
อย่าให้มดลูกป่วย (รักลูก)
โดย: กุมภการ
คุณรู้จักมดลูกแค่ไหน? หลายท่านอาจคิดว่าไม่น่าถาม เพราะทราบกันอยู่แล้วว่ามดลูกเป็นอวัยวะที่อยู่กับผู้หญิงมาตั้งแต่เกิด แต่ทราบไหมคะว่า มดลูกที่เจ้าตัวเล็กของคุณแม่เจริญเติบโตอยู่ข้างในนั้น มีหน้าที่และการทำงานอย่างไร เป็นโรคใดได้บ้าง เป็นแล้วรักษาได้ไหม ฯลฯ
คำถามเหล่านี้จะไม่ค้างคาใจอีกต่อไป เพราะ ผศ.ดร.นพ.ดิฐกานต์ บริบูรณ์หิรัญสาร สูติแพทย์ประจำโรงพยาลบาลศิริราช ได้อธิบายและไขข้อข้องใจไว้อย่างละเอียดค่ะ
มดลูกของผู้หญิงเราจะโตขึ้นตามวัยค่ะ แต่ไม่ได้โตขึ้นเรื่อย ๆ นะคะ เพราะเมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ก็จะหยุดโต และมีขนาดประมาณ 1x2x3 นิ้ว (ขนาดประมาณลูกแพร์) มดลูกเป็นอวัยวะในระบบสืบพันธุ์ มีเอ็นยึดไว้ให้ติดอยู่ในช่องท้องบริเวณอุ้งเชิงกราน




หากจะพูดถึงหน้าที่โดยตรงของมดลูก มีเพียงหน้าที่เดียวคือสำหรับเลี้ยงลูก เมื่อตัวอ่อนเข้าไปฝังตัวและเจริญเติบโตเป็นทารก มดลูกก็จะเริ่มขยายใหญ่ขึ้นเรื่อย ๆ ตามอายุครรภ์ของคุณแม่ค่ะ
ความเปลี่ยนแปลงของมดลูก
ความจริงแล้วมดลูกไม่ได้มีกลไกอะไรในการทำงาน แต่ความเปลี่ยนแปลงที่เกิดขึ้นเนื่องจากมีฮอร์โมนมากระตุ้น เมื่อถึงวัยเจริญพันธุ์ ต่อมใต้สมองจะกระตุ้นรังไข่ ทำให้มีการสร้างฮอร์โมนเพศหญิงเพิ่มมากขึ้น จนเยื่อบุที่อยู่ข้างในโพรงมดลูกหนาตัวมากขึ้น เมื่อครบรอบก็จะหลุดลอกออกมาเป็นประจำเดือน หมุนเวียนเป็นรอบ ๆ ไป
การเปลี่ยนแปลงอีกครั้งหนึ่งคือวัยก่อนหมดประจำเดือน เพาะไม่มีฮอร์โมนมากระตุ้นอีกต่อไป มดลูกจะเหี่ยวและฝ่อลงไป แต่ไม่ได้ก่อให้เกิดอันตรายใด ๆ เป็นการเปลี่ยนแปลงตามธรรมชาติเท่านั้นค่ะ
การตั้งครรภ์ คือ การเปลี่ยนแปลงอีกอย่างหนึ่งของมดลูก เมื่อคุณแม่ตั้งครรภ์มดลูกจะยืดขยายจากเดิมได้เป็นพันเท่าทีเดียวค่ะ ผู้หญิงหลายคนอาจสงสัยว่า เมื่อมดลูกขยายเต็มที่แล้วขณะตั้งครรภ์ หลังคลอดมดลูกจะกลับมามีขนาดเท่าเดิมหรือไม่ คุณหมอบอกว่าจะกลับมามีขนาดเท่าเดิมค่ะ
เมื่อมดลูกป่วย
โอกาสในการเกิดโรคต่าง ๆ ในมดลูกพบได้พอสมควรค่ะ โรคที่พบได้ เช่น เนื้องอก เนื่องจากตัวมดลูกเป็นกล้ามเนื้อ ก็อาจจะมีเนื้องอกขึ้นมาได้ เช่น

อาการที่พบได้บ่อยก็คือ การมีประจำเดือนออกมากกว่าปกติ บางรายเลือดออกมากจนซีดก็มี นอกจากนั้นอาจมีอาการจากการกดเบียดอวัยวะข้างเคียง เช่น กระเพาะปัสสาวะ ทำให้ปัสสาวะบ่อยได้ เป็นต้น แต่หลายรายก็ไม่มีอาการใด ๆ นอกจากมาตรวจแล้วจึงพบว่าเป็นโรค ส่วนการรักษาก็ต้องผ่าตัดค่ะ


การรักษา หากเอ็นหย่อนไม่มากคุณหมอจะผ่าตัดเฉพาะช่องคลอด ที่เรียกว่าผ่ารีแพร์ แต่ถ้าหย่อนมาก ๆ จนไม่สามารถซ่อมแซมได้ อาจต้องตัดทิ้งไปเลยค่ะ

การรักษา มีทั้งการผ่าตัด การใช้รังสี การใช้ฮอร์โมนและเคมีบำบัด ขึ้นอยู่กับระยะของโรคและชนิดของมะเร็งค่ะ

คุณแม่ที่มีลูกแล้ว มีโอกาสเกิดโรคมากกว่าหรือไม่?
ไม่ว่าจะเป็นคุณแม่หรือไม่ก็ตามก็มีโอกาสเกิดโรคได้ค่ะ อย่างกรณีที่เป็นเนื้องอก ก็สามารถเป็นได้ทั้งคนที่มีลูกและยังไม่มีลูก
หากจำเป็นต้องตัดมดลูก ก็ยังสามารถดำเนินชีวิตได้ตามปกติ และไม่ก่อให้เกิดอาการหรือผลข้างเคียงใด ๆ นอกจากไม่สามารถมีลูกได้อีก เมื่อไม่มีมดลูกก็ไม่มีประจำเดือนเท่านั้น แต่ฮอร์โมนยังมีอยู่ตามปกติและจะหมดไปตามวัยค่ะ และไม่เกิดอาการวัยทองอย่งที้หลายคนเข้าใจ
การดูแลมดลูก
คุณหมอบอกว่าไม่ต้องดูแลอะไรเป็นพิเศษค่ะ แต่ควรหมั่นสังเกตความผิดปกติที่เกิดขึ้น โดยเฉพาะเรื่องประจำเดือน หากผิดปกติ ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุ ซึ่งแพทย์ก็จะตรวจดูว่ามีสาเหตุมาจากอะไร
ดังนั้นหากเกิดความผิดปกติ ไม่ว่าจะเป็นประจำเดือนขาดไปโดยไม่ได้ท้อง หรือมามากเกินไป ปวดท้องมาก หรือมาแบบกะปริดกะปรอย ควรไปพบแพทย์เพื่อตรวจหาสาเหตุที่แท้จริงซึ่งอาจไม่ใช่แค่ที่ตัวมดลูกเพียงอย่างเดียว แต่ยังรวมถึงเยื่อบุโพรงมดลูก กล้ามเนื้อมดลูก ปากมดลูก
ส่วนคุณแม่ตั้งครรภ์ซึ่งมดลูกจะยืดขยายมากนั้น หลังคลอดแล้วมดลูกจะหดเล็กลงมา แต่ยังไม่เล็กเท่าก่อนตั้งครรภ์ในทันทีนะคะ ถ้ายังอยู่ในช่วงหลังคลอดใหม่ๆ หากคุณหมอคลำท้องดูจะพบว่ามดลูกยังโตอยู่ ขนาดประมาณขณะตั้งครรภ์ 4 เดือน และมีน้ำคาวปลาออกมา แต่ร่างกายก็จะซ่อมแซมจนหายเป็นปกติได้เอง รวมทั้งขนาดของมดลูกที่ขยายก็จะค่อย ๆ ลดลงที่เรียกว่ามดลูกเข้าอู่นั่นเองค่ะ
การดูแลมดลูกหลังคลอด คุณแม่เพียงดูแลสุขภาพร่างกายตามปกติ การให้ลูกกินนมแม่จะช่วยกระตุ้นฮอร์โมนทำให้มดลูกมีการหดรัดตัว ทำให้ไม่ตกเลือดหลังคลอด และช่วยให้มดลูกเข้าอู่เร็วขึ้นอีกด้วย ซึ่งโดยทั่วไปจะใช้เวลาประมาณ 4-6 สัปดาห์ค่ะ หากคุณแม่มีอาการผิดปกอย่างอื่น เช่น มีน้ำคาวปลาออกมามากผิดปกติ มีไข้ ปวดท้องมาก ก็ต้องไปหาคุณหมอเพื่อตรวจดูว่า มีอักเสบติดเชื้อในการคลอดหรือไม่ แต่ปัจจุบันโรงพยาบาลต่าง ๆ มักดูแลคุณแม่อย่างดี จึงไม่ค่อยพบปัญหานี้ค่ะ
ด้วยวิทยาการที่ก้าวหน้าทางการแพทย์ ทำให้โรคที่เกิดขึ้นส่วนใหญ่รวมทั้งที่เกิดกับมดลูกสามารถรักษาให้หายได้ แต่ปัจจัยหลักคือต้องตรวจพบได้เร็ว ซึ่งจะทำให้การรักษาได้ผลดี ดังนั้นผู้หญิงเราจึงไม่ควรละเลยการตรวจร่างกายเป็นประจำและตรวจภายในด้วยนะคะ
ตรวจภายในเมื่อไหร่ดีนะ?
การตรวจภายในไม่กำหนดอายุที่แน่นอนค่ะ ว่าควรตรวจเมื่ออายุเท่าไหร่ในต่างประเทศ เมื่อเข้าสู่วัยเจริญพันธุ์ ก็จะเริ่มตรวจกัน คุณหมอจึงแนะนำว่าหากเคยมีเพศสัมพันธ์แล้ว ก็ควรไปตรวจภายในค่ะ
ขอขอบคุณข้อมูลจาก
