วิธีทำให้แผลแห้ง ตกสะเก็ดเร็ว ไม่ต้องทนเจ็บแผลไปนาน ๆ และเป็นการช่วยลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นบนผิวหนัง ทำยังไงได้บ้างนะ
แผลตกสะเก็ดเป็นสัญญาณดีที่บ่งบอกว่าแผลใกล้จะหาย แต่หลายคนคงอยากรู้ว่าจะเร่งให้แผลหายเร็วขึ้นได้ยังไง วันนี้เราเลยมีวิธีทำให้แผลแห้ง ตกสะเก็ดเร็ว ที่จะช่วยทดเวลาบาดเจ็บ ลดโอกาสการติดเชื้อ และป้องกันรอยแผลเป็นมาบอกต่อ
สะเก็ดแผลถือเป็นกลไกการซ่อมแซมและฟื้นฟูบาดแผลอย่างหนึ่ง โดยเมื่อมีแผลเกิดขึ้น ร่างกายจะกระตุ้นให้เซลล์ผลิตคอลลาเจนขึ้นมาเพื่อสมานบาดแผล และเป็นการป้องกันการติดเชื้อไปในตัว เราจึงเห็นเป็นชั้นผิวบาง ๆ เคลือบบาดแผล และต่อมาเมื่อแผลเริ่มแห้ง ผิวส่วนนี้ก็จะกลายเป็นสีน้ำตาล และเริ่มแข็งตัว ก่อนจะค่อย ๆ ตกเป็นสะเก็ดแผล
แม้ปกติแล้วสะเก็ดแผลจะหายไปเองในเวลาประมาณ 2 สัปดาห์ หรือบางคนก็นานกว่านั้น แต่ถ้าอยากให้แผลแห้ง ตกสะเก็ดไว ๆ ก็พอมีวิธีดูแลแผลให้ทำตามอยู่บ้าง
วิธีทำให้แผลแห้ง ตกสะเก็ดเร็ว
1. ล้างแผลโดยเร็วที่สุด
เมื่อเกิดบาดแผลขึ้นควรล้างแผลทันทีด้วยน้ำเกลือล้างแผล น้ำเปล่า หรือสบู่อ่อน ๆ ถูเบา ๆ บนผิวหนังรอบรอยแผล แต่ไม่ควรสัมผัสแผลโดยตรง เพราะอาจทำให้เชื้อโรคจากภายนอกเล็ดลอดเข้าสู่แผลได้
2. ไม่แคะ แกะ เกาแผล
แม้ว่าจะรู้สึกคันที่แผลมาก แต่พยายามอย่าแคะ แกะ เกาแผลเลยดีกว่า นอกจากจะเสี่ยงทำให้แผลปนเปื้อนเชื้อโรคจากมือเราแล้ว การลอกสะเก็ดแผลออกยิ่งทำให้เชื้อโรคเข้าสู่แผลได้ง่ายขึ้น และยังอาจทำให้แผลเปิด เกิดรอยแดง หรือถ้าแกะ เกาแรง ๆ อาจมีเลือดออกที่แผล ซึ่งจะยิ่งทำให้ร่างกายสร้างเนื้อเยื่อมาฮีลแผลมากขึ้น เพิ่มความเสี่ยงเป็นแผลเป็นเพิ่มขึ้นด้วยเช่นกัน
3. ประคบอุ่นเบา ๆ หลังผ่านไป 72 ชั่วโมง
หลังจากเกิดบาดแผลผ่านไปแล้ว 72 ชั่วโมง เราสามารถประคบอุ่นเบา ๆ บริเวณแผลสัก 10-15 นาที เพื่อช่วยให้เลือดไหลเวียนไปเลี้ยงบริเวณแผลได้มากขึ้น ซึ่งจะส่งผลให้เซลล์ผิวหนังและเนื้อเยื่อบริเวณแผลได้รับสารอาหารและออกซิเจนที่เพียงพอต่อการซ่อมแซมตัวเองได้เร็วขึ้น
4. ทาขี้ผึ้งเพิ่มความชุ่มชื้นให้ผิวหนัง
ถ้าผิวแห้งก็เสี่ยงจะเกิดริ้วรอยได้ง่าย และอาจทำให้กระบวนการรักษาแผลช้าลง ดังนั้น จึงควรใช้ขี้ผึ้งทาแผล ปิโตรเลียมเจล หรือมอยส์เจอไรเซอร์ เพื่อช่วยเพิ่มความชุ่มชื้นให้แผลไม่แห้งจนเกินไป ลดการเกิดสะเก็ดใหญ่ และทำให้แผลหายเร็วขึ้นด้วย
5. รักษาความสะอาด
หากแผลมีขนาดใหญ่ควรใช้ผ้าพันแผลที่สะอาด ปิดแผลเพื่อป้องกันการติดเชื้อและสิ่งสกปรก และเปลี่ยนผ้าพันแผลทุกวัน แต่หากแผลเล็กและไม่ได้ลึกมากก็ไม่จำเป็นต้องปิดแผลก็ได้ นอกจากนี้ก็ไม่ควรให้แผลโดนน้ำหรือความชื้น จนกว่าแผลจะเริ่มแห้ง เพราะจะเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อ
6. ทาครีมป้องกันแผลเป็น
เมื่อรอยแผลสมานตัวเต็มที่หรือสะเก็ดเริ่มหลุดแล้ว สามารถใช้ยาลดรอยแผลเป็นเพื่อช่วยลดเลือนรอยแผล และควรหลีกเลี่ยงการกระแทกหรือการเสียดสีบริเวณแผลเป็น เพราะจะทำให้แผลมีสีเข้มขึ้น รวมไปถึงควรหลีกเลี่ยงไม่ให้แผลเจอแสงแดดโดยตรง และหมั่นทาครีมกันแดดเป็นประจำ เพื่อป้องกันรังสียูวีที่อาจทำให้แผลเป็นมีสีเข้มขึ้นด้วย นอกจากนี้ควรดูแลร่างกายให้ดี ๆ เพื่อช่วยให้แผลสมานตัวได้เร็วขึ้น และลดโอกาสเกิดรอยแผลเป็นได้อีกทาง
ดูแลแผลให้จบสวย
ลดความเสี่ยงเกิดแผลเป็น
พักผ่อนให้เพียงพอ
การพักผ่อนเป็นการฟื้นฟูระบบต่าง ๆ ของร่างกายให้เป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ รวมถึงช่วยซ่อมแซมเนื้อเยื่อและสร้างเซลล์ใหม่ ทำให้แผลหายเร็วขึ้น ดังนั้น เมื่อเจ็บกาย ป่วยไข้ หรือไม่สบายใจ ก็ควรนอนหลับพักผ่อนเต็มที่อย่างน้อย 7-9 ชั่วโมง
รับประทานอาหารที่ช่วยสมานแผล
โดยเริ่มต้นจากการรับประทานอาหารให้ครบ 5 หมู่ และเน้นอาหารที่มีสารที่ช่วยในกระบวนการซ่อมแซมรอยแผล เช่น อาหารโปรตีนสูงอย่างไข่ขาว เนื้อสัตว์ เนื้อปลา ผลิตภัณฑ์จากนม รวมไปถึงอาหารที่มีวิตามินและแร่ธาตุอย่างวิตามินเอ วิตามินซี สังกะสี ธาตุเหล็ก โดยสามารถเลือกกินได้จากธัญพืชชนิดต่าง ๆ ผักใบเขียว และผลไม้ เป็นต้น
เป็นแผลกินไข่ได้ไหม กินอาหารอะไรดีให้แผลหายเร็ว
หลีกเลี่ยงอาหารที่กระตุ้นการอักเสบ
ในช่วงที่เป็นแผลควรหลีกเลี่ยงอาหาร เช่น ของหมักดอง อาหารสุก ๆ ดิบ ๆ อาหารรสจัด อาหารที่มีไขมันสูง อาหารแปรรูป เครื่องดื่มแอลกอฮอล์ เพราะเป็นกลุ่มอาหารที่กระตุ้นการอักเสบในร่างกาย ทำให้กระบวนการสมานแผลช้าลง และเพิ่มความเสี่ยงการติดเชื้อได้ง่ายขึ้น
งดสูบบุหรี่
สารนิโคตินและสารเคมีอื่น ๆ ในบุหรี่ มีส่วนทำให้ปริมาณออกซิเจนในเลือดลดลง ซึ่งก็จะส่งผลต่อกระบวนการซ่อมแซมและฟื้นฟูบาดแผล อีกทั้งยังขัดขวางการดูดซึมแร่ธาตุต่าง ๆ ที่จะมาช่วยรักษาบาดแผลให้หายเร็วขึ้นอีกด้วย
นอกจากนี้ควรหมั่นสังเกตแผลและอาการโดยรวมของร่างกายอยู่เสมอ หากพบว่าแผลแดง บวม แสบร้อน มีเลือดออก มีหนอง หรือมีไข้ ควรรีบไปพบแพทย์เพื่อเช็กสภาพร่างกายโดยเร็วที่สุด
บทความที่เกี่ยวข้องกับการดูแลแผล