
น้ำตาเทียม คืออะไร
น้ำตาเทียม
มีประโยชน์อย่างไร
-
ทำให้ดวงตาชุ่มชื้นขึ้น ลดอาการระคายเคืองดวงตา แสบตา ตาแห้ง
-
ลดการเสียดสีระหว่างเปลือกตาและกระจกตา ทำให้รู้สึกสบายตาขึ้น
-
ช่วยสร้างชั้นป้องกันบนกระจกตา จึงมีส่วนช่วยลดความเสี่ยงต่อการติดเชื้อ
-
ช่วยสมานผิวชั้นนอกของลูกตา
-
ช่วยสมานแผลที่ผิวกระจกตา สำหรับผู้ที่ผ่าตัดดวงตาหรือทำเลสิก
-
บรรเทาอาการเยื่อตาอักเสบจากภูมิแพ้ที่ตา
-
ช่วยให้รู้สึกสบายตาขึ้นขณะใส่คอนแทคเลนส์ และยังช่วยให้ถอดคอนแทคเลนส์ออกง่ายขึ้น
-
ช่วยนำสิ่งแปลกปลอม เช่น ขนตา ฝุ่นผง ออกจากดวงตาได้ง่ายขึ้น
-
ช่วยระบายความดันภายในลูกตา จึงยับยั้งอาการต้อหินไม่ให้รุนแรงกว่าที่เป็นอยู่
-
ช่วยลดการระคายเคืองและเร่งการฟื้นตัวของดวงตาหลังการผ่าตัด
น้ำตาเทียม
มีส่วนประกอบอะไรบ้าง

น้ำตาเทียมถูกออกแบบมาเพื่อเลียนแบบน้ำตาธรรมชาติ ช่วยหล่อลื่นและปกป้องดวงตาจากความแห้งกร้าน โดยส่วนประกอบหลัก ๆ ที่พบในน้ำตาเทียม ได้แก่
-
สารให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา เช่น
-
โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate : HA) ช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ดวงตารู้สึกชุ่มชื้นยาวนาน
-
คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส (Carboxymethylcellulose : CMC) ช่วยเพิ่มความหนืดให้กับน้ำตาเทียม ทำให้เคลือบผิวดวงตาได้นานขึ้น ลดการระคายเคืองเมื่อกะพริบตา
-
ไฮดรอกซีเอทิลเซลลูโลส (Hydroxyethyl Cellulose : HEC) ช่วยเพิ่มความหนืดและความชุ่มชื้นให้ดวงตาเช่นเดียวกับคาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส
-
-
บัฟเฟอร์ควบคุมสมดุลความเป็นกรดด่างของน้ำตาเทียม เพื่อปรับค่า pH ให้ใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ
-
สารปรับสภาพตึงตัวให้น้ำตาเทียมสามารถเข้ากับน้ำตาได้ ช่วยให้ดวงตารู้สึกสบายและไม่ระคายเคือง เช่น โซเดียมคลอไรด์ แคลเซียมคลอไรด์
-
สารที่ทำให้คุณสมบัติของน้ำตาเทียมใกล้เคียงกับน้ำตาธรรมชาติ เพื่อความปลอดภัยของดวงตา เช่น โซเดียมคลอไรด์, แคลเซียมคลอไรด์, แมกนีเซียมคลอไรด์ และโพแทสเซียมคลอไรด์
-
สารกันเสีย ใช้เพื่อยับยั้งการเจริญเติบโตของเชื้อแบคทีเรียในขวดน้ำตาเทียม ช่วยให้สามารถเก็บน้ำตาเทียมไว้ใช้ได้นานขึ้น
อย่างไรก็ตาม ส่วนประกอบของน้ำตาเทียมแต่ละยี่ห้ออาจแตกต่างกันไป ควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนใช้ หรือปรึกษาเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำ
น้ำตาเทียม มีกี่ประเภท
น้ำตาเทียมที่นิยมใช้ในปัจจุบันมีอยู่ 3 ประเภท คือ
-
น้ำตาเทียมชนิดสารละลาย : หรือน้ำตาเทียมแบบน้ำ มีลักษณะเป็นของเหลวใส เป็นรูปแบบที่นิยมที่สุด สามารถหยอดได้บ่อยตามความจำเป็นเพื่อเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตา ซึ่งมีทั้งแบบใส่สารกันเสียและไม่ใส่สารกันเสีย อีกทั้งแบ่งเป็นรายวันและรายเดือน คือ
-
น้ำตาเทียมแบบกระเปาะเล็ก หรือน้ำตาเทียมรายวันที่ต้องใช้ให้หมดภายใน 1 วัน หลังเปิดฝา ส่วนใหญ่จะไม่ใส่สารกันเสีย
-
น้ำตาเทียมแบบขวดหรือแบบหลอด หรือน้ำตาเทียมรายเดือนที่ต้องใช้ให้หมดใน 1 เดือน หลังเปิดฝา
-
-
น้ำตาเทียมชนิดเจล : เป็นน้ำตาเทียมที่มีความหนืดมากกว่าแบบน้ำ จึงช่วยรักษาความชุ่มชื้นได้นานขึ้น เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งปานกลางถึงรุนแรง
-
น้ำตาเทียมชนิดขี้ผึ้ง : เป็นน้ำตาเทียมที่มีความหนืดมากที่สุด เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งรุนแรง และควรใช้ก่อนนอน เพราะหลังใช้จะมีอาการตาพร่ามัว แต่ไม่ควรใช้ในผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์
วิธีเลือกซื้อน้ำตาเทียม

-
เลือกชนิดของน้ำตาเทียมให้เหมาะสม โดยหากมีอาการตาแห้งไม่มากนักก็สามารถเลือกใช้น้ำตาเทียมชนิดสารละลายที่เป็นของเหลวได้ ซึ่งใช้งานได้สะดวกและหยอดได้บ่อยตามต้องการ แต่ถ้ามีอาการตาแห้งปานกลางถึงรุนแรงควรใช้น้ำตาเทียมชนิดเจลหรือขี้ผึ้ง
-
เลือกประเภทของน้ำตาเทียมว่าต้องการใช้แบบรายวันหรือแบบรายเดือน
-
น้ำตาเทียมรายวัน (unit dose) : ส่วนใหญ่ไม่มีสารกันเสีย เหมาะสำหรับผู้ที่มีผิวหนังรอบดวงตาบอบบาง แพ้ง่าย หรือใส่คอนแทคเลนส์ สามารถหยอดได้บ่อยตามต้องการ หลังจากเปิดใช้แล้วควรใช้ให้หมดภายใน 12-24 ชั่วโมง แต่ราคาอาจสูงกว่าชนิดรายเดือน
-
น้ำตาเทียมรายเดือน (multiple dose) : มีส่วนผสมของสารกันเสียในปริมาณน้อย เพื่อยืดอายุการใช้งาน หลังจากเปิดใช้แล้วสามารถใช้ได้นาน 1 เดือน ข้อดีคือ พกพาสะดวก ราคาประหยัดกว่าชนิดรายวัน เหมาะกับคนที่มีอาการตาแห้งเล็กน้อย ไม่ต้องหยอดบ่อย ๆ แต่ข้อเสียคืออาจแพ้ได้ง่าย และหากหยอดบ่อยเกินไป สารกันเสียอาจส่งผลกระทบต่อเซลล์เยื่อบุตา จึงไม่ควรใช้เกิน 4 ครั้งต่อวัน
-
-
กรณีใส่คอนแทคเลนส์ควรเลือกน้ำตาเทียมสําหรับคนใส่คอนแทคเลนส์โดยเฉพาะ หรือถ้าไม่สามารถหาซื้อได้อาจใช้น้ำตาเทียมรายวันที่ไม่มีส่วนผสมของสารกันเสีย เพราะคอนแทคเลนส์อาจดูดซับสารกันเสียและทำลายเซลล์เยื่อบุกระจกตาได้ หรือทำให้คอนแทคเลนส์เปลี่ยนสี
-
ตรวจสอบส่วนประกอบของน้ำตาเทียมว่ามีสารใดที่ก่อให้เกิดอาการแพ้หรือไม่
-
เลือกซื้อผลิตภัณฑ์ที่มีเลขทะเบียนยา บริษัทผู้ผลิต วันผลิต วันหมดอายุ บนกล่องผลิตภัณฑ์
-
เปรียบเทียบราคาของน้ำตาเทียมแต่ละยี่ห้อ โดยเลือกให้เหมาะสมกับงบประมาณ ถ้าต้องการประหยัดควรเลือกชนิดรายเดือน
-
หากเพิ่งใช้น้ำตาเทียมครั้งแรก หรือไม่แน่ใจว่าจะเลือกซื้ออย่างไรดี ควรปรึกษาแพทย์ เภสัชกร หรือผู้เชี่ยวชาญด้านสายตา
น้ำตาเทียม ยี่ห้อไหนดี
1. น้ำตาเทียม VISLUBE

ภาพจาก : โรงพยาบาลนครพิงค์
น้ำตาเทียมวิสลูป (Vislube) แบบรายวัน เป็นน้ำตาเทียมที่มีสารโซเดียมไฮยาลูโรเนต 0.18% เป็นส่วนประกอบหลัก มีการปรับค่าความเข้มข้นของผลิตภัณฑ์ให้ได้ 140-160 มิลลิออสโมล/ลิตร ซึ่งใกล้เคียงกับน้ำตาจริงตามธรรมชาติ จึงช่วยรักษาความชุ่มชื้นให้ดวงตา ใช้บรรเทาอาการตาแห้ง สมานผิวกระจกตา คนใส่คอนแทคเลนส์สามารถใช้ได้ เพราะไม่มีสารกันเสีย
-
ปริมาณ : 0.45 มิลลิลิตร/หลอด
-
ราคาประมาณ : กล่องละ 450 บาท (20 หลอด)
2. น้ำตาเทียม Cellufresh MD Lubricant Eye Drops

ภาพจาก : george.ph
น้ำตาเทียมรายเดือนจากเซลลูเฟรช มีส่วนประกอบหลักคือ คาร์บอกซีเมทิลเซลลูโลส โซเดียม (Carboxymethylcellulose sodium : CMC) 0.5% ที่ช่วยให้ความชุ่มชื้นแก่ดวงตา เหมาะสำหรับผู้ที่มีอาการตาแห้งไม่รุนแรง มีส่วนช่วยลดอาการระคายเคืองตาจากแสงแดด ฝุ่นควันต่าง ๆ
-
ปริมาณ : 15 มิลลิลิตร
-
ราคาประมาณ : 180-200 บาท
3. น้ำตาเทียม Natear UD

ภาพจาก : mart.grab.com
น้ำตาเทียมแนทเทียร์ ยูดี แบบใช้ครั้งเดียว 1 หลอดมีปริมาณ 0.8 มิลลิลิตร มีสารสำคัญคือ ไฮโปรเมลโลส (Hypromellose) 0.3% สามารถใช้หยอดตาเพื่อบรรเทาอาการระคายเคืองตาจากฝุ่นละออง รวมทั้งบรรเทาอาการระคายเคืองตาในคนที่ใส่คอนแทคเลนส์
-
ปริมาณ : 0.8 มิลลิลิตร/หลอด
-
ราคาประมาณ : กล่องละ 250-290 บาท (28 หลอด)
4. น้ำตาเทียม SYSTANE ULTRA UD

ภาพจาก : healpharmacyonline.com
ซิสเทน อัลตร้า ยูดี น้ำตาเทียมแบบใช้ครั้งเดียวที่ไม่มีสารกันเสีย ใช้สำหรับบรรเทาอาการชั่วคราวจากการแสบตาและระคายเคืองตาที่เกิดจากความแห้งของดวงตา หรือจะใช้หล่อลื่นและเพิ่มความชุ่มชื้นให้ดวงตาที่ใส่คอนแทคเลนส์ก็ได้เช่นกัน โดยแบรนด์นี้ใช้โพลิเอทิลีนไกลคอล (Polyethylene glycol) 4 มิลลิกรัม เป็นส่วนประกอบหลักของน้ำตาเทียม จึงช่วยกักเก็บความชุ่มชื้น ยึดเกาะกับผิวกระจกตาได้นาน
-
ปริมาณ : 0.5 มิลลิลิตร/หลอด
-
ราคาประมาณ : กล่องละ 400 บาท (28 หลอด)
5. น้ำตาเทียม Alcon Tears Naturale Free (Lubricant Eye Drops)

ภาพจาก : Alcon
Tears Naturale Free Lubricant Eye Drops จาก Alcon เป็นน้ำตาเทียมอีกแบรนด์ที่ได้รับความนิยม และหาซื้อไม่ยาก บรรจุมาในขนาด 0.8 มิลลิลิตร กล่องละ 32 ชิ้น ใช้ได้นาน มีส่วนประกอบของไฮโปรเมลโลส (Hypromellose) 0.3% และ Dextran 70 ปริมาณ 0.1% เหมาะกับคนที่มีอาการระคายเคืองตา หรือเพิ่งผ่าตัดตามา ควรใช้ภายใน 12 ชั่วโมง หลังเปิดฝา
-
ปริมาณ : 0.8 มิลลิลิตร/หลอด
-
ราคาประมาณ : กล่องละ 300 บาท (32 หลอด)
6. Bausch & Lomb Renu Multiplus Lubricating & Rewetting Drops

ภาพจาก : bausch.co.th
บอช แอนด์ ลอมบ์ รีนิว มัลติพลัส ลูบริเคทติ้ง แอนด์ รีเว็ตติ้ง ดร็อปส์ ผลิตภัณฑ์ดูแลดวงตาที่ให้ความชุ่มชื้นและหล่อลื่นดวงตาในขวดเดียว เหมาะกับผู้ที่ใส่คอนแทคเลนส์ใสและสีชนิดเนื้อนิ่ม รวมทั้งคอนแทคเลนส์ชนิดเปลี่ยนรายวัน สามารถหยอดตาได้โดยไม่ต้องถอดคอนแทคเลนส์ออก เพื่อช่วยบรรเทาอาการตาแห้งขณะใส่คอนแทคเลนส์
-
ปริมาณ : 8 มิลลิลิตร/ขวด
-
ราคาประมาณ : 120 บาท
7. น้ำตาเทียม Hialid 0.3%

ภาพจาก : santen.com
น้ำตาเทียมไฮเอลิด 0.3% แบบรายเดือน จากประเทศญี่ปุ่น มีส่วนประกอบหลักคือ โซเดียมไฮยาลูโรเนต (Sodium Hyaluronate) ที่ช่วยกักเก็บน้ำ ทำให้ดวงตารู้สึกชุ่มชื้น บรรเทาปัญหาอาการเคืองตา คันตา ตาแห้ง รวมทั้งเพิ่มความสบายตาให้คนที่ใส่คอนแทคเลนส์ และสมานแผลกระจกตา เหมาะกับคนที่ใช้สายตาเยอะ ๆ หรือมีอาการแพ้ง่าย ใช้ได้ทุกวัน
-
ปริมาณ : 5 มิลลิลิตร
-
ราคาประมาณ : 250-300 บาท
วิธีใช้น้ำตาเทียมอย่างถูกต้อง
1. ล้างมือให้สะอาดก่อนหยอดน้ำตาเทียมทุกครั้ง
2. หากใส่คอนแทคเลนส์อยู่ให้ถอดก่อนใช้น้ำตาเทียม
3. เงยหน้าขึ้นเล็กน้อย ดึงเปลือกตาล่างลงเบา ๆ เพื่อให้มีช่องว่างสำหรับหยอดน้ำตาเทียม
4. เหลือบมองด้านบน แล้วหยอดน้ำตาเทียมลงบนกระเปาะตาส่วนล่างในปริมาณที่ระบุไว้บนผลิตภัณฑ์ อย่าให้ปลายขวดสัมผัสขนตาหรือดวงตา
5. กะพริบตาเบา ๆ เพื่อกระจายน้ำตาเทียมให้ทั่วดวงตา
6. หลับตาประมาณ 1-2 นาที เพื่อให้น้ำตาเทียมซึมเข้าสู่ดวงตาได้อย่างเต็มที่
7. รอสัก 10-15 นาทีจึงค่อยใส่คอนแทคเลนส์กลับไป
ข้อควรระวังในการใช้น้ำตาเทียม

-
อ่านฉลากผลิตภัณฑ์อย่างละเอียดก่อนใช้ เพื่อให้แน่ใจว่าไม่มีส่วนผสมที่แพ้ และทำความเข้าใจวิธีใช้ ข้อควรระวัง
-
ตรวจสอบวันหมดอายุให้ดีก่อนใช้น้ำตาเทียม หากหมดอายุแล้วให้ทิ้งทันที ห้ามนำมาใช้แม้ยังมีน้ำตาเทียมเหลืออยู่
-
ใช้น้ำตาเทียมตามที่ระบุในเอกสารกำกับเครื่องมือแพทย์
-
หากใช้ครั้งแรกควรใช้ในปริมาณน้อยก่อน เนื่องจากบางคนอาจมีอาการแพ้น้ำตาเทียมหรือสารกันเสียที่อยู่ในน้ำตาเทียม
-
ขณะที่หยอดน้ำตาเทียมให้หลีกเลี่ยงการสัมผัสปลายขวดกับดวงตาหรือขนตา เพื่อป้องกันการปนเปื้อนและทำให้ติดเชื้อได้
-
หากต้องใช้น้ำตาเทียมและยาหยอดตาชนิดอื่น ควรเว้นระยะห่างจากกันประมาณ 10 นาที ถ้าไม่แน่ใจว่าสามารถใช้ร่วมกันได้ไหม ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกร
-
กรณีเป็นน้ำตาเทียมแบบรายวัน ต้องใช้ให้หมดภายใน 12-24 ชั่วโมง หลังจากเปิดฝา ถ้าเป็นน้ำตาเทียมรายเดือน ควรใช้ไม่เกิน 1 เดือน หลังจากเปิดขวดแล้ว
-
ไม่ใช้น้ำตาเทียมร่วมกับคนอื่นเพื่อป้องกันโรคติดต่อ
-
เก็บน้ำตาเทียมไว้ที่อุณหภูมิห้อง (ไม่เกิน 30 องศาเซลเซียส) ไม่อยู่ในบริเวณที่มีแสงแดด อากาศร้อนจนเกินไป และห้ามนำไปแช่แข็ง
-
ถ้าสงสัยว่าผลิตภัณฑ์มีการปนเปื้อน ควรเปลี่ยนหลอดหรือขวดใหม่ทันที
-
หากใช้แล้วอาการไม่ดีขึ้น มีอาการระคายเคือง แสบตา น้ำตาไหล หรือมีภาวะตาแห้งมากกว่าเดิม ควรหยุดใช้ทันทีและปรึกษาแพทย์
บทความที่เกี่ยวข้องกับสุขภาพดวงตา
- วิตามินดูแลสายตายี่ห้อไหนดี เหมาะกับคนตาแห้ง ตาล้า ใช้สายตามากทุกวัน
- อาการตาพร่ามัว สาเหตุเกิดจากอะไร ปัญหาสายตาที่ต้องใส่ใจและควรรู้วิธีแก้
- ปิดไฟ เล่นโทรศัพท์ เสียสายตาไหม ป้องกันยังไงดี ?
- 15 ผักบำรุงสายตา หาง่ายใกล้ตัว ไม่อยากสายตาพร่ามัวต้องรีบกิน !
- 10 วิตามินบำรุงสายตา ตาพร่า ตามัว ดูแลด้วยอาหารใกล้ตัวตามนี้ !
ขอบคุณข้อมูลและภาพจาก : คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, โรงพยาบาลสมิติเวช ไชน่าทาวน์, โรงพยาบาลพญาไท, สำนักงานคณะกรรมการอาหารและยา, โรงพยาบาลนครพิงค์, george.ph, tovpet.com, mart.grab.com, healpharmacyonline.com, alcon.com, bausch.co.th, santen.com