
ข้าวยีสต์แดง คืออะไร

ข้าวยีสต์แดง หรือภาษาอังกฤษเรียกว่า Red yeast rice คือ อาหารพื้นเมืองของชาวจีน ที่นำเม็ดข้าวมาผ่านกระบวนการหมักกับยีสต์รา Monascus purpureus ซึ่งเป็นยีสต์ที่มีสีแดง จึงทำให้ข้าวกลายเป็นสีแดงไปด้วย
โดยข้าวยีสต์แดงมักจะนำมาใช้ปรุงอาหาร เช่น เต้าหู้ยี้ หมูแดง เป็ดปักกิ่ง และการปรุงเครื่องดื่ม เช่น เหล้า เบียร์ น้ำผลไม้ นมเปรี้ยว นอกจากนี้ในปัจุบันยังถูกนำมาปรุงยาพื้นบ้าน อาหารเสริม และเครื่องสำอางบางชนิด เพราะข้าวยีสต์แดงมีสารสำคัญต่อสุขภาพหลายชนิดด้วยกัน
ข้าวยีสต์แดง ประโยชน์ดียังไง
1. ลดไขมันในเลือด

2. ดีต่อสุขภาพหัวใจ
3. ลดความเสี่ยงภาวะเมตาบอลิกซินโดรม

4. ลดการอักเสบในร่างกาย
ข้าวยีสต์แดง ผลข้างเคียงมีอะไรบ้าง

การรับประทานข้าวยีสต์แดงอาจได้รับผลข้างเคียง เช่น
-
ท้องอืด อาหารไม่ย่อย
-
ท้องผูก
-
ท้องร่วง
-
ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ
-
เป็นตะคริวบ่อยกว่าปกติ
-
ปัสสาวะสีเข้ม
-
คลื่นไส้
-
หมดแรง
-
มองเห็นไม่ชัด
-
ผื่นลมพิษขึ้น
-
วิงเวียนศีรษะ
-
ตับอักเสบ
ทั้งหมดนี้เป็นอาการข้างเคียงที่พบได้จากการรับประทานข้าวยีสต์แดง ซึ่งอาจขึ้นกับบางคน เกิดได้เป็นบางอาการ หรือหากมีอาการหลาย ๆ อย่างพร้อมกันควรรีบไปพบแพทย์โดยด่วน
โทษข้าวยีสต์แดง มีอะไรบ้าง
แม้ข้าวยีสต์แดงจะเป็นอาหารหมักที่ใช้มานานในแถบเอเชีย แต่ก็มีโทษบางประการ เช่น
-
ในกระบวนการผลิตข้าวยีสต์แดงอาจสร้างสารพิษจากเชื้อรา (Mycotoxin) ชื่อ ซิตรินิน (Citrinin) และสารพิษชนิดนี้ก็อันตรายต่อไต เพิ่มความเสี่ยงภาวะไตวายได้
-
การได้รับสารจากข้าวยีสต์แดงในปริมาณที่มากและเป็นเวลานานเกินไปอาจเพิ่มความเสี่ยงภาวะตับอักเสบ
-
การรับประทานข้าวยีสต์แดงร่วมกับยาบางชนิด เช่น ยาลดไขมันชนิดสแตติน, ยาปฏิชีวนะ, ยาต้านเชื้อรา และยาต้านรีโทรไวรัส ที่ใช้รักษา HIV อาจจะเสริมฤทธิ์ของยา และอาจเพิ่มภาวะเสี่ยงกล้ามเนื้ออักเสบและตับอักเสบได้
ข้อควรระวัง
ในการรับประทานข้าวยีสต์แดง

-
กรณีรับประทานเป็นอาหารเสริมตรวจสอบฉลากอย่างละเอียด โดยสำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา (อย.) กำหนดให้ผลิตภัณฑ์เสริมอาหารที่มีข้าวยีสต์แดงเป็นส่วนประกอบสำคัญ ต้องมีสารโมนาโคลิน ไม่เกิน 3 มิลลิกรัมต่อวัน และปริมาณสารปนเปื้อนซิทรินิน ไม่เกิน 10.7 ไมโครกรัมต่อวัน นอกจากนี้บนฉลากต้องแสดงคำเตือน ดังนี้
-
ห้ามใช้เกินขนาดที่กำหนด
-
ห้ามใช้ในหญิงให้นมบุตร
-
ห้ามใช้ร่วมกับยาลดระดับไขมันในเลือด, ยากดภูมิคุ้มกัน, ยารักษาอาการซึมเศร้า และยาต้านไวรัสเอดส์
-
ห้ามใช้ในผู้ป่วยโรคตับ หรือโรคไต
-
ห้ามรับประทานติดต่อกันนานเกิน 4 เดือน (16 สัปดาห์)
-
ผู้ป่วยควรปรึกษาแพทย์ก่อนรับประทาน
-
หยุดรับประทานทันทีหากมีอาการปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ หรือมีอาการคล้ายเป็นไข้หวัด
-
-
ก่อนใช้ข้าวยีสต์แดงควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรก่อนทุกครั้ง โดยเฉพาะหากจะรับประทานข้าวยีสต์แดงในรูปของอาหารเสริมหรือสารสกัด เนื่องจากข้าวยีสต์แดงมีโครงสร้างคล้ายยาสแตตินที่ต้องสั่งจ่ายโดยแพทย์ การรับประทานไม่ถูกวิธีอาจส่งผลเสียต่อร่างกาย อย่างที่สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยาของสหรัฐอเมริกา (FDA) ถือว่าข้าวยีสต์แดงบางยี่ห้อเป็น "ยา" ไม่ใช่อาหารเสริม จึงควรใช้ภายใต้คำแนะนำของแพทย์
-
ระวังอาการแพ้ โดยเฉพาะคนที่ยังไม่เคยกินข้าวยีสต์แดงมาก่อน
-
ไม่ควรกินข้าวยีสต์แดงเพื่อหวังผลในการรักษาโรค และเพื่อเลี่ยงการกินยาแผนปัจจุบันตามที่แพทย์สั่ง
-
ผู้ที่มีปัญหาเกี่ยวกับตับหรือไต หรือผู้ที่มีโรคประจำตัวที่ต้องกินยาเป็นประจำ ไม่ควรใช้ข้าวยีสต์แดง
-
เด็ก หญิงตั้งครรภ์ และหญิงให้นมบุตร ไม่ควรรับประทาน
บทความที่เกี่ยวข้องกับอาหารเพื่อสุขภาพ
- ผงคาเคา (Cacao) คืออะไร ต่างจากโกโก้ไหม ประโยชน์มีอะไรบ้าง
- ไข่ผำ สรรพคุณแน่นอนันต์ จัดเป็นซูเปอร์ฟู้ดไซซ์จิ๋ว
- งาขี้ม้อน หรืองาขี้ม่อน ประโยชน์ไม่ธรรมดา มีโอเมก้า 3 และ 6 สูง
- องุ่นไชน์ มัสแคท (Shine muscat) ประโยชน์ดี ๆ จากองุ่นลูกกลมโต รสหวานฉ่ำ
- ข้าวกล้อง VS ข้าวไรซ์เบอร์รี ต่างกันยังไง ข้าวชนิดไหนประโยชน์ดีกว่ากัน