บัตรทอง คืออะไร
บัตรทอง หรือบัตร 30 บาท จริง ๆ แล้วมีชื่อเต็มว่า บัตรประกันสุขภาพถ้วนหน้า ที่ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ หรือ สปสช. ออกให้คนไทยทุกคนได้ใช้รักษาพยาบาลฟรี ยกเว้นในคนที่มีสิทธิรักษาพยาบาลอื่นอย่างสิทธิประกันสังคม หรือสิทธิข้าราชการ ก็จะไม่ได้ถือบัตรทอง อย่างไรก็ตาม ปัจจุบันสามารถใช้บัตรประจำตัวประชาชนใบเดียวในการเข้ารักษาที่สถานพยาบาลได้ทันที
บัตรทอง ใครมีสิทธิได้บ้าง
คนที่จะมีบัตรทองต้องมีคุณสมบัติดังนี้
-
บุคคลสัญชาติไทยตั้งแต่แรกเกิด ที่มีเลขบัตรประจำตัวประชาชน 13 หลัก
-
บุคคลที่ไม่มีสวัสดิการด้านการรักษาพยาบาลอื่นใดที่รัฐจัดให้ เช่น
◦ บุตรข้าราชการที่บรรลุนิติภาวะ (อายุ 20 ปีขึ้นไป หรือสมรส) และไม่มีสิทธิประกันสุขภาพจากหน่วยงานรัฐ
◦ บุตรข้าราชการคนที่ 4 ขึ้นไป และไม่มีสิทธิประกันสุขภาพจากหน่วยงานรัฐ เช่น สิทธิข้าราชการคุ้มครองบุตรเพียง 3 คน
◦ ผู้ประกันตนที่ขาดการส่งเงินสมทบกองทุนประกันสังคม (หมดสิทธิประกันสังคม)
◦ ข้าราชการที่เกษียณอายุหรือออกจากราชการโดยมิได้รับบำนาญ
◦ ผู้ประกอบอาชีพอิสระ และไม่ได้เป็นผู้ประกันตนบัตรทอง รักษาอะไรได้บ้าง
บัตรทอง รักษามะเร็งได้ทุกที่จริงไหม
ปัจจุบัน สปสช. มีโครงการมะเร็งรักษาทุกที่ (Cancer Anywhere) ให้ผู้ป่วยมะเร็งที่ได้รับการวินิจฉัยแล้วสามารถปรึกษาแพทย์เพื่อตัดสินใจร่วมกันในการเลือกโรงพยาบาลที่มีศักยภาพในการรักษามะเร็งได้เอง (ต้องเป็นโรงพยาบาลที่เข้าร่วมโครงการ)
ทั้งนี้ ผู้ป่วยสามารถใช้สิทธิรักษามะเร็งได้ทุกระยะ รวมถึงการทำเคมีบำบัด รังสีรักษา การรักษาภาวะแทรกซ้อนที่เกิดจากโรคมะเร็ง รวมทั้งการตรวจเพื่อติดตามผลการรักษา (Follow up) ภายหลังการรักษาโรคมะเร็ง
บัตรทองทำฟันได้ไหม
ผู้ที่ถือบัตรทองสามารถเข้ารับบริการทันตกรรมได้ค่ะ ไม่ว่าจะเป็นการถอนฟัน อุดฟัน ขูดหินปูน การให้ฟลูออไรด์เสริมในกลุ่มเสี่ยงต่อโรคฟันผุ การรักษาโพรงประสาทฟันน้ำนม การเคลือบหลุมร่องฟัน การผ่าฟันคุด ใส่เพดานเทียมเด็กปากแหว่งเพดานโหว่ และการทำฟันปลอมฐานพลาสติก ก็สามารถทำได้โดยไม่เสียค่าใช้จ่ายเลย
บัตรทอง ใช้สิทธิคลอดบุตรได้ไหม
สิทธิประโยชน์ของบัตรทอง
มีอะไรอีกบ้าง
นอกจากเรื่องการรักษาโรคแล้ว ผู้ใช้บัตรทองยังมีสิทธิประโยชน์อื่น ๆ อีก อาทิ
-
การสร้างเสริมสุขภาพและป้องกันโรค เช่น
◦ การตรวจคัดกรองเพื่อหาภาวะเสี่ยง เช่น คัดกรองมะเร็งปากมดลูก เบาหวาน ความดันโลหิตสูง ไขมัน
◦ การให้คำปรึกษาและแนะนำการดูแลสุขภาพ เช่น การวางแผนครอบครัวเรื่องการคุมกำเนิด รับยาคุมและถุงยางอนามัยฟรี การเลิกบุหรี่
◦ การสร้างภูมิคุ้มกัน เช่น การฉีดวัคซีน การให้ยาบำรุง การเคลือบฟลูออไรด์
-
ค่ายา เวชภัณฑ์ อวัยวะเทียม และอุปกรณ์ทางการแพทย์ ตามกรอบบัญชียาหลัก และยาที่มีค่าใช้จ่ายสูง
-
ค่าอาหารและค่าห้องสามัญระหว่างพักรักษาตัวในหน่วยบริการ
-
บริการรถพยาบาล หรือบริการพาหนะรับ-ส่งผู้ป่วยและผู้ทุพพลภาพ
-
การฟื้นฟูสมรรถภาพร่างกายและจิตใจ ทั้งกายภาพบำบัด จิตบำบัด พฤติกรรมบำบัด การฟื้นฟูการได้ยิน ฟื้นฟูการมองเห็น รวมไปถึงบริการอุปกรณ์ช่วยสำหรับผู้พิการตามเกณฑ์ที่กำหนด
-
บริการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก ตามกฎหมายว่าด้วยการประกอบโรคทางศิลปะ
-
การบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาและสารเสพติด ยกเว้นการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยยาเสพติดที่มีกำหนดเกี่ยวกับการให้บริการบำบัดรักษาและฟื้นฟูผู้ติดยาเสพติด
-
การบริการสาธารณสุขที่เกี่ยวข้องกับอุบัติเหตุการประสบภัยจากรถ ยกเว้นการดำเนินการตามกฎหมายว่าด้วยการคุ้มครองผู้ประสบภัยจากรถ
-
บริการสาธารณสุขอื่นที่จำเป็นต่อสุขภาพและการดำรงชีวิต ตามที่คณะกรรมการหลักประกันสุขภาพแห่งชาติกำหนดเพิ่มเติม
-
ขอรับเงินช่วยเหลือเบื้องต้นกรณีได้รับความเสียหายจากการรักษาพยาบาล
-
ผู้ป่วยติดบ้านติดเตียงที่มีคะแนนความสามารถในการประกอบกิจวัตรประจำวัน (ADL) ไม่เกิน 6 คะแนน หรือผู้ที่มีปัญหากลั้นปัสสาวะหรืออุจจาระไม่ได้ ตามผลการประเมินหรือข้อบ่งชี้ทางการแพทย์ มีสิทธิขอรับผ้าอ้อมผู้ใหญ่และแผ่นรองซับการขับถ่าย
-
ตรวจวินิจฉัยโรคหยุดหายใจขณะหลับจากการอุดกั้น (Sleep test) และการรักษาด้วยเครื่องอัดอากาศแรงดันบวก (CPAP)
-
อุปกรณ์เท้าเทียมไดนามิก เพื่อผู้พิการขาขาด
-
เจาะเลือด-ตรวจแล็บใกล้บ้าน ครอบคลุม 24 รายการ สำหรับผู้ป่วยนอกที่ป่วยโรคเรื้อรังที่มีใบสั่งการตรวจทางห้องปฏิบัติการจากหน่วยบริการที่ดูแล สามารถเข้ารับบริการตรวจ ณ คลินิกเทคนิคการแพทย์ที่ใกล้บ้านได้
บัตรทองรักษาที่ไหนได้บ้าง
กรณีเจ็บป่วยทั่วไป เราสามารถใช้สิทธิรักษาในสถานพยาบาลใกล้บ้านตามสิทธิที่ระบุไว้บนบัตรทอง หากเจ็บป่วยขณะอยู่ต่างพื้นที่สามารถรักษาที่สถานพยาบาลปฐมภูมิได้ทุกแห่ง แต่หากเป็นการเจ็บป่วยฉุกเฉินสามารถเข้ารับบริการที่ใดก็ได้ที่อยู่ใกล้ที่สุด
อย่างไรก็ตาม ในปี 2567 ทางสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) มีนโยบายเพิ่มความสะดวกในการรับบริการมากขึ้นในโครงการ “30 บาท รักษาทุกที่ด้วยบัตรประชาชนใบเดียว” หรือ 30 บาท Pro ซึ่งจะสามารถใช้บัตรประชาชนใบเดียวไปรับบริการได้ทุกที่ในเครือข่ายหน่วยบริการของ สปสช. โดยปัจจุบัน (เดือนสิงหาคม 2567) สามารถใช้ได้ในจังหวัดต่อไปนี้
-
จังหวัดนครราชสีมา
-
จังหวัดนครสวรรค์
-
จังหวัดพังงา
-
จังหวัดเพชรบูรณ์
-
จังหวัดสระแก้ว
-
จังหวัดสิงห์บุรี
-
จังหวัดหนองบัวลำภู
-
จังหวัดอำนาจเจริญ
-
จังหวัดเชียงใหม่
-
จังหวัดเชียงราย
-
จังหวัดน่าน
-
จังหวัดพะเยา
-
จังหวัดลำปาง
-
จังหวัดลำพูน
-
จังหวัดแม่ฮ่องสอน
-
จังหวัดกำแพงเพชร
-
จังหวัดพิจิตร
-
จังหวัดชัยนาท
-
จังหวัดอุทัยธานี
-
จังหวัดสระบุรี
-
จังหวัดนนทบุรี
-
จังหวัดลพบุรี
-
จังหวัดอ่างทอง
-
จังหวัดนครนายก
-
จังหวัดพระนครศรีอยุธยา
-
จังหวัดปทุมธานี
-
จังหวัดอุดรธานี
-
จังหวัดสกลนคร
-
จังหวัดนครพนม
-
จังหวัดเลย
-
จังหวัดหนองคาย
-
จังหวัดบึงกาฬ
-
จังหวัดชัยภูมิ
-
จังหวัดบุรีรัมย์
-
จังหวัดสุรินทร์
-
จังหวัดสงขลา
-
จังหวัดสตูล
-
จังหวัดตรัง
-
จังหวัดพัทลุง
-
จังหวัดปัตตานี
-
จังหวัดยะลา
-
กรุงเทพมหานคร
-
จังหวัดร้อยเอ็ด
-
จังหวัดแพร่
-
จังหวัดเพชรบุรี
-
จังหวัดนราธิวาส
รวมทั้งหมดมี 46 จังหวัด ส่วนจังหวัดอื่น ๆ จะดำเนินการให้แล้วเสร็จภายในปี 2567
สำหรับสิทธิประโยชน์ที่จะได้รับก็คือ
- นัดคิวแพทย์ออนไลน์ผ่านแอปฯ หรือไลน์ หมอพร้อม
- รักษาได้ทุกโรงพยาบาล รวมถึงคลินิกพยาบาลชุมชนอบอุ่น คลินิกเทคนิคการแพทย์ชุมชนอบอุ่น คลินิกกายภาพบำบัดชุมชนอบอุ่น คลินิกทันตกรรมชุมชนอบอุ่น คลินิกเวชกรรมชุมชนอบอุ่น คลินิกแพทย์แผนไทยชุมชนอบอุ่น
- รับยาใกล้บ้าน
- ตรวจเลือดใกล้บ้าน
- ตรวจรักษากับแพทย์บนมือถือ (Telemedicine)
ขั้นตอนการใช้สิทธิ
บัตร 30 บาทรักษาทุกที่
กรณีป่วยเล็กน้อย หรือเจ็บป่วยทั่วไป
1. หน่วยบริการประจำ
2. หน่วยบริการปฐมภูมิ (ได้ทุกแห่ง) หรือสังเกตจากโลโก้ 30 บาทรักษาทุกที่
- กทม. รับการรักษาได้ที่ศูนย์บริการสาธารณสุข หรือคลินิกชุมชนอบอุ่น
- ต่างจังหวัด รับการรักษาได้ที่ รพ.สต./สถานีอนามัย/ศูนย์สุขภาพชุมชน/โรงพยาบาลรัฐประจำอำเภอ/จังหวัด (สังกัดกระทรวงสาธารณสุข)
3. ร้านยาหรือคลินิกเอกชน
กรณีป่วยมาก
1. โรงพยาบาลประจำของผู้ป่วย หรือ
2. ร้านยาหรือคลินิกเอกชน โดยหากมีความจำเป็นต้องรักษาในระดับที่สูงขึ้นก็จะส่งตัวไปรักษาที่โรงพยาบาลในเครือข่ายด้วยระบบส่งต่อผู้ป่วยแบบอิเล็กทรอนิกส์
กรณีเจ็บป่วยฉุกเฉิน
- อุบัติเหตุหรือเจ็บป่วยฉุกเฉินที่ไม่ถึงขั้นวิกฤต สามารถรักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐทุกแห่ง หรือโรงพยาบาลเอกชนที่เข้าร่วมกับ สปสช.
- เจ็บป่วยฉุกเฉินวิกฤตถึงแก่ชีวิต เช่น หมดสติ หายใจไม่ออก เจ็บหน้าอกรุนแรง สามารถรักษาได้ที่โรงพยาบาลรัฐและเอกชนที่ใกล้ที่สุด (ใช้สิทธิ UCEP)
คนไทยในต่างประเทศใช้บัตรทองได้ไหม
ตั้งแต่วันที่ 15 มกราคม 2567 เป็นต้นไป คนไทยที่อาศัยในต่างประเทศหรือต้องเดินทางไปต่างประเทศ หากเป็นผู้มีสิทธิบัตรทองและมีอาการเจ็บป่วยเล็กน้อย (Common Illness) สามารถใช้บริการการแพทย์ทางไกลด้วยการปรึกษาแพทย์ผ่านแอปพลิเคชันด้านสุขภาพของผู้ให้บริการการแพทย์ทางไกล 4 แห่ง ที่เป็นหน่วยบริการในระบบของ สปสช. คือ
1. แอปพลิเคชัน Saluber MD (ซาลูเบอร์ เอ็ม ดี) โดยสุขสบายคลินิกเวชกรรม Line @Sooksabaiclinic
2. แอปพลิเคชัน Clicknic (คลิกนิก) โดยคลิกนิกเฮลท์คลินิกเวชกรรม Line @clicknic
3. แอปพลิเคชัน Mordee (หมอดี) โดยชีวีบริรักษ์ คลินิกเวชกรรม Line @mordeeapp
4. โททอลเล่เทเลเมด (Totale Telemed) โดยเดอะโททอลเล่คลินิก Line @totale
ทั้งนี้ จะเป็นการปรึกษาแพทย์เท่านั้น ซึ่งแพทย์จะออกใบสรุปอาการและยาที่จำเป็นต้องใช้ เพื่อให้ผู้ป่วยไปพบแพทย์ในประเทศนั้น ๆ แต่จะไม่สามารถส่งยาจากประเทศไทยไปได้ เพราะติดขัดในเรื่องกฎหมาย
สมัครบัตรทองทำยังไง
สมัครบัตรทอง ใช้เอกสารอะไรบ้าง
เอกสารที่ใช้ในการสมัครบัตรทอง ได้แก่
-
บัตรประจำตัวประชาชน/สูติบัตร (ในกรณีอายุต่ำกว่า 7 ขวบ)
แต่ในกรณีที่พักไม่ตรงตามที่อยู่หน้าบัตรประชาชนหรือสูติบัตร ให้เตรียมเอกสารดังต่อไปนี้ (อย่างใดอย่างหนึ่ง) เพิ่มเติม เพื่อแสดงว่าตนเองมีถิ่นที่อยู่หรือพักอาศัยในพื้นที่นั้น ๆ
-
ทะเบียนบ้านเจ้าบ้านและหนังสือรับรองของเจ้าบ้าน
-
หนังสือรับรองผู้นำชุมชนและบัตรประจำตัวผู้นำชุมชน
-
หนังสือรับรองผู้ว่าจ้างและบัตรประจำตัวประชาชนของผู้ว่าจ้าง
-
ใบเสร็จค่าสาธารณูปโภค (หากเป็นชื่อผู้ขอลงทะเบียนใช้รับรองได้)
-
สัญญาเช่าที่พัก (สัญญาเช่าเป็นชื่อผู้ขอลงทะเบียน/ชื่อญาติ สามารถใช้รับรองได้)
บัตรทองทำที่ไหน ปี 2567
ช่องทางลงทะเบียนสมัครบัตรทอง สามารถเลือกช่องทางใดช่องทางหนึ่ง ดังนี้
- โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพประจำตำบล (รพ.สต.) ในวัน-เวลาราชการ
- โรงพยาบาลของรัฐที่อยู่ใกล้บ้าน ในวัน-เวลาราชการ
- ศูนย์บริการสาธารณสุข คลินิกชุมชนอบอุ่น ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง ในวัน-เวลาราชการ
- สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ เขต 1-13 ตามพื้นที่ที่อยู่อาศัย ในวัน-เวลาราชการ
- ลงทะเบียนผ่าน Line @nhso โดยเพิ่มเพื่อนแล้วคลิกเลือกเมนู สิทธิบัตรทอง จากนั้นทำตามขั้นตอนที่กำหนด หรือคลิกดูวิธี ที่นี่
- แอปพลิเคชัน สปสช. โดยมีขั้นตอนดังนี้
• ติดตั้งแอปพลิเคชัน พิมพ์คำว่า “สปสช” ใน Google Play หรือ App Store
• เปิดหน้าแอปพลิเคชัน “สปสช”
• กดปุ่ม “ลงทะเบียน”
• กดอ่านเงื่อนไขข้อตกลง และกด “ยอมรับ”
• กรอกเลขบัตรประชาชน
• สแกนลายนิ้วมือหรือตั้งรหัสผ่านสำหรับเข้าสู่แอปฯ
• เมื่อเข้าสู่หน้าหลักของแอปพลิเคชัน ให้กด “ลงทะเบียนสิทธิหลักประกัน”
วิธีเช็กสิทธิบัตรทองของตัวเอง
ช่องทางการตรวจสอบสิทธิบัตรทองของตนเองสามารถทำได้ง่าย ๆ ผ่าน 4 ช่องทาง ดังนี้
- โทร. สายด่วน สปสช. 1330 กด 2
- เว็บไซต์ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ (สปสช.) ใส่เลขบัตรประชาชน, วัน-เดือน-ปี-เกิด และระบุตัวอักษรในภาพ จากนั้นกด “ตกลง”
- แอปพลิเคชัน สปสช. ทั้งระบบ Android และ iOS ที่เมนู “ตรวจสอบสิทธิตนเอง”
- ตรวจสอบสิทธิผ่าน Line สปสช. เพิ่มเพื่อนไลน์กับ สปสช. เลือกเมนู “ตรวจสอบสิทธิ”
บัตรทอง ย้ายโรงพยาบาลได้ไหม
ผู้มีสิทธิบัตรทองสามารถเปลี่ยนสถานพยาบาลหรือหน่วยบริการประจำตัวได้ 4 ครั้งต่อปีงบประมาณ ผ่าน 3 ช่องทาง ดังนี้
- แอปพลิเคชัน สปสช.
- Line @nhso
- นำเอกสารที่ใช้ในการสมัครบัตรทองไปติดต่อขอย้ายสถานพยาบาลด้วยตนเองได้ที่
• ต่างจังหวัด ได้แก่ โรงพยาบาลส่งเสริมสุขภาพตำบล (รพ.สต.), สถานีอนามัย, ศูนย์สุขภาพชุมชนเมือง, โรงพยาบาลของรัฐ
• กรุงเทพมหานคร ได้แก่ สำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ สาขาเขต หรือสำนักงานหลักประกันสุขภาพแห่งชาติ ชั้น 2 อาคารบี (ทิศตะวันตก) ศูนย์ราชการเฉลิมพระเกียรติฯ ถนนแจ้งวัฒนะ กรุงเทพมหานคร ในวัน-เวลาราชการ หรือโทร. สายด่วน 1330บัตรทอง ต่างกับประกันสังคมอย่างไร
บทความที่เกี่ยวข้องกับสิทธิบัตรทอง
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (1), (2), (3), (4), เฟซบุ๊ก สำนักงานประกันสุขภาพแห่งชาติ (1), (2), (3), (4), (5), (6), portal.info.go.th, ราชกิจจานุเบกษา