อาการสำคัญของโรคกระเพาะอาหาร คือ จะแสบท้องไม่ว่าตอนหิวหรือตอนที่กินจนอิ่มแล้วก็ตาม ซึ่งความแสบท้องนี่แหละที่สร้างความทรมานให้กับเรา บางคนถึงกับต้องควานหาของกินรองท้องเพื่อช่วยเคลือบกระเพาะ บรรเทาอาการกันเลยทีเดียว
ทว่ากินอาหารรองท้องวันละหลายครั้งก็อาจจะอิ่มเกินไป งั้นลองมากินผลไม้เคลือบกระเพาะอาหาร บรรเทาอาการแสบท้องจากโรคกระเพาะกันไหม ส่วนจะมีผลไม้เพื่อสุขภาพสำหรับคนเป็นโรคกระเพาะชนิดไหนบ้าง มาดูเลย แต่ก่อนอื่นมาเช็กหน่อยว่าเราเป็นโรคกระเพาะอาหารจริง ๆ ไหม
โรคกระเพาะอาหาร หมายถึง แผลที่เกิดในเยื่อบุกระเพาะอาหารบริเวณที่สัมผัสกับน้ำย่อยของกระเพาะอาหาร โดยแผลในกระเพาะอาหารก็เกิดได้จากหลายสาเหตุ เช่น ร่างกายต้านทานกรดของน้ำย่อยในกระเพาะอาหารได้ไม่ดี ความเครียด พฤติกรรมรับประทานอาหารไม่ดีต่อสุขภาพ กินข้าวไม่ตรงเวลา ไม่ครบมื้อหลัก การดื่มแอลกอฮอล์ การสูบบุหรี่ หรือแม้แต่การกินยาแก้ปวดประเภทแอสไพรินหรือยาแก้อักเสบเป็นประจำ
รวมไปถึงการติดเชื้อเฮลิโคแบคเตอร์ไพโลไร (Helicobacter pylori หรือย่อว่า H.pylori) จากการรับประทานอาหารที่มีเชื้อเข้าไปอยู่ในกระเพาะ และเชื้อนั้นเคลื่อนเข้าสู่เซลล์เยื่อบุกระเพาะอาหาร ก่อให้เกิดแผลในกระเพาะอาหาร และอาจเพิ่มความเสี่ยงโรคมะเร็งกระเพาะอาหารได้
ทั้งนี้ อาการโรคกระเพาะอาหาร ได้แก่
1. ปวดท้องบริเวณใต้ลิ้นปี่แบบเป็น ๆ หาย ๆ เรื้อรัง
2. มักจะปวดท้องก่อนรับประทานอาหารหรือหลังรับประทานอาหารไปแล้ว
3. หากมีแผลบริเวณลำไส้เล็กส่วนต้น มักจะมีอาการปวดท้องหลังอาหาร 1-3 ชั่วโมง หรือปวดท้องขณะท้องว่าง
4. มีอาการปวดท้องมากขึ้นในช่วงบ่าย ช่วงเย็น หรือดึก ๆ แต่อาการจะทุเลาเมื่อรับประทานอาหาร ดื่มน้ำ หรือกินยาลดกรด
5. มีอาการปวดแสบ จุกแน่น คลื่นไส้ เรอเปรี้ยว ซึ่งอาจทำให้สับสนระหว่างโรคกระเพาะอาหารกับโรคกรดไหลย้อนได้
กินอะไรดีเมื่อแสบท้องกระเพาะอาหาร
1. กล้วย
ประโยชน์ของกล้วยช่วยบรรเทาอาการโรคกระเพาะได้หลายทาง ไม่ว่าจะเป็นการนำสารแทนนินจากกล้วยดิบ (ในรูปแบบผงกล้วยดิบชงดื่ม) มาช่วยเคลือบกระเพาะอาหาร หรือการกินกล้วยน้ำว้า กล้วยหอมสุก เพื่อให้ร่างกายได้รับใยอาหารชนิดละลายน้ำ ที่จะช่วยในการดูดซึมของผนังกระเพาะอาหาร รักษาแผลในกระเพาะอาหารให้หายเร็วขึ้น
นอกจากนี้ในกล้วยยังมีสารชนิดพิเศษที่ช่วยกระตุ้นการแบ่งตัวของเซลล์ในกระเพาะอาหาร เสริมสร้างความแข็งแรงให้กระเพาะอาหารทนกรดได้ดีขึ้น อีกทั้งในกล้วยยังมีทริปโตเฟน ซึ่งเป็นกรดอะมิโนจำเป็นที่เมื่อกินเข้าไปแล้วร่างกายจะเปลี่ยนให้เป็นเซโรโทนิน สารสื่อประสาทที่จะช่วยกระตุ้นให้กระเพาะอาหารสร้างเยื่อเมือกตามธรรมชาติออกมาเคลือบแผลในกระเพาะ ลดอาการแสบระคายท้อง และเซโรโทนินยังช่วยคลายเครียด ช่วยให้นอนหลับสบายมากขึ้นด้วย
แต่อย่างไรก็ตาม คนเป็นโรคกระเพาะก็ไม่ควรกินกล้วยตอนท้องว่างนะคะ เพราะกล้วยมีคาร์โบไฮเดรตที่ร่างกายจำเป็นต้องย่อยเพื่อเปลี่ยนแป้งเป็นน้ำตาล ซึ่งร่างกายจะหลั่งน้ำย่อยออกมามาก และอาจทำให้คนเป็นโรคกระเพาะหรือโรคกรดไหลย้อนอาการกำเริบได้ ดังนั้นถ้าจะกินกล้วยช่วยลดอาการโรคกระเพาะก็กินหลังมื้ออาหารจะดีกว่า
2. มะละกอ
มะละกอเป็นผลไม้ที่ดีต่อระบบย่อยอาหาร อีกทั้งในมะละกอยังมีใยอาหารชนิดละลายน้ำได้ รวมไปถึงเบต้าแคโรทีน และวิตามินซี ที่มีส่วนช่วยรักษาแผลในกระเพาะอาหาร ทำให้แผลหายเร็ว ป้องกันการติดเชื้อ และมะละกอยังช่วยในการขับถ่ายได้อีกด้วย
3. แอปเปิล
ถ้าอยากได้เพกตินมาเคลือบกระเพาะอาหาร เสริมภูมิต้านทานให้เยื่อบุกระเพาะทนต่อกรดจากน้ำย่อยได้ งั้นกินแอปเปิลบรรเทาอาการแสบท้องจากโรคกระเพาะอาหารได้เลย
4. แคนตาลูป
5. ฝรั่ง
ฝรั่งมีสารแทนนินมาก อีกทั้งในผลสุกของฝรั่งยังมีใยอาหารชนิดเพกตินสูง มีวิตามินซีสูง เรียกได้ว่ารวมสารอาหารสำคัญที่ช่วยดูแลกระเพาะอาหารของเราได้เป็นอย่างดี ดังนั้น การกินฝรั่งจึงช่วยสมานแผลและลดอาการอักเสบของกระเพาะอาหารและลำไส้ได้
6. ลูกยอ
7. มะขามป้อม
มะขามป้อมเป็นผลไม้ที่มีวิตามินซีสูงกว่าส้มประมาณ 20 เท่า นอกจากนี้มะขามป้อมก็เป็นผลไม้ที่มีรสฝาด ขม มีสรรพคุณรักษาแผลและลดกรดเกินในกระเพาะอาหาร อีกทั้งน้ำมะขามป้อมยังช่วยบรรเทาอาการเสียดท้องได้อีกด้วย
บทความที่เกี่ยวข้องกับโรคกระเพาะอาหาร
- 10 สมุนไพรใกล้ตัว บรรเทาโรคกระเพาะได้ชัวร์ไม่ต้องทนกินยา
- เป็นโรคกระเพาะห้ามกินอะไร แล้วกินอะไรได้บ้าง ที่อาการไม่กำเริบ
- โอ๊ย ปวดท้อง โรคกระเพาะถามหาหรือเปล่า ?
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล
โรงพยาบาลพญาไท
โรงพยาบาลเปาโล
โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ
อภัยภูเบศร
ฐานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล