โรคระบบทางเดินหายใจ อาการเจ็บป่วยที่ส่งผลโดยตรงกับระบบหายใจของเรา มาดูกันว่า มีโรคอะไรบ้าง และวิธีการดูแลตัวเองให้ห่างไกลจากโรคต่าง ๆ เหล่านี้กันค่ะ
เพราะสภาพแวดล้อมทุกวันนี้เต็มไปด้วยมลภาวะต่าง ๆ มากขึ้น ทั้งมลพิษจากฝุ่นละอองในอากาศ ควันจากการเผาไหม้ รวมถึงสภาพอากาศที่แปรปรวนอยู่ตลอดทั้งปี ทำให้มีคนป่วยเป็น “โรคระบบทางเดินหายใจ” เพิ่มสูงขึ้น บางคนเมื่อมีอาการเล็กน้อยอาจจะมองว่าไม่รุนแรงเท่าไรนัก จึงปล่อยปละละเลย ไม่ทำการรักษาให้ถูกวิธี จนอาจจะรุนแรงกลายเป็น “โรคทางเดินหายใจเรื้อรัง” ได้ในที่สุด
วันนี้กระปุกดอทคอมจะพาทุกคนมารู้จักกับโรคระบบทางเดินหายใจกันว่าคืออะไร มีโรคอะไรบ้าง และอาการเบื้องต้นเป็นอย่างไร รวมถึงวิธีการป้องกันโรคต่าง ๆ เหล่านี้มาฝากกันค่ะ
โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนบน (Upper respiratory tractinfection : URI)
โรคติดเชื้อระบบทางเดินหายใจส่วนล่าง (Lower respiratory infection : LRI)
มาดูกันว่า โรคระบบทางเดินหายใจอาจมีสาเหตุมาจากอะไรได้บ้าง
-
การติดเชื้อต่าง ๆ ทั้งไวรัส แบคทีเรีย เชื้อรา หรือโปรตัวซัว อาทิ โรคหวัด ไข้หวัดใหญ่ ไข้หวัดนก ปอดบวม และวัณโรค เป็นต้น
-
อาการแพ้ หรือได้รับสารระคายเคืองบางอย่าง เช่น โรคภูมิแพ้ โรคหอบหืด
-
พฤติกรรมการสูบบุหรี่ และใช้สารเสพติดผ่านระบบหายใจ เช่น ดมกาว หรือทินเนอร์
-
การประกอบอาชีพที่ต้องอยู่ในพื้นที่ที่มีฝุ่นละอองและควัน มลพิษ สารพิษ หรือสารเคมีเป็นเวลานาน
-
อาการเจ็บป่วยในร่างกาย เช่น การเกิดเนื้องอก หรือมะเร็ง
-
อุบัติเหตุหนักที่ทำให้เกิดแรงกระแทกอย่างแรงในระบบทางเดินหายใจ เช่น ปอดทะลุ
จริง ๆ แล้ว โรคหรือความผิดปกติที่เกิดขึ้นกับระบบทางเดินหายใจนั้นมีอยู่เป็นจำนวนมาก และยังมีทั้งโรคที่เกิดขึ้นแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง วันนี้เลยจะขอยกตัวอย่างโรคที่พบบ่อยและเราควรรู้จัก ดังนี้ค่ะ
1. โรคหวัด
2. ไข้หวัดใหญ่
ไข้หวัดใหญ่ (Influenza) เป็นอาการติดเชื้อไวรัสคล้ายกับโรคหวัด มีอยู่ 3 สายพันธุ์ คือ A, B และ C โดยสายพันธุ์ A มีความรุนแรงที่สุด ก่อให้เกิดโรคระบาดมากมาย อาทิ ไข้หวัดนก, ไข้หวัดหมู, ไข้หวัดใหญ่ 2009
อาการของโรคไข้หวัดใหญ่จะคล้ายไข้หวัดทั่วไป แต่จะมีไข้สูงเฉียบพลัน ประมาณ 39-40 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ ปวดกระบอกตา ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ร่างกายอ่อนเพลีย หลอดลมอักเสบ และบางครั้งจะมีอาการเบื่ออาหาร ถ่ายอุจจาระเหลว คลื่นไส้ อาเจียน ซึ่งในคนที่มีอาการไม่รุนแรงสามารถอยู่บ้านรักษาตามอาการ จะหายได้เองภายใน 7-14 วัน แต่ถ้ามีอาการรุนแรง แพทย์อาจให้ยาต้านไวรัสเพิ่มเติม
3. โรคติดเชื้อไวรัส RSV
โรคติดเชื้อ RSV หรือภาวะการเจ็บป่วยของระบบทางเดินหายใจทั้งส่วนบนและส่วนล่าง ได้แก่ จมูก คอหอย หลอดลม และปอด เกิดจากเชื้อไวรัส Respiratory Syncytial Virus มีสองสายพันธุ์ คือ RSV-A และ RSV-B พบมากในเด็กเล็กอายุต่ำกว่า 3 ปี โดยอาการในช่วงแรกจะคล้ายไข้หวัดธรรมดา เช่น ไอ จาม คัดจมูก น้ำมูกไหล แต่ก็มีร้อยละ 20-30 ที่ติดเชื้อครั้งแรก ซึ่งยังไม่มีภูมิคุ้มกัน จะมีอาการหลอดลมอักเสบ ทำให้มีไข้สูง ไอแรง หอบเหนื่อย หายใจมีเสียงวี้ดได้
4. โควิด 19
โควิด 19 (COVID-19) เป็นโรคที่เกิดจากการติดเชื้อไวรัสโคโรนาสายพันธุ์ 2019 ซึ่งเป็นสายพันธุ์ใหม่ที่ไม่เคยพบการระบาดมาก่อน และสามารถติดต่อได้ง่ายมากผ่านการสัมผัสกับผู้ติดเชื้อ ละอองเสมหะจากการไอ จาม น้ำมูก น้ำลาย เพราะหลายคนรับเชื้อเข้าไปแล้วแต่ไม่มีอาการป่วย จึงเป็นพาหะนำโรคไปแพร่กระจายต่อได้ไว
ในคนที่มีอาการแสดงออกจะมีตั้งแต่ระดับความรุนแรงน้อย เช่น มีไข้ ไอ ลิ้นไม่รับรส จมูกไม่ได้กลิ่น อ่อนเพลีย คัดจมูก และเจ็บคอ และบางรายที่เชื้อลงปอดแล้วจะมีอาการรุนแรงขึ้น คือ หายใจลำบาก หอบเหนื่อย ปอดบวม จนถึงขั้นเสียชีวิตได้ หากเป็นผู้ที่มีร่างกายแข็งแรง ก็สามารถรักษาเบื้องต้นตามอาการได้ แต่หากเป็นผู้สูงอายุและผู้ที่มีโรคประจำตัว เช่น เบาหวาน และโรคหัวใจ จะถือว่าเป็นผู้ป่วยกลุ่มเสี่ยง จึงต้องรีบเข้ารับการดูแลรักษาเป็นพิเศษ โดยอัตราการเสียชีวิตของโรคนี้ เฉลี่ยทั่วโลกอยู่ที่ 2%
5. โรคเมอร์ส
โรคทางเดินหายใจตะวันออกกลาง หรือ โรคเมอร์ส (Middle East Respiratory Syndrome : MERS) เป็นโรคที่เกิดจากเชื้อไวรัสโคโรนา สายพันธุ์ 2012 มีอูฐเป็นพาหะทำให้เกิดการติดต่อจากสัตว์สู่คน และคนสู่คน ส่วนใหญ่พบในประเทศแถบตะวันออกกลาง โดยอาการที่พบทั่วไป ได้แก่ มีไข้สูง ไอ หายใจหอบเหนื่อย บางรายอาจจะมีอาการท้องเสีย คลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย และอาจจะรุนแรงจนเกิดปอดอักเสบ ไตวาย หรือเสียชีวิตได้ เนื่องจากไม่มียารักษาเฉพาะ อัตราการเสียชีวิตจึงสูงถึง 30-40%
6. โรคซาร์ส
โรคทางระบบทางเดินหายใจเฉียบพลันร้ายแรง หรือ โรคซาร์ส (Severe Acute Respiratory Syndrome : SARS) มีสาเหตุมาจากเชื้อไวรัสในตระกูลโคโรนาไวรัส ในระยะแรก การติดเชื้อนี้จะมีเฉพาะในสัตว์เล็ก แต่ต่อมาได้กลายพันธุ์จนพบการติดเชื้อในมนุษย์ขึ้น โดยอาการของผู้ที่ติดเชื้อจะคล้ายกับไข้หวัดใหญ่ เช่น มีไข้สูง หนาวสั่น ไอแห้ง ปวดเมื่อยกล้ามเนื้อ ท้องเสีย และหายใจลำบาก
7. โรคภูมิแพ้
จะเกิดกับระบบทางเดินหายใจส่วนบน หรือจมูก ผู้ป่วยจะมีอาการจาม คัดจมูก น้ำมูกไหล มีเสมหะใส คันเพดานปากและคอ
8. ไซนัสอักเสบ
โรคไซนัสอักเสบ (Sinusitis) เป็นการอักเสบและติดเชื้อของเยื่อบุจมูกและไซนัส ซึ่งอาจเกิดจากเชื้อไวรัส แบคทีเรีย และเชื้อรา มีทั้งแบบเฉียบพลันและเรื้อรัง โดยอาการหลัก ๆ ที่พบทั่วไป ได้แก่ คัดหรือแน่นจมูก มีน้ำมูกไหลออกมาทางรูจมูกด้านหน้าหรือไหลลงคอ ปวดหรือแน่นบริเวณใบหน้า รับกลิ่นไม่ได้ โพรงจมูกอุดตัน เนื้อเยื่อบวม หรืออาจพบเป็นริดสีดวงจมูก และมีหนองไหล
9. เยื่อบุโพรงจมูกอักเสบ
10. โรคหูชั้นกลางอักเสบเฉียบพลัน
11. ต่อมทอนซิลอักเสบ
ทอนซิลอักเสบ (Tonsillitis) คือ อาการต่อมทอนซิลซึ่งทำหน้าที่เป็นตัวดักจับและกำจัดเชื้อโรคที่เข้าสู่ทางเดินหายใจและทางเดินอาหารมีลักษณะโตผิดปกติ สาเหตุมาจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย ทำให้มีผลต่อระบบทางเดินหายใจและการกลืนอาหาร สามารถเกิดขึ้นได้ทุกเพศทุกวัย แต่มักจะพบมากในเด็กเล็ก อาการที่เห็นชัดคือ มีไข้ เจ็บคอ เสียงแหบ กลืนอาหารลำบาก ต่อมน้ำเหลืองที่คอบวมโต รวมถึงอาการปวดร้าวไปจนถึงหูร่วมด้วย
12. คออักเสบ
คออักเสบ หรือ คอหอยอักเสบ (Pharyngitis) เป็นการอักเสบของเนื้อเยื่อในลำคอ ทำให้ผู้ป่วยมีอาการเจ็บคอ เกิดจากติดเชื้อไวรัสและแบคทีเรีย นอกจากนี้ยังมีสาเหตุอื่น ๆ เช่น เป็นผลกระทบจากการป่วยเป็นหวัด ภูมิแพ้ ไซนัส กรดไหลย้อน หรืออยู่ในพื้นที่ที่มีการระบาดของเชื้อโรคที่ทำให้เกิดคออักเสบ รวมทั้งการสูบบุหรี่หรือสูดดมควันบุหรี่เป็นประจำ อาการแสดงขึ้นอยู่กับเชื้อก่อโรค คือ
-
คออักเสบจากการติดเชื้อไวรัส อาการคล้ายไข้หวัด โดยมีน้ำมูก คัดจมูก จาม มีไข้ต่ำกว่าการติดเชื้อแบคทีเรีย คอแดง คอแห้ง เสียงแหบ ในเด็กอาจมีแผลในปาก มีผื่นขึ้นตามผิวหนัง หรือคลื่นไส้ อาเจียนร่วมด้วย
-
คออักเสบจากการติดเชื้อแบคทีเรีย มักไม่มีน้ำมูก ไม่มีอาการไอ แต่จะมีไข้สูงมากกว่า 38 องศาเซลเซียส ปวดศีรษะ ปวดเมื่อย เจ็บคอมาก คอมีจุดสีแดงหรือรอยสีขาว ต่อมทอนซิลบวม ต่อมน้ำเหลือบวมโต กดเจ็บ ปวดท้อง คลื่นไส้อาเจียน
13. หลอดลมอักเสบ
14. ปอดอักเสบ
ปอดอักเสบ หรือ ปอดบวม (Pneumonia) เป็นโรคที่เกิดจากการอักเสบของปอดบริเวณหลอดลมฝอยส่วนปลาย ถุงลม และเนื้อเยื่อรอบถุงลม มีสาเหตุจากการติดเชื้อไวรัสหรือแบคทีเรีย หรือสัมผัสกับมลภาวะทางอากาศ ควันบุหรี่ หรืออยู่ในที่แออัดเป็นเวลานาน ๆ ส่วนใหญ่จะพบในเด็ก โดยอาการที่พบบ่อย ได้แก่ มีไข้ ไอ หายใจหอบเหนื่อย หายใจลำบาก ถ้าเป็นเด็กเล็กมากจะงอแง ไม่ยอมกินอาหารและน้ำ และถ้าเป็นหลาย ๆ ครั้ง อาจจะมีความเสี่ยงในการเกิดเป็นความผิดปกติของระบบทางเดินหายใจแบบถาวรได้
15. วัณโรคปอด
วัณโรคปอด (Tuberculosis : TB) เป็นโรคระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากการติดเชื้อแบคทีเรียชื่อ Mycobacterium tuberculosis สามารถเกิดขึ้นได้ทุกอวัยวะของร่างกาย แต่ที่พบบ่อยมากที่สุดคือ ปอด และเป็นโรคที่ติดต่อกันได้ผ่านทางอากาศ ด้วยการหายใจ ไอ จาม หรือคลุกคลีใกล้ชิดกับผู้ป่วย โดยอาการสำคัญ ได้แก่ ไอแห้งติดต่อกันนานกว่า 2 สัปดาห์ หรืออาจไอมีเสมหะหรือมีมูกเลือดปน เจ็บหน้าอก เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก มีไข้ต่ำ ๆ ตอนบ่ายหรือค่ำ เบื่ออาหาร น้ำหนักตัวลดลง และเหงื่อออกผิดปกติตอนกลางคืน
16. พังผืดในปอด
17. โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง
โรคปอดอุดกั้นเรื้อรัง (Chronic Obstructive Pulmonary Disease : COPD) หรือที่มักเรียกติดปากว่า โรคถุงลมปอดโป่งพอง เกิดจากการสูดหายใจเอามลพิษในรูปของก๊าซหรือฝุ่น เช่น ควันบุหรี่ และควันจากการเผาไหม้ เช่น จากการทำอาหาร ท่อไอเสีย เข้าไปเป็นประจำในปริมาณมาก ๆ สารพิษจากควันดังกล่าวจะไปทำลายระบบทางเดินหายใจ ทำให้เนื้อเยื่อปอดเสื่อมสภาพ เกิดอาการอักเสบ มักพบในผู้ที่มีอายุ 40 ปีขึ้นไป เมื่อเป็นแล้วจะไม่สามารถรักษาให้หายขาดได้
อาการทั่วไป คือ หายใจลำบาก เหนื่อยหอบง่ายโดยเฉพาะเวลาออกแรง ไอเรื้อรัง มีเสมหะมาก หายใจแล้วมีเสียงวี้ด อ่อนเพลีย แน่นหน้าอก และอาจจะรุนแรงถึงขั้นการติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจ หรือภาวะการหายใจล้มเหลวเฉียบพลัน และหัวใจด้านขวาล้มเหลวได้
18. มะเร็งปอด
โรคมะเร็งปอด (Lung Cancer) นับเป็นหนึ่งในโรคระบบทางเดินหายใจที่พบบ่อยและเป็นสาเหตุการเสียชีวิตของประชากรโลกอันดับต้น ๆ มีสาเหตุหรือปัจจัยเสี่ยงของการเกิดโรค อาทิ การสูบบุหรี่หรือการสูดดมควันบุหรี่ การสัมผัสสารก่อมะเร็ง และมลภาวะทางอากาศ เป็นต้น แม้อาการของโรคในเบื้องต้นจะดูไม่รุนแรงเท่าไรนัก เช่น ไอเรื้อรัง ไอมีเสมหะเป็นเลือด เหนื่อยหอบ หายใจลำบาก หายใจแล้วมีเสียงวี้ด เสียงแหบ เจ็บหน้าอก เหนื่อยง่าย อ่อนเพลีย เบื่ออาหาร น้ำหนักลด แต่ถ้าทิ้งไว้นาน ๆ ละเลย ไม่รีบไปปรึกษาแพทย์ ก็อาจจะทำให้รุนแรงจนถึงขั้นเสียชีวิตได้
19. โรคนิวโมโคนิโอสิส
20. โรคบิสสิโนสิส
โรคบิสสิโนสิส (Byssinosis) หรือ โรคปอดฝุ่นฝ้าย เป็นอีกหนึ่งโรคปอดที่เกิดจากการสัมผัสและรับเอาฝุ่นจากฝ้าย ป่าน ปอ หรือลินินเป็นเวลานาน ทำให้เกิดการอักเสบที่ปอด การหดเกร็งของหลอดลม บางครั้งอาจจะรุนแรงจนกลายเป็นโรคหอบหืดได้ มักจะเกิดขึ้นกับผู้ที่ทำงานในอุตสาหกรรมทอผ้า ทอกระสอบ โดยมีอาการต่าง ๆ ได้แก่ ระคายเคืองที่จมูก แน่นหน้าอก หายใจลำบาก หายใจเร็วกว่าปกติ
21. โรคนิวโมคอคคัส
โรคนิวโมคอคคัส (Pneumococcal) เป็นโรคติดเชื้อในระบบทางเดินหายใจที่เกิดจากเชื้อแบคทีเรีย "สเตรปโตคอคคัสนิวโมเนียอี" (Streptococcus pneumoniae) และเป็นสาเหตุที่ทำให้เกิดโรคปอดอักเสบและการติดเชื้อที่อวัยวะในระบบทางเดินหายใจอื่น ๆ เช่น หูชั้นกลางอักเสบ ไซนัสอักเสบ โรคไอพีดี เป็นต้น สามารถพบได้ทุกช่วงอายุ แต่จะพบและมีอาการรุนแรงมากในเด็กเล็ก ผู้สูงอายุ และผู้ที่มีโรคประจำตัว รวมถึงผู้ที่สูบบุหรี่จัด ๆ โดยอาการทั่วไป คือ ไข้สูง ไอ หนาวสั่น เจ็บหน้าอก หายใจลำบาก เหนื่อยหอบ
โรคระบบทางเดินหายใจ ส่วนใหญ่จะติดต่อกันได้ผ่านการไอ จาม หรือสัมผัสสูดดมเอาอากาศที่มีเชื้อโรคเข้าไป เราจึงควรดูแลตัวเองอยู่เสมอด้วยวิธีต่าง ๆ เหล่านี้ เพื่อป้องกันไม่ให้เชื้อโรคเข้าสู่ร่างกาย
-
หมั่นล้างมือให้สะอาดเป็นประจำ เช่น ก่อนรับประทานอาหาร หลังเข้าห้องน้ำ
-
ไม่ควรใช้มือที่ไม่สะอาดมาป้ายจมูกหรือตา
-
ใช้ผ้าหรือกระดาษทิชชูปิดปากหรือจมูก เวลาไอหรือจาม เมื่อใช้เสร็จแล้ว ควรทิ้งในถังขยะที่มีฝาปิดมิดชิด
-
ไม่ควรใช้ของใช้ส่วนตัว เช่น แก้วน้ำ จานชาม ช้อนส้อม ผ้าเช็ดตัว ร่วมกับผู้ป่วยโรคระบบทางเดินหายใจ
-
เมื่อออกไปในที่สาธารณะ ควรสวมหน้ากากอนามัยทุกครั้ง
-
ไม่ควรสูบบุหรี่ หรือสูดดมควันบุหรี่ เพราะเป็นสาเหตุสำคัญที่ทำให้การทำงานของปอดเสื่อมสมรรถภาพ
-
หลีกเลี่ยงการสัมผัสใกล้ชิดหรือคลุกคลีกับผู้ติดเชื้อ เช่น ผู้ที่เป็นไข้หวัดหรือปอดอักเสบ
-
หลีกเลี่ยงพื้นที่แออัด หรือมีฝุ่นละออง มลพิษ หรือสารเคมีที่เป็นพิษต่าง ๆ
-
ฉีดวัคซีนป้องกันการติดเชื้อ เช่น วัคซีนไข้หวัดใหญ่ วัคซีนปอดอักเสบ วัคซีนป้องกันโรคไอพีดี
-
สร้างภูมิคุ้มกันให้แข็งแรงขึ้น ด้วยการดูแลสุขภาพร่างกาย อาทิ ลดความเครียด นอนหลับพักผ่อนให้เพียงพอ กินอาหารที่มีประโยชน์ ดื่มน้ำสะอาดอย่างน้อยวันละ 8 แก้ว และออกกำลังกายอย่างพอเหมาะเป็นประจำ
สมาคมโรคติดเชื้อในเด็กแห่งประเทศไทย (1), (2)
ราชวิทยาลัยกุมารแพทย์และสมาคมกุมารแพทย์แห่งประเทศไทย (1), (2), (3), (4)
ราชวิทยาลัยโสต ศอ นาสิกแพทย์ แห่งประเทศไทย (1), (2), (3), (4), (5), (6)
คณะแพทยศาสตร์โรงพยาบาลรามาธิบดี มหาวิทยาลัยมหิดล
คณะแพทยศาสตร์ศิริราชพยาบาล มหาวิทยาลัยมหิดล
องค์การอนามัยโลก (1), (2)
กรมควบคุมโรค (1), (2), (3),
สำนักวัณโรค กรมควบคุมโรค
กรมการแพทย์ (1), (2)
กองโรคจากการประกอบอาชีพและสิ่งแวดล้อม
โรงพยาบาลราชวิถี
โรงพยาบาลกรุงเทพ
โรงพยาบาลบางปะกอก-รังสิต 2
โรงพยาบาลศิครินทร์
โรงพยาบาลพญาไท
โรงพยาบาลเวิลด์เมดิคอล
โรงพยาบาลเพชรเวช
โรงพยาบาลเด็กสินแพทย์
โรคปอดและทางเดินหายใจ หมอวินัย โบเวจา