12 ผักรักษาโรค สรรพคุณโชกโชนทุกชนิด


          มีผักหลายชนิดที่สรรพคุณเสมือนยา ช่วยรักษาอาการเจ็บไข้ได้ป่วยของเราได้โดยอาจไม่ต้องพึ่งยาให้ลำบากไต แต่ผักชนิดไหนรักษาโรคอะไรได้บ้างลองมาดู

ผักรักษาโรค

          กินผักแล้วดี เพราะผักมีประโยชน์ แต่นอกจากประโยชน์ในด้านสารอาหารแล้ว รู้ไหมคะว่าผักบางชนิดยังมีสรรพคุณรักษาโรคหรืออาการเจ็บป่วยของเราได้อีกด้วย ใครที่ป่วยแล้วอยากให้อาการป่วยหายไว ๆ ลองกินผักเหล่านี้เข้าไปช่วยก็ได้ ลองมาดูว่าผักรักษาโรค มีผักอะไรบ้าง

1. ขี้เหล็ก : แก้ท้องผูก นอนไม่หลับ

ผักรักษาโรค

          แม้ขี้เหล็กจะมีรสขม แต่สรรพคุณจมเลยนะจะบอกให้ โดยเฉพาะคนที่มีอาการท้องผูกบ่อย ๆ กินขี้เหล็กเข้าไปจะช่วยให้การขับถ่ายเป็นเรื่องง่ายขึ้น เพราะใบขี้เหล็กมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ บวกกับกากใยในใบขี้เหล็กที่มีค่อนข้างมาก จึงทำให้ใบขี้เหล็กช่วยแก้ท้องผูกได้ ทั้งนี้อาจจะกินแกงขี้เหล็ก หรือนำใบขี้เหล็ก 3-4 ใบ ต้มกับน้ำ 1 1/2 แก้ว แล้วเติมเกลือเล็กน้อย จากนั้นดื่มหลังตื่นนอนหรือหลังอาหารเช้าวันละครั้ง

          ส่วนประโยชน์เด่น ๆ ของใบขี้เหล็กอีกอย่างก็คือแก้นอนไม่หลับ โดยการวิจัยของกรมพัฒนาการแพทย์แผนไทยและการแพทย์ทางเลือก พบว่า ใบอ่อนและดอกอ่อนของขี้เหล็กมีสารช่วยคลายเครียด อีกทั้งยังมีฤทธิ์เป็นยานอนหลับอ่อน ๆ อีกด้วยนะคะ แต่ใครอยากกินขี้เหล็กแก้นอนไม่หลับ แนะนำให้ใช้ใบขี้เหล็กแห้งหรือใบขี้เหล็กสด 50 กรัม ต้มกับน้ำพอท่วม แล้วดื่มก่อนนอน เพราะใบขี้เหล็กในแกงขี้เหล็กส่วนมากจะถูกต้มน้ำทิ้งเพื่อลดความขมไปก่อน ซึ่งอาจทำให้สารช่วยให้นอนหลับในใบขี้เหล็กเจือจางเกินไป ดังนั้นควรจะต้มใบขี้เหล็กดื่มแก้นอนไม่หลับไปเลย

          อ้อ ! นอกจากนี้ใบขี้เหล็กยังแก้เหน็บชา รักษาโรคบิด แก้ร้อนใน ขับพยาธิ รักษาฝีมะม่วง และลดความดันโลหิตสูงได้ด้วยนะ

2. มะระขี้นก  : รักษาเบาหวาน

ผักรักษาโรค

          กลุ่มวิชาเภสัชกรรมคลินิก คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม ได้ศึกษาผลของมะระขี้นกในการรักษาโรคเบาหวาน โดยศึกษากลไกการออกฤทธิ์และประสิทธิภาพทางคลินิกของมะระขี้นก และพบว่า ในมะระขี้นกมีกลไกที่ออกฤทธิ์ต้านเบาหวานอยู่หลายทางด้วยกัน ไม่ว่าจะเป็นการเสริมการหลั่งอินซูลินของตับอ่อน เพิ่มความไวต่อการตอบสนองอินซูลินที่กล้ามเนื้อและเนื้อเยื่อไขมัน ลดการนำกลูโคสเข้าสู่เซลล์ เสริมการเผาผลาญน้ำตาล เพิ่มความทนต่อกลูโคส นอกจากนี้ยังยับยั้งการหลั่งกลูโคสในลำไส้เล็กและยับยั้งเอนไซม์กลูโคซิเดสได้อีกด้วย

          แต่ทั้งนี้ก็ควรมีการศึกษาเพิ่มเติมเกี่ยวกับปริมาณการใช้และระยะเวลาในการใช้มะระขี้นกต่อไปในอนาคต เพื่อที่จะสามารถใช้มะระขี้นกกับผู้ป่วยเบาหวานได้อย่างเต็มประสิทธิภาพและมีความปลอดภัยอย่างที่สุด

          - มะระขี้นก สรรพคุณเพียบ ต้านเบาหวานก็จัดให้

3. ตำลึง : ลดน้ำตาลในเลือด

ผักรักษาโรค

          จากข้อมูลของสำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล ระบุว่า การศึกษาทางคลินิก ในอาสาสมัครสุขภาพดี ที่รับประทานอาหารเช้าที่มีตำลึงเป็นกับข้าว ปริมาณ 20 กรัม ผสมกับมะพร้าวและเกลือ พบว่า อาสาสมัครกลุ่มนี้มีระดับน้ำตาลในเลือดลดลง เมื่อเปรียบเทียบกับกลุ่มอาสาสมัครที่กินอาหารเช้าโดยไม่มีตำลึงเป็นส่วนประกอบ และจากการทดลองนี้อาจแสดงว่า ตำลึงมีผลลดระดับน้ำตาลในเลือดได้

          ส่วนการกินตำลึงลดน้ำตาลในเลือด ให้ใช้เถาแก่ของตำลึงประมาณครึ่งถ้วย นำมาต้มกับน้ำ หรือนำน้ำคั้นจากผลตำลึงดิบ ๆ มาดื่มวันละ 2 ครั้ง เช้า-เย็น

          - ตำลึง สรรพคุณไม่ไก่กา เป็นผักริมรั้วธรรมดา แต่สรรพคุณทางยาอย่างเยอะ !

4. ผักเชียงดา : ลดน้ำตาลในเลือด

ผักรักษาโรค

          หลายคนอาจรู้จักผักชนิดนี้ในชื่อว่าผักฆ่าน้ำตาล และคงรู้สรรพคุณผักเชียงดากันมาบ้างแล้ว แต่สำหรับคนที่ยังไม่รู้จัก เราบอกกันตรงนี้เลยค่ะว่าผักเชียงดามีสารสำคัญที่ชื่อว่า Gymnemic Acid ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการขนส่งน้ำตาล ส่งผลให้การดูดซึมน้ำตาลในลำไส้เล็กช้าลง ทั้งยังช่วยกระตุ้นการหลั่งอินซูลินได้อีกต่างหาก ใครอยากรู้จักผักเชียงดาให้มากกว่านี้ก็ลองมาดู

          - ผักเชียงดา สรรพคุณไม่ธรรมดา เป็นสมุนไพรลดน้ำตาลในเลือด

5. หัวไชเท้า : ลดอาการอักเสบ

ผักรักษาโรค

          หัวไชเท้าเป็นผักที่เราเจอได้บ่อยในน้ำซุปก๋วยเตี๋ยว หรือในต้มจืด น้ำซุปข้าวมันไก่ เป็นต้น ซึ่งก็ถือว่าหัวไชเท้าเป็นผักที่หากินง่าย มีรสชาติหวาน อร่อย และยังมีสรรพคุณช่วยรักษาอาการอักเสบในร่างกายได้ด้วยนะคะ โดยจากการวิจัย พบว่า น้ำคั้นจากหัวไชเท้าหรือการกินหัวไชเท้ามีส่วนช่วยลดการอักเสบในร่างกายได้ แถมยังช่วยแก้ปวดเมื่อยของกล้ามเนื้อจากการเล่นกีฬาได้ด้วย

          - หัวไชเท้า สรรพคุณไม่ธรรมดา รักษาฝ้า-บำรุงร่างกาย

6. หัวปลี : บำรุงเลือด ขับน้ำนม

ผักรักษาโรค

          สำหรับแม่ที่ให้นมบุตร แล้วน้ำนมไม่ค่อยไหล หรือน้ำนมมีน้อย ลองกินหัวปลีแก้ปัญหานี้ดูค่ะ เพราะหัวปลีมีสรรพคุณช่วยบำรุงเลือด ซึ่งจะช่วยขับน้ำนมของคุณแม่หลังคลอดได้ นอกจากนี้หัวปลียังมีสารต้านอนุมูลอิสระที่ชื่อว่า มีทานอล ซึ่งงานวิจัยในวารสาร Food Science and Biotechnology เมื่อปี 2010 ระบุว่า สารต้านอนุมูลอิสระในสารสกัดจากหัวปลีเป็นสารต้านอนุมูลอิสระที่มีสรรพคุณป้องกันเซลล์ถูกทำลาย จึงช่วยป้องกันการอักเสบในร่างกายได้

          - 7 ประโยชน์ของหัวปลี เทรนด์นี้มาแรง กินแทนเนื้อสัตว์ แคลอรีต่ำ !

7. หน่อไม้ฝรั่ง : แก้ท้องอืด

ผักรักษาโรค

          ใครที่มักจะมีอาการท้องอืด ท้องเฟ้อ กรด แก๊สในกระเพาะเยอะ อยากให้ลองกินหน่อไม้ฝรั่งเพื่อช่วยบรรเทาอาการที่ว่ามาค่ะ เพราะหน่อไม้ฝรั่งมีไฟเบอร์ที่ช่วยในการย่อยอาหาร และในหน่อไม้ฝรั่งยังมีคาร์โบไฮเดรตชนิดฟรุกโตโตโอลิโกแซคคาไรด์ ที่มีส่วนช่วยเพิ่มแบคทีเรียชนิดดีในลำไส้ พร้อมทั้งช่วยลดกรดและแก๊สในกระเพาะอาหาร แก้อาการท้องอืด ท้องเฟ้อ ได้โดยไม่ต้องกินยา แต่นอกจากนี้แล้วหน่อไม้ฝรั่งยังมีสรรพคุณอื่น ๆ ที่น่าสนใจอีกเยอะเลยนะ

          - หน่อไม้ฝรั่ง สรรพคุณเหลือล้ำ ขอย้ำว่าต้องกิน !

8. ผักบุ้ง : บำรุงดวงตา

ผักรักษาโรค

          อยากมีสายตาดีให้กินผักบุ้ง เพราะผักบุ้งมีเบต้าแคโรทีนสูง ซึ่งเบต้าแคโรทีนในผักบุ้งจะไปเปลี่ยนเป็นวิตามินเอในร่างกาย แล้ววิตามินเอก็จะไปบำรุงสายตา รักษาอาการตาแห้ง ตาล้า บรรเทาอาการแสบตาจากภาวะตาแห้งได้ด้วย และยังไม่หมดแค่เท่านี้ค่ะ สรรพคุณของผักบุ้งยังมีอีกมากเลยล่ะ ลองมาดู

          - ผักบุ้ง สรรพคุณจัดเต็ม บำรุงสายตา ลดเบาหวาน ของดีที่หาได้ใกล้ตัว

9. ผักปวยเล้ง : รักษาอาการเลือดออก

ผักรักษาโรค

          ผักที่หลายคนชอบกินอย่างปวยเล้งมีสรรพคุณดีกว่าที่คิดเยอะเลยล่ะ โดยเฉพาะสรรพคุณด้านรักษาโรคตา อย่างโรคตาบอดกลางคืน เพราะผักปวยเล้งมีแบต้าแคโรทีนค่อนข้างสูง ช่วยบำรุงและรักษาอาการเสื่อมของดวงตาได้ แถมยังรักษาโรคโลหิตจาง รักษาอาการเลือดออกตามอวัยวะต่าง ๆ อย่างเลือดกำเดาไหลก็ได้ด้วย

10. กระเจี๊ยบเขียว : รักษาโรคกระเพาะ

ผักรักษาโรค

          สำหรับคนเป็นโรคกระเพาะ มีแผลในกระเพาะอาหาร กระเจี๊ยบเขียวช่วยบรรเทาได้ โดยการศึกษาพบว่า กระเจี๊ยบเขียวมีสารประกอบไกลโคไซเลต และไกลโคโปรตีน ซึ่งมีฤทธิ์ยับยั้งการทำงานของเชื้อแบคทีเรียที่ก่อให้เกิดโรคกระเพาะอาหาร (แบคทีเรียเฮลิโคแบคเตอร์ ไพโลไร) ทำให้เชื้อแบคทีเรียตัวนี้เกาะเยื่อบุกระเพาะอาหารได้ยากกว่าปกติ อาการแผลในกระเพาะอาหารก็จะบรรเทาลง

          ส่วนวิธีกินกระเจี๊ยบเขียวใครจะกินเป็นผักจิ้มน้ำพริก หรือนำกระเจี๊ยบเขียวมาหั่นเป็นแว่น ตากแดดให้แห้ง แล้วบดละเอียด จากนั้นตักผงกระเจี๊ยบเขียวมาละลายในน้ำต้มสุก นม หรือน้ำผลไม้ กินวันละ 3-4 ครั้งหลังอาหาร ก็แล้วแต่สะดวกเลย

          - กระเจี๊ยบเขียว สรรพคุณบรรเจิด เป็นเลิศที่เมือกลื่น ๆ บนฝัก

11. ใบบัวบก : แก้ช้ำใน ลดเส้นเลือดขอด

ผักรักษาโรค

          เรามักจะได้ยินว่าใบบัวบกมีสรรพคุณแก้ช้ำใน ซึ่งนอกจากบรรเทาอาการช้ำในร่างกายแล้ว การศึกษาชิ้นหนึ่งยังพบว่า ใบบัวบกมีส่วนลดอาการเส้นเลือดขอดได้ โดยได้ทำการทดลองกับอาสาสมัคร 90 คน แบ่งให้กลุ่มหนึ่งรับประทานใบบัวบก และอีกกลุ่มหนึ่งรับประทานยาหลอก จากนั้นก็ทำการอัลตราซาวด์หลอดเลือด แล้วพบว่า กลุ่มที่รับประทานใบบัวบกมีการรั่วไหลของหลอดเลือดดำลดลง อาการเส้นเลือดขอดก็บรรเทาลงด้วย

          - สรรพคุณใบบัวบก ประโยชน์เลอค่า เพื่อความงามและสุขภาพ

12. มะระ : ช่วยเจริญอาหาร



          ความขมของมะระก็มีประโยชน์ซ่อนอยู่มากมาย อย่างคนที่เบื่ออาหาร กินข้าวได้น้อยลง ลองกินมะระช่วยกระตุ้นความอยากอาหารก็ได้นะคะ เพราะในความขมของมะระมีสารโมโมดิซีน ที่มีสรรพคุณช่วยให้เจริญอาหาร และช่วยให้น้ำย่อยในกระเพาะอาหารทำงานได้มีประสิทธิภาพมากขึ้น อีกทั้งยังมีฤทธิ์เป็นยาระบายอ่อน ๆ พร้อมด้วยสรรพคุณของมะระอีกหลายข้อเลย

          - มะระ สรรพคุณอย่างจี๊ด ลืมความขมไปเลย

          ผักรักษาโรคมีอยู่หลายชนิดด้วยกัน และอย่างที่รู้ ๆ ว่าผักก็มีประโยชน์ต่อร่างกายหลายอย่าง ใครที่อยากดูแลสุขภาพ บรรเทาอาการเจ็บป่วยของร่างกาย มากินผักกันเยอะ ๆ นะคะ


* หมายเหตุ : อัปเดตข้อมูลล่าสุดวันที่ 4 ตุลาคม 2562


ขอบคุณข้อมูลจาก
, โครงการอนุรักษ์พันธุกรรมพืชฯ, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, คณะการแพทย์แผนไทย มหาวิทยาลัยสงขลานครินทร์, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหาสารคาม, คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล, สำนักงานข้อมูลสมุนไพร คณะเภสัชศาสตร์ มหาวิทยาลัยมหิดล

เรื่องที่คุณอาจสนใจ
12 ผักรักษาโรค สรรพคุณโชกโชนทุกชนิด อัปเดตล่าสุด 19 ตุลาคม 2563 เวลา 17:14:46 185,488 อ่าน
TOP
x close