝรั่ง ส้ม สับปะรด มะขามป้อม และผักอย่างพริกหวาน มะเขือเทศ กะหล่ำดอก รวมไปถึงบรอกโคลี

วิตามินอี

            เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีอยู่ในเซลล์รับแสงที่จอประสาทตา ช่วยปกป้องดวงตาจากแสงแดด และมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงโรคต้อกระจก โดยปริมาณที่ควรได้รับไม่ควรเกิน 1,000 ไมโครกรัมต่อวัน ซึ่งแหล่งอาหารที่พบวิตามินอีอยู่มากก็ได้แก่ ข้าวกล้อง ถั่วเมล็ดแห้ง งา ข้าวสาลี ข้าวโอ๊ต ข้าวบาร์เลย์ น้ำมันพืช น้ำมันดอกคำฝอย ข้าวโพด และถั่วเหลือง เป็นต้น

ลูทีน และซีแซนทีน

            เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ทำหน้าที่ช่วยปกป้องเซลล์ของจอประสาทตาไม่ให้ถูกทำลาย ชะลอการเกิดต้อกระจก และโรคจอประสาทตาเสื่อม ซึ่งสามารถหาลูทีนและซีแซนทีนได้จากผัก-ผลไม้ที่มีสีเขียวเข้มและสีเหลือง เช่น ผักคะน้า ปวยเล้ง ผักโขม บรอกโคลี ข้าวโพด และพบได้ในไข่แดง เป็นต้น

เบต้าแคโรทีน

           ช่วยในการมองเห็นในที่มืด และลดความเสื่อมของเซลล์ลูกตา รวมทั้งลดความเสี่ยงต่อการเป็นต้อกระจก โดยเราสามารถรับเบต้าแคโรทีนได้จากฟักทอง แครอต มะละกอ ข้าวโพดอ่อน หน่อไม้ฝรั่ง ผักบุ้ง ตำลึง แตงโม เป็นต้น

เคอร์ซิทีน

           เป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่ช่วยต้านความเสื่อมของจอประสาทตา และป้องกันการเกิดโรคต้อหิน โดยสามารถกินหอมแดง กระเทียม ถั่วชนิดต่าง ๆ แอปเปิล องุ่น เบอร์รี เพื่อรับเคอร์ซิทินไปบำรุงสายตาได้เลย

ซีลีเนียม

            มีส่วนช่วยชะลอการเกิดต้อกระจกและมีคุณสมบัติในการต้านอนุมูลอิสระ พบได้มากในหอยนางรม หอยลาย ตับไก่ และเมล็ดทานตะวัน

สังกะสี

           สารต้านอนุมูลอิสระในสังกะสีมีส่วนช่วยชะลอความเสื่อมของจอประสาทตาที่มีอาการอยู่แล้ว ให้เกิดความเสื่อมช้าลง โดยแหล่งที่พบสังกะสี ได้แก่ อาหารทะเล เช่น หอยนางรม หอยแมลงภู่ ปู กุ้ง รวมทั้งเนื้อสัตว์ ตับ และธัญพืช เช่น ข้าวโอ๊ต ข้าวสาลี

โอเมก้า 3

          มีบทบาทสำคัญในการรักษาภาวะตาแห้ง ทำให้คุณภาพของน้ำตาดีขึ้น และบำรุงประสาทตา ซึ่งกรดไขมันโอเมก้า 3 พบได้มากในปลาทะเล เช่น ปลาแซลมอน ปลาทูน่า ปลาซาร์ดีน ปลากะพง ปลาช่อน และในผลไม้ เช่น กีวี เป็นต้น
 

10 วิตามินบำรุงสายตา ตาพร่า ตามัว ดูแลด้วยอาหารใกล้ตัวตามนี้ !

           นอกจากสารอาหารและวิตามินบำรุงสายตาข้างต้นแล้ว บางคนอาจจะสังเกตเห็นด้วยว่า ในอาหารเสริมบำรุงสายตา มักใส่สารสกัดจากผลไม้ตระกูลเบอร์รีที่ได้ชื่อว่าดีกับดวงตาด้วยนะ โดยตัวที่เด่น ๆ เห็นกันบ่อย ๆ เช่น
วิตามินบำรุงสายตา

  • บิลเบอร์รี : มีสารต้านอนุมูลอิสระสูง ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเส้นเลือดฝอยในตา ต้านการอักเสบ ลดอาการตาเมื่อยล้า จึงมีส่วนช่วยป้องกันโรคต้อกระจก จอประสาทตาเสื่อม และโรคทางตาอื่น ๆ

  • แบล็กเคอร์เรนต์ : มีทั้งฟลาโวนอยด์ช่วยเสริมประสิทธิภาพการไหลเวียนเลือดของหลอดเลือดฝอยในดวงตา และอุดมไปด้วยไฟโตนิวเทรียนท์หลายชนิด เช่น วิตามินซี แอนโธไซยานิน แอนโธไซยาโนไซด์ และโปรแอนโธไซยานิดิน ที่มีส่วนช่วยดูแลดวงตาทั้งนั้น

  • อะเซโรล่า เชอร์รี : มีวิตามินซีสูง พ่วงด้วยสารฟลาโวนอยด์ ช่วยชะลอความเสื่อมจากโรคต้อกระจกและจอประสาทตาเสื่อมได้ 

           อย่างไรก็ดี การรับประทานอาหารเพื่อให้ได้วิตามินบำรุงสายตาเพียงพอกับปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวันอาจจะยากเกินไปสำหรับบางคน โดยเฉพาะคนที่ชอบกินเมนูซ้ำ ๆ เดิม ๆ มีวิถีชีวิตแบบเดิม ๆ ดังนั้นอาจต้องเลือกบำรุงสายตาด้วยวิตามินเสริมร่วมกับการรับประทานอาหารที่มีประโยชน์

วิตามินบำรุงสายตา เลือกซื้อยังไงดี
วิตามินบำรุงสายตา

          ใครที่สนใจจะซื้อวิตามินบำรุงสายตามากิน ควรพิจารณายังไงบ้าง ลองดูตามนี้
  • เลือกวิตามินบำรุงสายตาให้ตรงกับปัญหาสายตาที่เราเป็นอยู่ เช่น ตาสู้แสงไม่ได้ แสบตาบ่อย ตาแห้ง ตาล้า ก็เลือกวิตามินที่มีสรรพคุณเด่นในด้านนี้

  • เลือกวิตามินบำรุงสายตาที่คิดว่าร่างกายเราต้องการ เช่น คนที่ไม่ค่อยรับประทานเนื้อสัตว์ กินเจ มังสวิรัติ อาจเลือกกินวิตามินบี 2 เสริมเข้าไป หรือคนที่ไม่กินผักใบเขียวเลยอาจซื้อลูทีน หรือซีแซนทีนมาเสริม

  • อ่านฉลากผลิตภัณฑ์ให้ครบถ้วน ว่าวิตามินกระปุกนี้มีส่วนผสมอะไรบ้าง มีปริมาณสารอาหารแต่ละชนิดจำนวนเท่าไร มีวันหมดอายุ รวมถึงมี อย. ไหม 

  • ปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์ประจำตัวทุกครั้งหากจะเริ่มกินวิตามินบำรุงสายตา รวมถึงอาหารเสริมใด ๆ 

ข้อควรระวังในการกินวิตามินบำรุงสายตา
วิตามินบำรุงสายตา

  • ไม่ควรหวังผลในการรักษาหรือป้องกันโรค เพราะวิตามินบำรุงสายตาเป็นเพียงวิตามินเสริมเท่านั้น 

  • เก็บให้พ้นแสงแดด เพราะความร้อนอาจทำให้วิตามินเสื่อมคุณภาพ หรือมีประสิทธิภาพลดลงได้

  • ระมัดระวังการใช้วิตามินเสริมในเด็ก หญิงตั้งครรภ์ ผู้ป่วยโรคเรื้อรัง ผู้มีโรคประจำตัวใด ๆ และผู้สูงอายุ หากจำเป็นต้องกินอาหารเสริม ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง

  • คนที่มีอาการแพ้ยา แพ้อาหารเป็นทุนเดิม ควรปรึกษาแพทย์และเภสัชกรก่อนทุกครั้ง

  • กินตามคำแนะนำจากเภสัชกร แพทย์ หรือข้อควรใช้บนฉลากผลิตภัณฑ์เท่านั้น 

วิตามินบำรุงสายตายี่ห้อไหนดี ปี 2022

1. ii-Care

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : megawecare.co.th

          วิตามินบำรุงสายตาจากแบรนด์ Mega We Care ตีตลาดอาหารเสริมในไทยมานาน โดยขวดนี้มีวิตามินบำรุงสายตาหลายตัวด้วยกัน ทั้งลูทีน 3 มิลลิกรัม รวมไปถึงเบต้าแคโรทีและแคโรทีนอยด์อื่น ๆ อีก 1.5 มิลลิกรัมที่จะช่วยในการมองเห็นตอนกลางคืน นอกจากนี้ยังมีสารต้านอนุมูลอิสระบิลเบอร์รีสกัดในปริมาณ 25 มิลลิกรัม ซึ่งช่วยให้เส้นเลือดฝอยในตาแข็งแรงขึ้

  • วิธีรับประทาน : ครั้งละ 1 แคปซูล วันละ 2 ครั้ง พร้อมอาหาร
  • ราคาปกติ : 360 บาท (30 แคปซูล)

2. Blackmores Lutein-Vis (สารสกัดจากดอกดาวเรือง)

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : blackmores.co.th

            สำหรับคนที่ต้องการลูทีนบำรุงสายตา ยี่ห้อนี้จัดให้มาเน้น ๆ โดยใน 1 แคปซูลมีลูทีน 6 มิลลิกรัม และเป็นลูทีนจากสารสกัดดอกดาวเรือง พ่วงด้วยซิลีเนียม ที่มีฤทธิ์ต้านอนุมูลอิสระ และยังได้กรดไขมันดีจากน้ำมันปลาด้วยนะคะ

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหารทุกวัน
  • ราคาปกติ : 890 บาท (60 แคปซูล)

3. VISTRA Bilberry Extract Plus Lutein Beta-Carotene

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : vistra.co.th

           หากกำลังมองหาวิตามินบำรุงสายตาที่หลากหลาย ขวดนี้มีทั้งลูทีน ซีแซนทีน เบต้าแคโรทีน วิตามินเอ วิตามินอี โดยใน 1 แคปซูลมีลูทีน 20 มิลลิกรัม ซีแซนทีน 4 มิลลิกรัม วิตามินเอ 2,656 หน่วยสากล ให้วิตามินอี 10 หน่วยสากล แถมยังใส่สารสกัดจากบิลเบอร์รีมา 100 กรัม ด้วยนะคะ ใครเป็นคนไม่ชอบกินวิตามินหลาย ๆ ตัว ขวดนี้คงตอบโจทย์

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
  • ราคาปกติ : 510 บาท (30 แคปซูล)

4. Luteina ลูทีน่า

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : tmanpharma.co.th

           วิตามินบำรุงสายตาแบรนด์ไทยที่น่าจับตามองอีกหนึ่งยี่ห้อ โดยขวดนี้มีสารสกัดจากดอกดาวเรืองบริสุทธิ์ 100% จึงให้ทั้งลูทีนและซีแซนทีน และใน 1 แคปซูลจะได้ลูทีนประมาณ 8.60 มิลลิกรัม ซีแซนทีนประมาณ 0.26% ของปริมาณที่ร่างกายควรได้รับต่อวัน มีคุณสมบัติช่วยให้มองเห็นได้คมชัดขึ้น ชะลอความเสื่อมของจอประสาทตา เหมาะกับผู้ที่ใช้สายตาบ่อย หรือผู้สูงอายุที่มีปัญหาดวงตา ที่สำคัญคือราคาไม่แพง

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล พร้อมอาหาร
  • ราคาประมาณ : 150 บาท (60 แคปซูล)

5. แบรนด์ สารสกัดจากแบล็กเคอร์แรนท์ ผสมลูทีนและซีแซนทีน

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : store.brandsworld.co.th

             เป็นอีกหนึ่งยี่ห้อที่มัดรวมประโยชน์จากวิตามินบำรุงสายตาตัวท็อป ๆ ไว้ด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นแอนโทไซยานินที่ได้จากแบล็กเคอร์เรนต์ รวมไปถึงลูทีน และซีแซนทีน เหมาะกับคนที่อยู่หน้าจอคอมพิวเตอร์และทีวีบ่อย ๆ โดยเฉพาะคนที่ชอบอ่านหนังสือ หรือเล่นโทรศัพท์ในที่มืด รวมทั้งคนต้องเผชิญแสงอาทิตย์กลางแจ้งประจำ โดยหากกินตามฉลากผลิตภัณฑ์ คือ 2 เม็ด ต่อวัน ร่างกายจะได้รับสารสกัดจากแบล็กเคอร์แรนท์ 114.4 มิลลิกรัม ลูทีน 50 มิลลิกรัม และซีแซนทีน 20 มิลลิกรัม

  • วิธีรับประทาน : วันละ 2 เม็ด พร้อมอาหาร
  • ราคาปกติ : 1,220 บาท (60 เม็ด)

6. วิต’ทูโก วิตามิน เอ

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : sandm.co.th

            ถ้าอยากลองกินวิตามินบำรุงดวงตาแบบชั่วคราว เฉพาะช่วงที่ใช้งานสายตาหนัก ๆ เท่านั้น วิต’ทูโก วิตามิน เอ ตัวนี้ก็เป็นที่นิยมในฐานะวิตามินบำรุงสายตา ใน 7-11 เพราะเป็นวิตามินชนิดซองพกพา บรรจุ 2 แคปซูล ใน 1 ซอง โดยแต่ละแคปซูลให้วิตามินเอ 6 มิลลิกรัม, สารสกัดจากดอกดาวเรือง 160 มิลลิกรัม ซึ่งจะเทียบเท่า ลูทีน 8 มิลลิกรัม, ทอรีน 50 มิลลิกรัม, อะเซโรลา เชอร์รีสกัด 138 มิลลิกรัม, บิลเบอร์รีสกัด 50 มิลลิกรัม และหาซื้อได้ง่ายอีกด้วย

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 แคปซูล หลังอาหาร
  • ราคาปกติ : 20 บาท (2 แคปซูล)

7. ไอ-เบลนด์ พลัส ลูทีน นิวทริไลท์

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : amway.co.th

           วิตามินบำรุงสายตาจากนิวทริไลท์ในเครือ Amway เป็นวิตามินที่สกัดลูทีนจากดอกดาวเรือง 120 มิลลิกรัม ซึ่งให้ลูทีน 5 มิลลิกรัม นอกจากนี้ยังมีสารสกัดจากบิลเบอร์รี และวิตามินเอที่ช่วยคงสภาพปกติของการมองเห็นมาให้ด้วยแคปซูลละ 53 มิลลิกรัม และ 1.4 มิลลิกรัมตามลำดับ และยังมีผงสปิแนช ผงแบล็กเคอร์เรนต์สกัดพ่วงมาด้วยนะ

  • วิธีรับประทาน : วันละ 2 เม็ด พร้อมอาหาร
  • ราคาปกติ : 1,495 บาท (62 เม็ด)

8. DHC-Supplement Lutein 20 Days

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : Konvy

          วิตามินบำรุงสาตาจากญี่ปุ่น แบรนด์ DHC เป็นที่นิยมในไทยมานานพอสมควร และแม้เมื่อก่อนจะต้องอิมพอร์ตจากญี่ปุ่นเท่านั้น แต่ก็ยังเป็นที่ต้องการของผู้บริโภคอยู่ดี ทว่าตอนนี้ DHC ในไทยหาซื้อได้ง่ายขึ้นมากแล้ว และหากต้องการกินวิตามินบำรุงสายตา DHC เราขอแนะนำเป็นตัว DHC Lutein 20 Days ที่อัดแน่นไปด้วยสารสกัดจากดอกดาวเรือง ซึ่งให้ลูทีนประมาณ 16 มิลลิกรัม เหมาะสำหรับผู้ที่ใช้สายตาหนัก หรืออยู่หน้าจอเป็นเวลานาน ๆ แถมในรีวิวต่าง ๆ ก็บอกว่ากินง่าย ใครที่มักจะขัดใจเรื่องกลิ่นของวิตามินเสริมก็สบายใจได้เลย

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด
  • ราคาปกติ : 490 บาท (20 เม็ด)

9. เรติเน่ (Ratine)

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : ratinethailand

            อีกหนึ่งวิตามินบำรุงสายตาแบรนด์ไทยที่มีรีวิวแน่นจนเราไม่หยิบมาแนะนำไม่ได้ โดยแบรนด์นี้เขามีทั้งลูทีน ซีแซนทีน และสารสกัดจากบิลเบอร์รีที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเส้นเลือดฝอย แถมยังเคลมด้วยว่าเป็นสารสกัดเข้มข้น 2 เท่า (Max doze) ที่นำเข้ามาจากสหรัฐอเมริกา ร่างกายดูดซึมได้ไว รับประทานต่อเนื่อง 7 วันก็จะเห็นผลลัพธ์ในทางที่ดี ส่วนรีวิวก็มีทั้งบอกว่ามองเห็นชัดขึ้น อาการตาพร่ามัวดีขึ้น เป็นต้น

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด
  • ราคาปกติ : 1,590 บาท (30 เม็ด)

10. VISPRO

วิตามินบำรุงสายตา

ภาพจาก : stronka.in

           วิตามินบำรุงสายตาตัวนี้อ้างอิงสูตร AREDS และ AREDS 2 ซึ่งผ่านการวิจัยและพัฒนาโดยทีมนักวิจัย สถาบันดวงตาแห่งชาติประเทศสหรัฐอเมริกา (National Eye Institute USA) มากว่า 20 ปี โดยสูตร AREDS 2 ประกอบไปด้วย ลูทีน, ซีแซนทีน, สังกะสี, วิตามินซี, วิตามินอี และทองแดงที่ช่วยเพิ่มประสิทธิภาพการทำงานของเอมไซม์ต้านอนุมูลอิสระในดวงตา

           นอกจากนี้ใน VISPRO ยังเสริมโอเมก้า 3 ช่วยบรรเทาอาการตาแห้ง และสารสกัดบิลเบอร์รีที่ช่วยลดอาการเมื่อยล้าของดวงตามาให้ด้วยนะคะ เรียกได้ว่ามัดรวมวิตามินบำรุงสายตามาหลากหลายชนิด คนที่อยากกินเม็ดเดียวแล้วจบก็ถือว่าตอบโจทย์

  • วิธีรับประทาน : วันละ 1 เม็ด หลังอาหาร
  • ราคาปกติ : 990 บาท (30 เม็ด)
            อย่างไรก็ตาม นอกจากวิตามินบำรุงสายตาแล้ว การดูแลสุขภาพดวงตาที่สำคัญและควรทำก็คือรับประทานอาหารที่มีประโยชน์ ครบ 5 หมู่ อย่าใช้สายตาหักโหมมาก หากต้องมองหน้าจอหรืออ่านหนังสือนาน ๆ ควรพักสายตาไปมองวิว มองทัศนียภาพไกล ๆ มองพื้นที่สีเขียว ทุก 30 นาที เพื่อเป็นการผ่อนคลายกล้ามเนื้อดวงตาไม่ให้อ่อนล้าจนเกินไป

บทความที่เกี่ยวข้องกับการดูแลสุขภาพดวงตา

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิตามินบำรุงสายตายี่ห้อไหนดี ปี 2022 ลดอาการตาล้า พร้อมสู้จอ ! อัปเดตล่าสุด 24 พฤษภาคม 2566 เวลา 13:57:21 50,231 อ่าน
TOP