วิตามินที่ห้ามกินพร้อมกัน ไม่ควรกินคู่กันมีอะไรบ้าง อาหารเสริมบางอย่างอาจตีกันได้ ต้องเลี่ยง !

           วิตามินและอาหารเสริมบางชนิดอาจมีปฏิกิริยาต่อกันจนส่งผลต่อการดูดซึมทำให้ประสิทธิภาพของวิตามินลดลง หรืออาจเกิดผลข้างเคียงที่ไม่พึงประสงค์ได้ จึงไม่ควรกินคู่กัน
วิตามินที่ห้ามกินพร้อมกัน

           วิตามินที่ห้ามกินพร้อมกัน หรือ วิตามินที่ไม่ควรกินคู่กัน เอาจริง ๆ มีอยู่หลายคู่เลยทีเดียว ที่อาจทำให้เกิดปัญหาในการดูดซึม หรือทำให้ประสิทธิภาพของวิตามินลดลงได้ ดังนั้น ถ้าไม่อยากให้การกินอาหารเสริมแล้วไร้ประโยชน์ แถมอาจส่งผลต่อสุขภาพ ควรระวังในการเลือกจับคู่วิตามินบางชนิด ดังนี้

วิตามินที่ไม่ควรกินคู่กัน มีอะไรบ้าง

วิตามินที่ไม่ควรกินคู่กัน

ลองเช็กดี ๆ ว่าเรากินวิตามินหรืออาหารเสริมคู่กันตามนี้อยู่หรือเปล่า

1. วิตามินอี กับ น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรส

วิตามินที่ห้ามกินพร้อมกัน

           น้ำมันอีฟนิ่งพริมโรสมีส่วนประกอบของวิตามินอีอยู่ในตัว การกินคู่กับวิตามินอีจึงอาจเสี่ยงได้รับวิตามินอีสะสมในร่างกายมากเกินไปได้ ดังนั้น เลือกกินอย่างใดอย่างหนึ่งจะดีกว่า

2. วิตามินซี กับ วิตามินบี 12

วิตามินซีห้ามกินคู่กับอะไร

           ถ้าถามว่า วิตามินซีห้ามกินคู่กับอะไร หรือ วิตามินบีไม่ควรกินคู่กับอะไร ? หนึ่งในคำตอบก็คือ วิตามินซี ไม่ควรจับคู่กับวิตามินบี 12 เพราะวิตามินซีอาจขัดขวางการดูดซึมวิตามินบี 12 ในทางเดินอาหาร โดยเฉพาะการรับประทานวิตามินซีในปริมาณที่สูงเกินไป ซึ่งอาจทำให้ได้รับประสิทธิภาพของวิตามินบี 12 ลดลงได้ แต่หากจำเป็นต้องกินทั้งวิตามินบี 12 และวิตามินซีจริง ๆ ก็ควรรับประทานห่างกันสัก 2-3 ชั่วโมงจะดีกว่า

3. วิตามินอี กับ วิตามินเค

           โดยปกติไม่ถือเป็นข้อห้าม แต่ถ้าเลือกรับประทานวิตามินอีในโดสสูง ๆ คู่กับวิตามินเค ตัววิตามินอีอาจไปลดประสิทธิภาพของวิตามินเคที่ช่วยเรื่องการแข็งตัวของเลือด ดังนั้น หากจำเป็นต้องกินคู่กันจริง ๆ หรือเป็นคนที่มีปัญหาเกี่ยวกับการแข็งตัวของเลือดอยู่แล้ว ควรปรึกษาเภสัชกรหรือแพทย์เพื่อคำนวณปริมาณวิตามินที่ร่างกายควรได้รับ

4. แคลเซียม กับ แมกนีเซียม

แคลเซียม แมกนีเซียม

           การรับประทานแคลเซียมพร้อมกับแมกนีเซียมในโดสสูง อาจเกิดปฏิกิริยาแข่งกันดูดซึมในลำไส้ ส่งผลให้การดูดซึมของทั้งสองแร่ธาตุลดลงไปได้ จึงกลายเป็นวิตามินที่ไม่ควรกินพร้อมกันอีกคู่นั่นเอง โดยให้เว้นระยะห่างกันอย่างน้อย 2-3 ชั่วโมง

5. แคลเซียม กับ ธาตุเหล็ก

           แคลเซียมสามารถรบกวนการดูดซึมของธาตุเหล็กในร่างกาย โดยเฉพาะเมื่อกินพร้อมกัน จึงควรแยกกันกินระหว่างแคลเซียมกับธาตุเหล็ก เพื่อให้ทั้งสองสารสามารถถูกดูดซึมได้อย่างเต็มที่

6. แคลเซียม กับ สังกะสี

          แคลเซียมอาจไปจับตัวกับสังกะสี (Zinc) ทำให้เป็นสารประกอบที่ไม่ละลายน้ำ กลายเป็นแร่ธาตุที่จะไปขัดขวางการดูดซึมสังกะสีเข้าสู่ร่างกาย ดังนั้น ควรกินแยกกันคนละมื้อจะดีกว่า

7. ทองแดง กับ สังกะสี

          ทองแดงและสังกะสีเป็นแร่ธาตุที่มีการดูดซึมในลำไส้เหมือนกัน ดังนั้น หากกินพร้อมกันอาจทำให้กระบวนการดูดซึมของแต่ละชนิดถูกรบกวน โดยเฉพาะหากเลือกกินสังกะสีในปริมาณสูง ซึ่งอาจลดประสิทธิภาพการดูดซึมทองแดงได้

8. น้ำมันปลา กับ น้ำมันตับปลา

น้ำมันปลา น้ำมันตับปลา

           ไม่แนะนำให้กินน้ำมันปลาและน้ำมันตับปลาร่วมกัน เพราะอาจทำให้ร่างกายได้รับโอเมก้า 3 เกินขนาด ซึ่งอาจเกิดการสะสมจนส่งผลกระทบต่อสุขภาพ เช่น มีอาการคลื่นไส้ ท้องเสีย เลือดแข็งตัวช้า

9. สารสกัดจากชาเขียว (Green Tea Extracts) กับ ธาตุเหล็ก

           สารสกัดจากชาเขียวมีสารที่เรียกว่าแทนนิน ซึ่งสามารถลดการดูดซึมธาตุเหล็กจากอาหารหรือวิตามินในร่างกาย ดังนั้น ควรหลีกเลี่ยงการรับประทานชาเขียวหรือสารสกัดจากชาเขียวในเวลาเดียวกับการกินธาตุเหล็ก โดยเฉพาะบุคคลที่เสี่ยงต่อภาวะขาดธาตุเหล็ก เช่น หญิงตั้งครรภ์ คนที่มีประจำเดือน หรือคนที่มีภาวะโลหิตจางจากการขาดธาตุเหล็ก

          หากกำลังรับประทานวิตามินหรืออาหารเสริมอยู่ ควรปรึกษาแพทย์หรือเภสัชกรเพื่อขอคำแนะนำเกี่ยวกับปริมาณที่เหมาะสมและปฏิกิริยาระหว่างวิตามินและแร่ธาตุต่าง ๆ อีกทั้งควรอ่านฉลากผลิตภัณฑ์เสริมอาหารเพื่อดูข้อควรระวังในการใช้อย่างละเอียดด้วย

บทความที่เกี่ยวข้องกับวิตามินและอาหารเสริม

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
วิตามินที่ห้ามกินพร้อมกัน ไม่ควรกินคู่กันมีอะไรบ้าง อาหารเสริมบางอย่างอาจตีกันได้ ต้องเลี่ยง ! อัปเดตล่าสุด 5 มีนาคม 2568 เวลา 15:56:05
TOP
x close