เรียบเรียงข้อมูลโดยกระปุกดอทคอม
ขอขอบคุณภาพประกอบจาก samunpri.com
กรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ เตือน ยาสมุนไพรที่มีส่วนผสมของไคร้เครือมีอันตราย หลังงานวิจัยต่างประเทศ ชี้ เป็นสารก่อมะเร็ง มีพิษต่อตับ ไต สั่งตัดออกจากตำรับยาแผนไทยในบัญชียาหลักแห่งชาติแล้ว
เมื่อวันที่ 2 มกราคม นพ.นิพนธ์ โพธิพัฒนชัย อธิบดีกรมวิทยาศาสตร์การแพทย์ กระทรวงสาธารณสุข ออกมากล่าวเตือนการใช้สมุนไพรไทย "ไคร้เครือ" ว่า จากรายงานการศึกษาทางพิษวิทยา พบว่า สมุนไพรไคร้เครือ ซึ่งเป็นพืชสกุลอริสโตโลเซียนั้น มีกรดเอริสโทโลคิก (aristolochic acid) หากรับประทานเข้าไปจะทำให้มดลูกผิดปกติ และทำให้หญิงตั้งครรภ์แท้งได้ ส่วนการศึกษาในต่างประเทศพบว่า สมุนไพรไคร้เครือ มีสารอริสโตแลคตัม (aristolactams) และสารเอเอ-ดีเอ็นเอ แอดดัคท์ (AA-DNA adducts) ซึ่งเป็นสารก่อมะเร็ง และยังป็นพิษต่อตับ ไต ต่อมหมวกไต อาจทำให้ไตวาย และเป็นมะเร็งทางเดินปัสสาวะได้
ทั้งนี้ นพ.นิพนธ์ ยังให้ข้อมูลต่อว่า ในประเทศไทยมีผู้นำสมุนไพรไคร้เครือผสมในตำรับยาแก้ไข้ แก้อักเสบ และคลายกล้ามเนื้อ แต่เมื่อพบข้อมูลงานวิจัยจากต่างประเทศว่า ไคร้เครือที่ใช้และมีการจำหน่ายในท้องตลาด เป็นพืชในสกุลอริสโตโลเซีย ทางคณะกรรมการพัฒนาระบบยาแห่งชาติจึงประกาศตัดสมุนไพรไคร้เครือออกจากตำรับยาแผนไทยในบัญชียาหลักแห่งชาติ (ฉบับที่ 4) พ.ศ.2554 จำนวน 10 ตำรับ จาก 28 ตำรับ ได้แก่ ยาหอมนวโกฐ ยาหอมแก้ลมวิงเวียน ยาหอมอินทจักร์ ยาธาตุบรรจบ ยาประสะการพลู ยาประสะเจตพังคี ยามัมทธาตุ ยาวิสัมพยาใหญ่ ยาเขียวหอม และยาอำมฤควาที เพราะทางองค์การอนามัยโลกได้ประกาศให้พืชสกุลอริสโตโลเซียเป็นสารก่อมะเร็งในมนุษย์มาตั้งแต่ปี 2545 ทำให้หลายประเทศประกาศระงับใช้ผลิตภัณฑ์ที่มีส่วนผสมของสมุนไพรดังกล่าวมานานแล้ว
ขณะที่ นางณุฉัตรา จันทร์สุวานิชย์ รักษาราชการแทนผู้อำนวยการสถาบันวิจัยสมุนไพร ได้ออกมาเตือนให้ผู้บริโภคระมัดระวัง และหลีกเลี่ยงการใช้สมุนไพรไคร้เครือที่เป็นพืชสกุลอริสโตโลเซีย เพราะจะทำให้เกิดอันตรายต่อร่างกาย ส่วนการเลือกซื้อยาสมุนไพรทุกชนิดนั้น ผู้ซื้อต้องสังเกตทะเบียนยาว่าถูกต้องหรือไม่ มีวันผลิต วันหมดอายุ ระบุไว้หรือไม่ และยาต้องบรรจุอยู่ในภาชนะที่มีสภาพดี
อ่านรายละเอียดเพิ่มเติมจาก